หลังจากกินเสร็จ ก็กลับมาที่รถและเดินทางต่อ..
โชคยังดีที่ระหว่างทางอทินยอมคุยเรื่องงานกับเธอบ้าง ซึ่งเขาเองก็ดูเป็นคนที่จริงจังมากกับเรื่องนี้
ร่างบางเปิดอ่านเอกสารที่เขาหยิบมาให้จากหลังรถ และด้วยความที่เธอมีประสบการณ์จากบริษัทของครอบครัวจึงทำให้เรียนรู้เนื้องานได้ไว อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างเป็นบางจุด เพราะบริษัทของเขาใหญ่กว่าหลายเท่า ทำให้แผนงานค่อนข้างเป็นระบบมากขึ้น
สำหรับบริษัทไทเทเวศนั้น เรียกว่าใหญ่ให้เว่อร์ เริ่มก่อตั้งได้สามสิบกว่าปีและหลังจากที่อทินได้ก้าวเข้ามาบริหาร ทุกอย่างก็เริ่มเป็นเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ดังนั้นบริษัทจึงมีเครือข่ายและลูกค้าหลายเจ้า รวมทั้งมีลูกน้องทีมงานเป็นของตัวเอง
งานที่รับเหมาส่วนใหญ่ ก็เช่น งานก่อสร้างแท่นวางแทงค์ในโรงไฟฟ้า หรือสร้างโกดังขนาดใหญ่ ทำถนนบ้าง ตามหน่วยงานรัฐหรือเอกชนว่าจ้าง หรืองานที่ประมูลได้ไป
หลังจากขับรถมาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาหยุดที่หน้าไซต์งานขนาดใหญ่ที่มีแผนกำลังจะสร้างโรงงานผลิตน้ำตาล
ขณะที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างรถเพื่อเตรียมตัวจะเดินเข้าไปด้านในไซต์งานก่อสร้าง คนตัวโตก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นสิ่งของในมือให้เธอ
“เสื้อช็อปกับหมวกเซฟตี้ใส่ด้วย”
พูดจบเขาก็หันไปจัดการกับของตัวเองต่อ..
“ขอบคุณค่ะ”
เธอรับมันมาสวมใส่ตามคำสั่ง..สายตามองเขาเป็นเนืองๆ ว่าจะตึงอะไรนักหนา ทว่าช้าไปก็ไม่ได้ เลยต้องรีบกลับมาโฟกัสกับตัวเอง แต่หมวกเซฟตี้เจ้ากรรมดันใหญ่เกินไปกว่าขนาดหัว เลยหันหลังไปให้คนตรงข้ามช่วยปรับให้
“เฮียสิงห์..ช่วยหมุนปรับหมวกให้พราวหน่อยสิ”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็สบถในใจเบาๆ จะมีปัญหาอะไรนักหนา มา..เดี๋ยวทำให้
“โอเคไหม? พอดีหรือยัง”
“อื้อ เฮียสิงห์ แน่นไปค่ะพราวเจ็บ..เอาออกอีกนิดนึง”
น้ำเสียงกระเส่าทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งรีบผละออกจากเธอทันที ก่อนจะโดนหนีไปแบบไม่ไยดี..เอ้า!
“ทำเองก็แล้วกัน!”
“อ้าว เฮียสิงห์! เป็นไรอีกละเนี่ย”
พราวนภาได้แต่มองตามเขา เป็นบ้าอะไรวุ่นวายตั้งแต่เช้า อารมณ์เหมือนคนเป็นประจำเดือนไปได้
เขาปล่อยให้คนขาสั้นรีบวิ่งตามหลังมา แม้เธอจะร้องเรียกบอกให้เขารอด้วยแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด
เวลาตอนนี้แปดโมงเช้าพอดิบพอดี คนงานกำลังเข้าแถวและยืนประชุมกันอยู่ มีวิศวกรผู้คุมงานและโฟร์แมนกำลังยืนพูดอยู่ด้านหน้า เป็นสิ่งที่ต้องทำในทุกๆ เช้าก่อนเริ่มงาน
เมื่อเหล่าผู้นำและทุกคนที่ยืนอยู่เห็นอทินเดินเข้ามาก็รีบยกมือไหว้สวัสดีและเอ่ยทักทาย..
“สวัสดีครับเฮียสิงห์..เฮียมีอะไรจะพูดไหมครับ? พวกผมคุยกันจบแล้ว” ชายคนหนึ่งในกลุ่มหัวหน้างานโปรยคำถามไปยังเจ้านาย
อทินยกมือปัดบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่มีตามสบาย ทว่าชายหนุ่มกลับหันมาทางพราวนภาที่พึ่งเดินตามหลังมา ก่อนจะเอ่ยปาก
“เธอ! ไปพูดอะไรหน่อยสิ”
“อ่อ อ่า ได้ค่ะ”
พราวนภาได้แต่ตอบรับอย่างงงๆ ตามคำสั่ง ก่อนจะเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มหัวหน้า ทำเอาเสียงวงประชุมแตกฮือฮาและสงสัยกันว่าผู้มาเยือนใหม่คือใคร
“สวัสดีค่า พราวนะคะ สวัสดีพี่ๆ ช่างทุกคนค่ะ”
เธอเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้ย่ออย่างเรียบร้อยและแนะนำตัวว่าเธอเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของอทิน รวมทั้งพูดถึงเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน
“พราวอยากจะเน้นย้ำพี่ๆ ทุกคนอีกครั้งนะคะ เรื่องความปลอดภัยสำคัญมากค่ะ รับทราบนะคะ อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์”
“โอเค!” เสียงคนงานตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์! อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์!”
“โอเค! โอเค!”
“เยี่ยมมากค่ะ! ขอบคุณมากๆ ค่ะ เชิญพี่หัวหน้าต่อค่ะ”
เธอส่งไม้ต่อให้หัวหน้าช่างแล้วจึงเดินถอยออกมายังจุดที่อทินยืนอยู่
“ก็ใช้ได้หนิ”
คนตัวโตมองเธอพร้อมกับพูดเสียงเรียบๆ ในใจแอบชื่นชมเธออยู่นิดนึงที่เป็นงานไว และดูน่าจะผ่านอะไรมาเยอะพอตัวเหมือนกัน
“ขอบคุณค่ะ พราวไม่รู้จะพูดอะไรดีก็เลยตามน้ำไปเรื่อย”
พราวนภาตอบรับอย่างเขินอายในใจ ในที่สุดเขาก็พูดดีกับเธอบ้าง
“สวัสดีครับคุณพราว สวัสดีอีกรอบนะครับ ผมเก่งกาจเรียกสั้นๆ ว่าเก่งก็ได้ครับเป็นหัวหน้าวิศวกร”
เก่งกาจเดินเข้ามาหาพราวนภาและอทิน หลังจากปล่อยลูกน้องให้แยกย้ายไปทำงาน…
“คุณพราวนี่ สุดยอดไปเลยครับ แบบนี้น่าจะเอาเฮียสิงห์อยู่แน่นอน!”
“น้อยๆ นะมึง ไอ้เก่ง”
“สวัสดีค่ะ คุณเก่ง พราวฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เธอหันหน้าไปทักทายคนที่เดินเข้ามาใหม่อย่างยิ้มแย้ม
“ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วมั้งนั่น”
เขาเอ่ยขึ้นแถมยังจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาดุ..นี่ก็ว่ากินข้าวเช้ามาแล้วนะ แต่ทำไมเขาอารมณ์ขึ้นลงง่ายเหมือนคนน้ำตาลในเลือดตก
หลังจากนั้นเก่งกาจก็พาทั้งคู่เดินสำรวจตรวจงานไปยังจุดต่างๆ พร้อมทั้งอธิบายความคืบหน้าของแต่ละส่วน
“อืม ตามนั้น..เดี๋ยวถ้าวันนี้ฝั่งนั้นเทปูนเรียบร้อย มึงก็ให้พวกคนงานผู้หญิงกลับไปพักเร็วก็ได้ ส่วนผู้ชายให้ช่วยย้ายของไปเก็บที่โกดัง” อทินเอ่ยสั่งงานกับลูกน้อง
“ครับเฮีย..คุณพราวครับ ระวัง!”
กำลังคุยกันอยู่ดีๆ กับเจ้านาย สายตาของเขาก็กำลังเห็นพราวนภาล้มลงต่อหน้าทันที
“โอ๊ยย!”
ก้นของเธอลงไปรับแรงกระแทกกับพสุธาเข้าเต็มๆ ดีที่เธอเอาข้อศอกยันไว้ ไม่อย่างนั้นได้หงายหลังหัวโขกแน่นอน
“ขอโทษนะครับ ผมลืมบอกไปว่าตรงนี้พึ่งเทปูนเสร็จไม่กี่วันก่อนแล้วฝนมันสาดเข้ามา พื้นเลยลื่นมาก”
เก่งกาจเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพยายามจะเข้ามาช่วยพยุงพราวนภา แต่ทว่าคนตัวโตก็ดันมาชิ่งอุ้มเธอตัดหน้าไปซะก่อน
“ไม่ต้อง! มึงไปบอกให้คนงานหาอะไรมาล้อมไว้ เดี๋ยวกูจะพาเธอกลับไปก่อน” อทินพูดขึ้นเสียงแข็ง ทำคนเป็นลูกน้องสะดุ้งแทบไม่ทัน
“ครับๆ เฮีย”
ว่าจบหลังจากเก่งกาจวิ่งออกไป ร่างสูงจึงกระชับอ้อมแขนขึ้น แล้วเดินอุ้มเธอออกมาจากไซต์งาน
“เฮียสิงห์ ปล่อยพราว! คนมองกันหมดทั้งไซต์แล้วเห็นไหม”
พราวนภาพยายามขัดขืนและดิ้นตัวให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่งสายตาหลายสิบคู่จ้องมองมายังพวกเขา พร้อมทั้งเสียงซุบซิบกัน
“ถ้าปล่อยแล้วเธอเผลอเดินล้มหัวฟาดลงไปอีก มีหวังได้ออกข่าวใหญ่แน่ เสียชื่อบริษัทเลยล่ะคราวนี้!”
“พราวไม่ได้เป็นไรมากสักหน่อย แค่เจ็บก้นกับแขนถลอก”
เธอบ่นอุบพร้อมกับใช้แรงฮึดสู้อีกครั้ง จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่รถ เขาจึงยอมปล่อย..
“ไป กลับ!”
เสียงดุเอ่ยสั่ง ก่อนเจ้าตัวจะรีบเดินอ้อมขึ้นไปยังฝั่งคนขับ โดยไม่ได้หันมาพูดจาอะไรต่อ..บ้าหรือไง เป็นบ้าเหรอ ทำไมทำแบบนี้ ไม่ได้เจ็บขาสักหน่อย ทำไมเขาพูดไม่รู้เรื่อง..
พราวนภารีบถอดหมวกและเสื้อช็อปด้วยสีหน้าท่าทางหงุดหงิด อารมณ์ของเธอเริ่มรำคาญคนตัวโตแล้วตอนนี้ เหมือนจะไม่สนใจและเว้นระยะห่าง แต่บางทีก็ทำตัวเป็นบ้าแบบแปลกๆ
และขณะเดียวกันอีกด้านในไซต์งานก่อนนั้น...
“กูว่าคนนี้คงจะไม่ใช่แค่ผู้ช่วยคนใหม่ของเฮียสิงห์แล้วล่ะไอ้คม” เสียงของเก่งกาจดังขึ้น ก่อนหันหน้าไปทางอาคมโฟร์แมนคุมคนงาน..
“ผมก็ว่างั้นแหละลูกพี่! คนนี้น่าจะเป็นว่าที่เจ๊ของพวกเรามากกว่า!”
ลูกน้องพยักหน้าเสริมสมทบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ทว่าปากพูด แต่สายตามองตามเจ้านายที่อุ้มผู้หญิงเดินออกไปไม่ยอมละเลิก..
“เกินไปหัวหน้า” ยังไม่พอเสริมให้อีก
“เดี๋ยววันนี้มึงบอกคนงานรีบทำแล้วกัน เสร็จเร็วตอนเย็นกูปิดร้านหมูกระทะเลี้ยง” ว่าพลางเก่งกาจหันหน้าไปบอกอาคม ช้าไม่ได้ เดี๋ยวงานไม่เสร็จ นินทาเจ้านายพอกลมกล่อมก็พอ..
“เย้!! วันนี้หัวหน้าจะเลี้ยงหมูกระทะเว้ย!!”
เสียงเฮลั่นดังขึ้นทั่วไซต์ ก็แน่ล่ะ งานนี้ไม่พลาดแน่นอนไอ้เก่งขอฟันธง!