Chapter 10 ถ้าฉันกอดจะอุ่นไหม

1111 คำ
ต่างคนต่างนั่งกินข้าวจานของตัวเองเงียบๆ เธอลุกไปหยิบขวดน้ำกับแก้วครั้งหนึ่ง เป็นเขาที่กินหมดจานก่อน เธอรีบจ้วงตามก่อนจะหยิบจานไปล้าง เดินกลับมาอุบอิบว่า “คุณจะกลับแล้วใช่ไหมคะ” ปฏิพัทธ์จึงลุกจากโซฟาไม้ เดินไปทางครัว เธอเดินตามมาด้วย เขาเอื้อมไปดึงประตูเล็กที่เปิดค้างปิดเข้ามาและลงกลอน ก่อนหันกลับมา พบว่าสาวน้อยหน้าตาตื่น ถอยไปยืนข้างเคาน์เตอร์ครัว จุดนั้นที่เขาเห็นว่ามีมีดทำครัวหลายอันเสียบอยู่กับที่เสียบมีด จึงเบนสายตากลับมาสบตาตื่นๆ พร้อมกดยิ้มนิดๆ “เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวไม่ควรเปิดประตูห้องทิ้งไว้” ก่อนจะเดินผ่านเธอไปยังซฟาไม้ตัวเดิม ยังเห็นว่าร่างเล็กสะดุ้ง ทำท่าจะกระโจนหนี เขาอยากหัวเราะดังๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกลัวอะไร อยู่กันแค่นี้ ถ้าเขาจะทำอะไรเธอจริงๆ คิดหรือว่าจะทันได้หนี จะได้ร้องสักแอะไหมเถอะ หากที่เขาทำแค่ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาไม้เนื้อแข็ง คว้าหมอนอิงมาหนุนหัว รวบมือกอดอก หลับตาลง ไม่นานนัก ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ เข้ามาใกล้ “คุณ” อรนลินส่งเสียงเรียก เขาคงไม่หลับง่ายดายขนาดนั้น แล้วเรื่องอะไรมานอนในบ้านเธอแบบนี้ เขาควรจะกลับไปสิ แต่เรียกแล้วเขายังเฉย หรือจะหลับจริง ดูเวลา... ตีหนึ่งแล้ว “คุณๆ” เธอทำใจกล้า ดึงตรงแขนเสื้อเชิ้ต เรียกอีกครั้ง “คุณ! อุ๊ย!” นอกจากทำให้ตาคมดุนั้นลืมขึ้นมา เขายังพลิกมือมาดึงแขนเธอจนเสียหลักล้มลงบนตัวเขา เธอรีบตะเกียกตะกายยันตัวลุกขึ้น สองมือยันแผงอกกว้างแน่น ที่แค่สัมผัสก็ทำเอาใจเต้นแรง ท่อนแขนเธอกลับถูกจับทั้งสองข้างทำให้ลุกหนีไม่ได้ ได้แต่ชะโงกตัวอยู่บนร่างใหญ่ ความใกล้ชิดทำให้เธอหวาดผวา นึกถึงสิ่งที่เขาทำตอนอยู่ที่ร้าน อรนลินพยายามขืนตัวออกห่าง ยิ่งตาคมดุคู่นั้นหลุบลงจับกลีบปาก ใจในโพรงอกเต้นรุนแรงอย่างน่ากลัว “เธอชื่ออะไร” “ปล่อยค่ะ ปล่อยฉัน คุณควรจะกลับไปได้แล้วนะคะ บ้านฉันไม่มีอะไรหรอก ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณหรอก” เธอรีบพูดจนลิ้นรัวแทบไม่เป็นคำ หัวหูอื้ออึง “ชื่อ” ท่าทางเขาไม่สนใจคำพูดเธอสักนิด มือใหญ่แข็งอย่างกับคีมเหล็กยังจับต้นแขนเธอ ไม่แน่นจนเจ็บแต่ขืนหนีไม่ได้ “อะ อรนลิน” “ชื่อเล่น” “อุ... อุ่น” “ถ้าฉันกอดจะอุ่นไหม” “คุณ!” เธอแทบตัวแข็งค้างตาเบิกกว้างจ้องหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชาพร้อมกับเม้มปากแน่น นี่เขาคิดว่าเธอเป็นลูกน้องเป็นพนักงานในร้านแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ ขอบตาพลันร้อนผ่าว รู้แก่ใจดีว่าถ้าคนตรงหน้าคิดจะเอารัดเอาเปรียบ เธอสู้ไม่ได้แน่ ทางเดียวคือแหกปากร้องให้ลั่นแฟลต ให้คนช่วย “เรียกฉันว่าธามสิ” เสียงสั่งเรียบราบตามมาอีก อรนลินนิ่ง สะบัดแขน ยันตัวจะหนีท่าเดียว นั่นคงทำให้เขารำคาญ ไม่ก็ขัดใจ มีเสียงจุปาก มือใหญ่ข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาจับท้ายทอยเธอ ...ตรึงไว้ เธอเหมือนลูกแมวที่ถูกล็อกหลังคอแล้วขัดขืนไม่ได้ ได้แต่เบิกตามองหน้าคนทำ “คนอื่นๆ เรียกฉันว่าปฏิพัทธ์ คนสนิทเรียกว่าธาม ไหนลองแทนตัวเองว่าอุ่นแล้วเรียกฉันว่าธามสิ” “ปล่อยฉะ...” ตาคมดุเหลือบขึ้นมามอง เธอชะงัก เปลี่ยนคำพูด “ปล่อยอุ่นค่ะ” “กลัวฉันเหรออุ่น” “อยะ อย่าทำอะไรอุ่นอีกเลยนะ” คราวนี้ ความกลัว ความกดดันที่สั่งสมอัดแน่นมาตั้งแต่หัวค่ำทำให้น้ำตาพังครืน เธอหลับตา หนีหน้า โกรธ กลัว สับสน ทำตัวไม่ถูกไปหมดแล้ว ปฏิพัทธ์ปล่อยมือจากท้ายทอย เลื่อนมาลูบน้ำตาบนแก้มใส ใจแกร่งกระด้างอุ่นๆ ไหวๆ อย่างไม่เคยเป็น มันคลับคล้ายว่าเอ็นดู และดูเหมือนยิ่งเช็ด เด็กขี้กลัวก็ยิ่งร้องไห้ “หยุดร้อง แล้วไปอาบน้ำนอน” พอเขาเอ่ยออกไป เธอปรือตาเปียกๆ ขึ้นมอง “คุณจะกลับใช่ไหม” “ไม่ล่ะ คืนนี้เหนื่อยอยากนอนแล้ว” “แต่ แต่ คุณไม่กลัวรถหายเหรอคะ” “ฉันมั่นใจว่า ตัวล็อกราคาเหยียบล้านมันคงมีประสิทธิภาพพอ แต่ถ้าไม่ ฉันก็จะได้เงินประกันไปซื้อคันใหม่ ไม่ต้องห่วงหรอก” “แต่... อุ่นไม่มีที่นอนนุ่มๆ กว้างๆ ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีแอร์ ไม่...” ปฏิพัทธ์เลื่อนมือจากแก้มลงมาจับปลายคางมนบีบเบาๆ หยุดถ้อยคำที่เธอจะละล่ำละลักออกมา “ถ้าเธอไม่ยอมไปอาบน้ำนอนสักที ฉันอาจจะได้แก้ผ้า นอนบนตัวเธอ ไม่ก็ใช้ตัวเธอเป็นผ้าห่มแทน” สาวน้อยถึงกลับชะงัก ทะลึ่งพรวดขึ้นแล้วถอยกรูดออกห่าง มองเขาผ่านตาเปียกๆ ไม่กี่วินาทีก็พุ่งตัวเข้าไปยังห้องนอนห้องที่อยู่ตรงกับโซนนั่งเล่น ท่าทางลนลานนั่นทำให้เขาอดยิ้มบางๆ ไม่ได้ ไม่น่าเชื่อแต่เขาเริ่มจะเชื่อแล้วว่าเธอไร้เดียงสาและขี้กลัวจริงจัง กล้าดียังไงถึงได้ไปทำงานที่นั่น ไม่รู้หรอกหรือว่า สักวันมันจะมอมเมาให้เธอทำทุกอย่างตามวัฏจักรสีเทา ตาคมหลับตาลง ความหงุดหงิดรุมเร้าในอก ได้ยินเสียงประตูค่อยๆ เปิด หากก็แกล้งนอนหลับตานิ่ง ปล่อยให้คนขี้กลัวได้ทำธุระของเธอ ไม่งั้นฟ้าอาจสว่างซะก่อน ผลจากความกลัวและกังวลสารพัดที่มีผู้ชายมานอนร่วมห้องด้วยทำให้อรนลินนอนหลับๆ ตื่นๆ มาผล็อยหลับจริงจังตอนตีสี่นี่เอง รู้สึกว่าหลับได้แป๊บเดียว ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแว้ดๆ ที่มาพร้อมกับเสียงโครมครามลั่นแฟลตของใครบางคน เธอฝืนลืมตา ความแสบจนน้ำตาไหลทำให้ต้องหยีตามองเวลาบนหน้าจอสมาร์ตโฟนราคาไม่ถึงหมื่น พบว่าเพิ่งจะหกโมงเช้าห้านาที เธอนอนหลับแค่แป๊บเดียวจริงๆ อรนลินฝืนความง่วงงุนลุกขึ้น ห้องนี้เธอนอนกับน้องสาว ไม่มีเตียง มีแค่ฟูกขนาดห้าฟุตวางบนพื้น ในห้องยังมีตู้เสื้อผ้าพลาสติกราคาไม่กี่ร้อยสองหลัง โต๊ะญี่ปุ่นสำหรับเขียนหนังสือและตุ๊กตาสองสามตัวก็เต็มพื้นที่แล้ว “เสียงใคร”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม