ตอนที่ 1
“พู่เสร็จหรือยังลูก” เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นอยู่หลายครั้งก่อนประตูใหญ่สีขาวจะถูกเปิดออก “เร็วเข้า พอลมารอนานแล้วนะ” ไพลินยิ้มให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียว
“รู้แล้ว ๆ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งไม่รู้ว่าแม่ของเธอจะเร่งอะไรนักหนาคนที่ผิดคือคนที่มารอเธอก่อนเวลานัดต่างหากล่ะ
“ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกอีกแล้ว” พอลเงยหน้าจากแชทกลุ่มจ้องมองมาที่ชมพู่ที่กำลังเดินหน้างอตรงเข้ามาหาตัวเอง “ไม่ลืมอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ลืม ไปเร็ว” เธอเอ่ยเร่งเดินออกมาขึ้นรถยนต์สีดำที่จอดรออยู่ด้านนอก “ทำไมต้องเอารถไปเองให้ยุ่งยาก มหาลัยก็มีรถให้”
“ไม่เป็นส่วนตัว จะกลับตอนไหนก็กลับได้” พอลทำหน้าที่เป็นคนขับรถ จุดหมายปลายทางนั้นเป็นบ้านของเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม
เมื่อเขาวนรถไปรับเพื่อนอีกสองคนเสร็จแล้วจุดหมายปลายทางก็คือชะอำสถานที่จัดงานกระชับมิตรของคณะบริหารธุรกิจ ภายในรถมีเสียงเพลงเบา ๆ ที่เปิดเอาไว้ให้ได้คลายเหงา แต่ไม่นานเสียงพูดคุยภายในรถก็เริ่มดังมากกว่าเสียงเพลง
“เมื่อคืนกลับถึงบ้านกันกี่โมง” น้ำปิงเป็นคนเอ่ยถาม ในตอนนี้เขามานั่งข้างคนขับ
“เที่ยงคืน” เป็นพอลที่ตอบคำถามเมื่อมองไปยังเบาะด้านหลังเห็นชมพู่นั่งนิ่งพร้อมกับหลับตา “ไอ้โตมันจะเอารถไปเองใช่ไหม”
“เปล่ามันบอกจะไปรถคณะ มันบอกมาเองไม่สนุกไม่ได้แอ่วสาว” น้ำปิงตอบแล้วหัวเราะ คำตอบของปิ่นโตเพื่อนชายในกลุ่มอีกคนก็สมกับตัวตนดีไม่น้อย
“พู่ ไหวหรือเปล่า” ทับทิมถามด้วยความเป็นห่วงตั้งแต่ที่ขึ้นรถมาก็เห็นแต่นั่งหลับตามาตลอดทาง “แวะปั๊มข้างหน้าดีไหม”
“ไม่ต้องหรอก แค่ง่วงไม่ได้เมาค้าง” เธอลืมตาแล้วยิ้มให้กับทับทิม “ไอ้โตมันอยากแอ่วสาวทุกรอบแหละ ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วมันก็ยังไม่ยอมคบใครสักที”
“คนอย่างมันจะคบใครได้นาน หน้าตาก็ดีฐานะก็ดี ครบทุกอย่างมีแต่สาว ๆ วิ่งตาม” น้ำปิงเอ่ยต่อ
“ที่พูดมาอิจฉาโตเหรอ” ทับทิมส่งสายตาดุไปให้กับแฟนหนุ่ม ที่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มที่สนิทกันมาก่อนอย่างน้ำปิง
“เปล่าจะเมียจ๋า ผัวจะไปอิจฉาคนอื่นได้ยังไงมีเมียสวยขนาดนี้” น้ำเสียงที่ดูทีเล่นทีจริง แต่เขาก็ไม่เคยนอกใจเธอเลยสักครั้ง “มึงยิ้มอะไร”
“ทำไม กูยิ้มไม่ได้หรือไง” พอลขำออกมาสายตายังจับจ้องไปที่ถนนเบื้องหน้าต่อ “หิวข้าวกันไหมแวะหาอะไรกินกันก่อน”
“เป็นความคิดที่ดี” ชมพู่เอ่ยก่อนที่จะนั่งตัวตรงบิดขี้เกียจอยู่หลายครั้ง โดยมีสายตาของพอลมองผ่านกระจกมองหลัง
พอลและชมพู่เป็นเพื่อนสนิทที่สนิทจนไม่รู้จะอธิบายในรูปแบบไหน พ่อและแม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งยังมีบ้านติดกันวันเกิดก็ยังเกิดวันเวลาเดียวกัน ด้วยความที่พ่อแม่อยากให้ลูกของพวกเขามีทุกอย่างเหมือนกัน แต่ก็ต้องยกเว้นเรื่องเพศที่ไม่สามารถกำหนดได้
“กินกุ้งไหม” พอลที่นั่งข้างเอ่ยถามเมื่อเข้ามานั่งในร้านอาหารริมทางแห่งหนึ่ง ซึ่งร้านนี้เป็นร้านขายอาหารทะเลพร้อมอาหารตามสั่งก๋วยเตี๋ยวก็ยังมี
“ไม่กิน อยากซดอะไรร้อน ๆ เอาก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกเส้นเล็กแล้วกันง่ายดี” ชมพู่เลือกเมนูอาหารง่าย ๆ เพื่อน ๆ ก็สั่งตามด้วยเช่นกัน
“นี่ดูแลยัยพู่ดีเกินไปหรือเปล่าเดี๋ยวมันก็เป็นง่อยหรอก” เสียงของทับทิมดังขึ้นเมื่อมองเห็นพอลกำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวชามของชมพู่ ถึงจะเห็นจนชินตาแต่ก็ชอบเอ่ยแซวอยู่บ่อยครั้ง
“หึ” พอลหัวเราะในลำคอก่อนจะเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงเสร็จไปตรงหน้าของชมพู่ “ร้อนนะเป่าก่อน”
“รู้แล้วไม่ใช่เด็ก” เธอหยิบช้อนกับตะเกียบขึ้นมาก่อนหันมองไปที่ชามก๋วยเตี๋ยวของพอล “ไม่กินกระเทียมเจียวไม่ใช่เหรอ” เธอใช้ช้อนตักกระเทียมเจียวจากชามของพอลมาใส่ถ้วยของตัวเอง
“รู้ใจกันขนาดนี้ทำไมไม่คบ ๆ กันไปเลยวะ” น้ำปิงยิ้ม
“พูดอะไรขนลุก” ชมพู่ส่ายหน้าแล้วหัวเราะ “ให้ไก่ออกลูกเป็นตัวจะง่ายกว่า”
“รีบกินเดี๋ยวก็ได้ไปสายกันพอดี” พอลรีบตัดบทก่อนที่ทุกคนจะสนใจอาหารตรงหน้าของตัวเอง
ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่มีมาตั้งแต่เกิดเป็นกำแพงที่แข็งแรงของคนทั้งสอง คนที่รู้ไส้รู้พุงกันทุกอย่างไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนสถานะเพราะมองไม่ออกว่าจะต้องทำตัวกันแบบไหนในฐานะแฟน ถึงบางครั้งจะคิดเล่น ๆ ก็เถอะ แต่มันก็จบด้วยความคิดที่ว่า....เป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว
เมื่อมาถึงที่พักทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของและไปยังจุดรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมร่วม นักศึกษายืนรวมตัวกันที่ชายหาดต่างอยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ มีปิ่นโตที่กำลังพูดคุยอ่านทวนกิจกรรมที่ต้องทำในวันนี้ให้กับรุ่นน้องได้รู้
“เบื่อจัง” ชมพู่ที่ยืนเรียงแถวกับเพื่อน ๆ ปิดปากหาวนอนไม่ได้สนใจสายตาของรุ่นน้องผู้ชายที่มองมาทางเธอ
“เด็กปีนี้หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ปีนี้มึงจะได้สละโสดแน่นอน” ทับทิมเอ่ยกับชมพู่เป็นการกระซิบ
“มึงก็รู้ว่ากูโชคไม่ดีในเรื่องความรัก” ที่พูดมานะใช่ที่สุดแล้วตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้รู้จักคำว่าแฟนสักครั้ง แค่คบหากันเริ่มต้นก็จบแบบไม่สวยทุกรอบ
“อย่าหมดหวังสิ ถ้าไม่มีจริง ๆ กูว่าพอลก็เข้าท่านะ”
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกพูดแซวเรื่องกูกับมันสักที สาว ๆ มันออกจะเยอะ กูไม่ใช่ตัวเลือกของมันสักหน่อย”
“ก็ไม่แน่นะ” ทับทิมยกยิ้มมุมปาก อย่างเธอก็มีให้เห็นแล้ว เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มอต้นน้ำปิงก็ยังมาขอเป็นแฟนในปีสุดท้ายที่จะเข้ามหาลัย ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าถ้าไปกันไม่รอดแล้วจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม สรุปก็คือไปกันรอดจนถึงทุกวันนี้
“น้องรหัสกูไม่มา” ชมพู่เอ่ยเสียงเบื่อหน่ายหากน้องรหัสของเธอมาด้วยคงจะไม่เหงาแบบนี้
“งั้นกูยกน้องรหัสกูให้มึงดูแลดีไหม”
“ไม่เอา กูไม่นอกใจน้องรหัสกูหรอก อีกอย่างมึงดูนั้น” สายตาหันมองไปทางอาจารย์ที่กำลังกวักมือเรียกให้เธอไปช่วยงาน “กูมีงานประจำแล้วไปล่ะ”
“เอานี่” พอลดึงแขนของชมพู่เอาไว้ ยัดครีมทากันแดดใส่มือทั้งยังถอดหมวกปีกที่สวมอยู่บนศีรษะของตัวเองใส่ลงบนศีรษะของเธอ “แดดร้อนเดี๋ยวไม่สบาย ไม่อยากได้ยินแม่บ่น”
“รู้แล้ว” เธอบ่นแล้วเดินตรงไปหาครู
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นนักศึกษากลับเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามารับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ที่พักติดริมทะเลเมนูยอดฮิตคงหนีไม่พ้นอาหารทะเลแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องบริการตัวเองทุกอย่าง แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีความสุขกับการได้กินอาหารสดใหม่
“อยากกินกุ้ง แต่ขี้เกียจแกะ” ชมพู่เอ่ยขึ้นก่อนหันมองไปที่จานของทับทิม ที่มีผู้ชายแกะกุ้งให้ทานเต็มจาน
“ไปบอกไอ้พอลสิ” เธอหันหน้าไปทางพอลที่กำลังพูดคุยกับเพื่อน ๆ ร่วมกลุ่ม
“ทำไมต้องให้กูไปบอกมัน ไม่ใช่ผัวกูซะหน่อย” สุดท้ายเธอก็ต้องแกะกุ้งกินเอง “มีผัวดีก็แบบนี้อิจฉา”
“ไอ้พอลมันต่างจากผัวมึงตรงไหน ดูแลทุกอย่างแม้กระทั่งซื้อชุดชั้นในให้มึงเนี่ย ทำตัวอย่ากะผัวเมียกันถามจริงมึงไม่เคยหวั่นไหวกับมันเลยเหรอ” ทับทิมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เป็นครั้งแรกที่อยากได้คำตอบจากชมพู่จนแทบทนไม่ไหว
“บ้าปะ เห็นกันมาตั้งแต่เกิด แค่คิดก็ขนลุกแล้วไหม” เธอหันมองไปทางพอลที่กำลังสนใจแต่กับเพื่อนผู้ชาย “ถึงมันจะหล่อก็เถอะนะ แต่ยังไงความเป็นเพื่อนมันฝังรากจนถอนไม่ขึ้นแล้ว”
“เคยถามไอ้พอลปะ”
“ไม่เคยคิดจะถามอะไร มึงเป็นอะไรถึงมาพูดเรื่องแบบนี้กับกู มึงกับไอ้ปิงเป็นเพื่อนกันไม่กี่ปี แต่กูกับไอ้พอลเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิดมันไม่เหมือนกันนะ”
“ก็ไม่แน่ คำว่าเพื่อนมันไม่ได้อยู่ตลอดไปสักหน่อย” ทับทิมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาสนใจกุ้งในจานของตัวเองแล้วแบ่งกุ้งอีกครึ่งมาให้กับชมพู่
“แต๊งกิ้วเพื่อนรัก” เธอหันมายิ้มอย่างดีใจ “กินข้าวเสร็จจะกลับที่พักเลยไหม”
“เพื่อน ๆ ชวนกันไปดื่มนะ กลับไปแต่งตัวสวย ๆ แล้วออกไปท่องราตรีดีไหม เห็นบอกว่าแถวนี้มีผับหลายที่เลยนะ”
“ก็ดี” ชมพู่ตอบตกลงอย่างไม่คิดมาก เมื่อทานอาหารเสร็จก็ตรงกลับไปที่พักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเที่ยวต่อกับเพื่อน ๆ
เดินมาไม่ไกลจากที่พักก็เจอกับร้านเหล้านั่งชิวริมทะเล ไม่อยากเดินไปไกลจึงเลือกร้านแรกนั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ รับลมทะเลย่ามค่ำคืน เธอที่สวมใส่เพียงชุดเกาะอกสีดำเมื่อต้องลมเย็นถึงกับห่อไหล่ด้วยความหนาว
“ไม่กลัวเป็นปอดบวมหรือไง” พอลที่นั่งข้างเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะลุกเดินออกไปจากโต๊ะ หายไปนานกลับมาพร้อมผ้าคลุมไหล่สวมให้กับชมพู่ เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างเอ่ยแซว
“ถ้าไม่รู้ว่าพวกมึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กพวกกูคงคิดว่ามึงเป็นผัวเมียกันแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแล้วหัวเราะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะอีกสี่คน
“เลิกพูดมากได้แล้ว” ชมพู่ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่มติดต่อกันหลายแก้ว เธอเหล่ตามองไปทางพอลที่กำลังพูดหัวเราะกับเพื่อนจนกระทั่งได้สบสายตากัน
“มีอะไร?” เขาถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเธอถึงได้จ้องเขาตาไม่กะพริบแบบนี้
“เปล่า แค่รู้สึกว่าวันนี้อยากเมา”
“ตามสบาย” พอลพูดแล้วหันไปคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม “ดื่มเหล้าเพียว ๆ แบบนี้ระวังน็อก” เขาไม่อยากลำบากแบกเธอกลับห้องเพราะทุกครั้งที่ชมพู่เมาก็เป็นหน้าที่ต้องคอยพากลับห้อง
“ก็บอกว่าอยากเมาไง”
“อกหักอีกแล้วหรือไง” พอลจ้องเขม่นให้เธอตอบคำถาม
“ไม่มีแฟนจะอกหักได้ไงประสาทปะ คุยกับเพื่อนไปเถอะ” เธอคว้าเอาแก้วเหล้าขึ้นดื่ม บรรยากาศรอบตัวมันดีจนอยากดื่มแล้วหลับอยู่ตรงนี้
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอมองเธออย่างเป็นห่วง หากบอกว่าอยากเมานั้นก็หมายถึงว่าเธอบอกให้เขาเตรียมรับมือพากลับห้องในคืนนี้ ก็แบบนี้แหละเพื่อนสนิท!!
+++++++
ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ส่วนอีกบุ๊คมาในเร็ว ๆ นี้ค้าา
ราคาดีมากนะคะ
คอมเม้นให้กำลังใจไรท์หน่อยน้าาาา
ขอบคุณค้าาา