ตอนที่ 1

2025 คำ
ตอนที่ 1 “พู่เสร็จหรือยังลูก” เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นอยู่หลายครั้งก่อนประตูใหญ่สีขาวจะถูกเปิดออก “เร็วเข้า พอลมารอนานแล้วนะ” ไพลินยิ้มให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียว “รู้แล้ว ๆ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งไม่รู้ว่าแม่ของเธอจะเร่งอะไรนักหนาคนที่ผิดคือคนที่มารอเธอก่อนเวลานัดต่างหากล่ะ “ไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกอีกแล้ว” พอลเงยหน้าจากแชทกลุ่มจ้องมองมาที่ชมพู่ที่กำลังเดินหน้างอตรงเข้ามาหาตัวเอง “ไม่ลืมอะไรใช่ไหม?” “ไม่ลืม ไปเร็ว” เธอเอ่ยเร่งเดินออกมาขึ้นรถยนต์สีดำที่จอดรออยู่ด้านนอก “ทำไมต้องเอารถไปเองให้ยุ่งยาก มหาลัยก็มีรถให้” “ไม่เป็นส่วนตัว จะกลับตอนไหนก็กลับได้” พอลทำหน้าที่เป็นคนขับรถ จุดหมายปลายทางนั้นเป็นบ้านของเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม เมื่อเขาวนรถไปรับเพื่อนอีกสองคนเสร็จแล้วจุดหมายปลายทางก็คือชะอำสถานที่จัดงานกระชับมิตรของคณะบริหารธุรกิจ ภายในรถมีเสียงเพลงเบา ๆ ที่เปิดเอาไว้ให้ได้คลายเหงา แต่ไม่นานเสียงพูดคุยภายในรถก็เริ่มดังมากกว่าเสียงเพลง “เมื่อคืนกลับถึงบ้านกันกี่โมง” น้ำปิงเป็นคนเอ่ยถาม ในตอนนี้เขามานั่งข้างคนขับ “เที่ยงคืน” เป็นพอลที่ตอบคำถามเมื่อมองไปยังเบาะด้านหลังเห็นชมพู่นั่งนิ่งพร้อมกับหลับตา “ไอ้โตมันจะเอารถไปเองใช่ไหม” “เปล่ามันบอกจะไปรถคณะ มันบอกมาเองไม่สนุกไม่ได้แอ่วสาว” น้ำปิงตอบแล้วหัวเราะ คำตอบของปิ่นโตเพื่อนชายในกลุ่มอีกคนก็สมกับตัวตนดีไม่น้อย “พู่ ไหวหรือเปล่า” ทับทิมถามด้วยความเป็นห่วงตั้งแต่ที่ขึ้นรถมาก็เห็นแต่นั่งหลับตามาตลอดทาง “แวะปั๊มข้างหน้าดีไหม” “ไม่ต้องหรอก แค่ง่วงไม่ได้เมาค้าง” เธอลืมตาแล้วยิ้มให้กับทับทิม “ไอ้โตมันอยากแอ่วสาวทุกรอบแหละ ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วมันก็ยังไม่ยอมคบใครสักที” “คนอย่างมันจะคบใครได้นาน หน้าตาก็ดีฐานะก็ดี ครบทุกอย่างมีแต่สาว ๆ วิ่งตาม” น้ำปิงเอ่ยต่อ “ที่พูดมาอิจฉาโตเหรอ” ทับทิมส่งสายตาดุไปให้กับแฟนหนุ่ม ที่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มที่สนิทกันมาก่อนอย่างน้ำปิง “เปล่าจะเมียจ๋า ผัวจะไปอิจฉาคนอื่นได้ยังไงมีเมียสวยขนาดนี้” น้ำเสียงที่ดูทีเล่นทีจริง แต่เขาก็ไม่เคยนอกใจเธอเลยสักครั้ง “มึงยิ้มอะไร” “ทำไม กูยิ้มไม่ได้หรือไง” พอลขำออกมาสายตายังจับจ้องไปที่ถนนเบื้องหน้าต่อ “หิวข้าวกันไหมแวะหาอะไรกินกันก่อน” “เป็นความคิดที่ดี” ชมพู่เอ่ยก่อนที่จะนั่งตัวตรงบิดขี้เกียจอยู่หลายครั้ง โดยมีสายตาของพอลมองผ่านกระจกมองหลัง พอลและชมพู่เป็นเพื่อนสนิทที่สนิทจนไม่รู้จะอธิบายในรูปแบบไหน พ่อและแม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งยังมีบ้านติดกันวันเกิดก็ยังเกิดวันเวลาเดียวกัน ด้วยความที่พ่อแม่อยากให้ลูกของพวกเขามีทุกอย่างเหมือนกัน แต่ก็ต้องยกเว้นเรื่องเพศที่ไม่สามารถกำหนดได้ “กินกุ้งไหม” พอลที่นั่งข้างเอ่ยถามเมื่อเข้ามานั่งในร้านอาหารริมทางแห่งหนึ่ง ซึ่งร้านนี้เป็นร้านขายอาหารทะเลพร้อมอาหารตามสั่งก๋วยเตี๋ยวก็ยังมี “ไม่กิน อยากซดอะไรร้อน ๆ เอาก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกเส้นเล็กแล้วกันง่ายดี” ชมพู่เลือกเมนูอาหารง่าย ๆ เพื่อน ๆ ก็สั่งตามด้วยเช่นกัน “นี่ดูแลยัยพู่ดีเกินไปหรือเปล่าเดี๋ยวมันก็เป็นง่อยหรอก” เสียงของทับทิมดังขึ้นเมื่อมองเห็นพอลกำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวชามของชมพู่ ถึงจะเห็นจนชินตาแต่ก็ชอบเอ่ยแซวอยู่บ่อยครั้ง “หึ” พอลหัวเราะในลำคอก่อนจะเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงเสร็จไปตรงหน้าของชมพู่ “ร้อนนะเป่าก่อน” “รู้แล้วไม่ใช่เด็ก” เธอหยิบช้อนกับตะเกียบขึ้นมาก่อนหันมองไปที่ชามก๋วยเตี๋ยวของพอล “ไม่กินกระเทียมเจียวไม่ใช่เหรอ” เธอใช้ช้อนตักกระเทียมเจียวจากชามของพอลมาใส่ถ้วยของตัวเอง “รู้ใจกันขนาดนี้ทำไมไม่คบ ๆ กันไปเลยวะ” น้ำปิงยิ้ม “พูดอะไรขนลุก” ชมพู่ส่ายหน้าแล้วหัวเราะ “ให้ไก่ออกลูกเป็นตัวจะง่ายกว่า” “รีบกินเดี๋ยวก็ได้ไปสายกันพอดี” พอลรีบตัดบทก่อนที่ทุกคนจะสนใจอาหารตรงหน้าของตัวเอง ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่มีมาตั้งแต่เกิดเป็นกำแพงที่แข็งแรงของคนทั้งสอง คนที่รู้ไส้รู้พุงกันทุกอย่างไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนสถานะเพราะมองไม่ออกว่าจะต้องทำตัวกันแบบไหนในฐานะแฟน ถึงบางครั้งจะคิดเล่น ๆ ก็เถอะ แต่มันก็จบด้วยความคิดที่ว่า....เป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว เมื่อมาถึงที่พักทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของและไปยังจุดรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมร่วม นักศึกษายืนรวมตัวกันที่ชายหาดต่างอยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ มีปิ่นโตที่กำลังพูดคุยอ่านทวนกิจกรรมที่ต้องทำในวันนี้ให้กับรุ่นน้องได้รู้ “เบื่อจัง” ชมพู่ที่ยืนเรียงแถวกับเพื่อน ๆ ปิดปากหาวนอนไม่ได้สนใจสายตาของรุ่นน้องผู้ชายที่มองมาทางเธอ “เด็กปีนี้หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย ปีนี้มึงจะได้สละโสดแน่นอน” ทับทิมเอ่ยกับชมพู่เป็นการกระซิบ “มึงก็รู้ว่ากูโชคไม่ดีในเรื่องความรัก” ที่พูดมานะใช่ที่สุดแล้วตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้รู้จักคำว่าแฟนสักครั้ง แค่คบหากันเริ่มต้นก็จบแบบไม่สวยทุกรอบ “อย่าหมดหวังสิ ถ้าไม่มีจริง ๆ กูว่าพอลก็เข้าท่านะ” “เมื่อไหร่มึงจะเลิกพูดแซวเรื่องกูกับมันสักที สาว ๆ มันออกจะเยอะ กูไม่ใช่ตัวเลือกของมันสักหน่อย” “ก็ไม่แน่นะ” ทับทิมยกยิ้มมุมปาก อย่างเธอก็มีให้เห็นแล้ว เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มอต้นน้ำปิงก็ยังมาขอเป็นแฟนในปีสุดท้ายที่จะเข้ามหาลัย ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าถ้าไปกันไม่รอดแล้วจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม สรุปก็คือไปกันรอดจนถึงทุกวันนี้ “น้องรหัสกูไม่มา” ชมพู่เอ่ยเสียงเบื่อหน่ายหากน้องรหัสของเธอมาด้วยคงจะไม่เหงาแบบนี้ “งั้นกูยกน้องรหัสกูให้มึงดูแลดีไหม” “ไม่เอา กูไม่นอกใจน้องรหัสกูหรอก อีกอย่างมึงดูนั้น” สายตาหันมองไปทางอาจารย์ที่กำลังกวักมือเรียกให้เธอไปช่วยงาน “กูมีงานประจำแล้วไปล่ะ” “เอานี่” พอลดึงแขนของชมพู่เอาไว้ ยัดครีมทากันแดดใส่มือทั้งยังถอดหมวกปีกที่สวมอยู่บนศีรษะของตัวเองใส่ลงบนศีรษะของเธอ “แดดร้อนเดี๋ยวไม่สบาย ไม่อยากได้ยินแม่บ่น” “รู้แล้ว” เธอบ่นแล้วเดินตรงไปหาครู เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นนักศึกษากลับเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามารับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ที่พักติดริมทะเลเมนูยอดฮิตคงหนีไม่พ้นอาหารทะเลแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องบริการตัวเองทุกอย่าง แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีความสุขกับการได้กินอาหารสดใหม่ “อยากกินกุ้ง แต่ขี้เกียจแกะ” ชมพู่เอ่ยขึ้นก่อนหันมองไปที่จานของทับทิม ที่มีผู้ชายแกะกุ้งให้ทานเต็มจาน “ไปบอกไอ้พอลสิ” เธอหันหน้าไปทางพอลที่กำลังพูดคุยกับเพื่อน ๆ ร่วมกลุ่ม “ทำไมต้องให้กูไปบอกมัน ไม่ใช่ผัวกูซะหน่อย” สุดท้ายเธอก็ต้องแกะกุ้งกินเอง “มีผัวดีก็แบบนี้อิจฉา” “ไอ้พอลมันต่างจากผัวมึงตรงไหน ดูแลทุกอย่างแม้กระทั่งซื้อชุดชั้นในให้มึงเนี่ย ทำตัวอย่ากะผัวเมียกันถามจริงมึงไม่เคยหวั่นไหวกับมันเลยเหรอ” ทับทิมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เป็นครั้งแรกที่อยากได้คำตอบจากชมพู่จนแทบทนไม่ไหว “บ้าปะ เห็นกันมาตั้งแต่เกิด แค่คิดก็ขนลุกแล้วไหม” เธอหันมองไปทางพอลที่กำลังสนใจแต่กับเพื่อนผู้ชาย “ถึงมันจะหล่อก็เถอะนะ แต่ยังไงความเป็นเพื่อนมันฝังรากจนถอนไม่ขึ้นแล้ว” “เคยถามไอ้พอลปะ” “ไม่เคยคิดจะถามอะไร มึงเป็นอะไรถึงมาพูดเรื่องแบบนี้กับกู มึงกับไอ้ปิงเป็นเพื่อนกันไม่กี่ปี แต่กูกับไอ้พอลเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิดมันไม่เหมือนกันนะ” “ก็ไม่แน่ คำว่าเพื่อนมันไม่ได้อยู่ตลอดไปสักหน่อย” ทับทิมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาสนใจกุ้งในจานของตัวเองแล้วแบ่งกุ้งอีกครึ่งมาให้กับชมพู่ “แต๊งกิ้วเพื่อนรัก” เธอหันมายิ้มอย่างดีใจ “กินข้าวเสร็จจะกลับที่พักเลยไหม” “เพื่อน ๆ ชวนกันไปดื่มนะ กลับไปแต่งตัวสวย ๆ แล้วออกไปท่องราตรีดีไหม เห็นบอกว่าแถวนี้มีผับหลายที่เลยนะ” “ก็ดี” ชมพู่ตอบตกลงอย่างไม่คิดมาก เมื่อทานอาหารเสร็จก็ตรงกลับไปที่พักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเที่ยวต่อกับเพื่อน ๆ เดินมาไม่ไกลจากที่พักก็เจอกับร้านเหล้านั่งชิวริมทะเล ไม่อยากเดินไปไกลจึงเลือกร้านแรกนั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ รับลมทะเลย่ามค่ำคืน เธอที่สวมใส่เพียงชุดเกาะอกสีดำเมื่อต้องลมเย็นถึงกับห่อไหล่ด้วยความหนาว “ไม่กลัวเป็นปอดบวมหรือไง” พอลที่นั่งข้างเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะลุกเดินออกไปจากโต๊ะ หายไปนานกลับมาพร้อมผ้าคลุมไหล่สวมให้กับชมพู่ เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างเอ่ยแซว “ถ้าไม่รู้ว่าพวกมึงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กพวกกูคงคิดว่ามึงเป็นผัวเมียกันแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแล้วหัวเราะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะอีกสี่คน “เลิกพูดมากได้แล้ว” ชมพู่ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่มติดต่อกันหลายแก้ว เธอเหล่ตามองไปทางพอลที่กำลังพูดหัวเราะกับเพื่อนจนกระทั่งได้สบสายตากัน “มีอะไร?” เขาถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเธอถึงได้จ้องเขาตาไม่กะพริบแบบนี้ “เปล่า แค่รู้สึกว่าวันนี้อยากเมา” “ตามสบาย” พอลพูดแล้วหันไปคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม “ดื่มเหล้าเพียว ๆ แบบนี้ระวังน็อก” เขาไม่อยากลำบากแบกเธอกลับห้องเพราะทุกครั้งที่ชมพู่เมาก็เป็นหน้าที่ต้องคอยพากลับห้อง “ก็บอกว่าอยากเมาไง” “อกหักอีกแล้วหรือไง” พอลจ้องเขม่นให้เธอตอบคำถาม “ไม่มีแฟนจะอกหักได้ไงประสาทปะ คุยกับเพื่อนไปเถอะ” เธอคว้าเอาแก้วเหล้าขึ้นดื่ม บรรยากาศรอบตัวมันดีจนอยากดื่มแล้วหลับอยู่ตรงนี้ “หึ” เขาหัวเราะในลำคอมองเธออย่างเป็นห่วง หากบอกว่าอยากเมานั้นก็หมายถึงว่าเธอบอกให้เขาเตรียมรับมือพากลับห้องในคืนนี้ ก็แบบนี้แหละเพื่อนสนิท!! +++++++ ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ส่วนอีกบุ๊คมาในเร็ว ๆ นี้ค้าา ราคาดีมากนะคะ คอมเม้นให้กำลังใจไรท์หน่อยน้าาาา ขอบคุณค้าาา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม