ดวงใจนที ตอนที่ 4

1840 คำ
นพ.สาริศ อายุรแพทย์ ผู้อุทิศตนให้กับผู้ป่วยยากไร้ตามแนวชายแดน ยอมทิ้งความศิวิไลในเมืองหลวงกลับมาเป็นแพทย์ชนบท กำลังเดินเซ็ง ๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ภายในบ้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์คาวบอยคันทรี่ ผนังห้องถูก built - in เป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ เหล้าฝรั่งชั้นดีวางเรียงราย แก้วบรั่นดีถูกจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบนัก "เสี่ยงคุก เสี่ยงตารางจริงโว้ยยย จากหมอจะกลายเป็นโจรก็วันนี้แหละ" พร้อมกับพูดเขาถอนหายใจยาว "ฤทธิ์เดชไม่เบา ปากจัดไม่น้อยเลยนะยัยคนนี้ แกคิดว่าจะจัดการยัยคุณหนูนี่อยู่เหรอวะที" พร้อมกับพูดเขาหันไปถามชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้าม ชายหนุ่มผู้มีมาดเคร่งขรึม ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันได้รูป เคราบางๆ ดูรับกับผิวสีเข้ม ตัวสูงใหญ่ ดูราวอายุน่าจะแก่กว่าสาริศ 3-5 ปี ผู้ถูกถามทำเสียง "หึ" เบาๆ พร้อมกับยิ้มมุมปาก เขากำลังง่วนอยู่กับการฉีดน้ำยา WD-40 ลงบนเศษผ้าเล็ก ๆ และยัดเข้าไปในลำกล้อง ใช้ไม้ก้านยาวเสียบเข้าไปเพื่อทำความสะอาด นพ.สาริศกล่าวต่อ "ไม่อยากจะคิดถึงวันที่เธอรู้ความจริงเลยว่ะ ... น่าสงสารนะ จะรับความจริงได้หรือเปล่าก็ไม่รู้" "ขี้บ่นว่ะ" "เอ๊า... ก็ข้าไม่อยากให้มีคนไข้จิตเวชเพิ่มอีก 1 คน มันดูแลยากนะเว้ยคนไข้จิตเวชน่ะ ... ถ้าเธอรู้ความจริงแล้วเกิดสติแตกกลายเป็นบ้าขึ้นมา แทนที่พวกเราจะได้บุญ กลับได้บาปนะเว้ย" เขายังคงเงียบ ไม่โต้ตอบกับคำพูดทีเล่นทีจริงของสาริศ เป็นธรรมดาของหมอนี่ ที่ชอบตีโพยตีพาย ขี้บ่นไปเรื่อย บุคลิภาพช่างขัดกับวิชาชีพที่เรียนมา เขายังคงทำความสะอาดลำกล้องปืนต่อ สิ่งที่ นพ.สาริศกังวล เป็นสิ่งเดียวกับที่เขากำลังกังวล แต่เขาซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าอันคมเข้ม สายตาของเขาขณะนี้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ากำลังคิดอะไร วันที่ไปชิงตัวธิดาภัสมา นั่นคือวันที่ตำรวจอย่างเขาหนักใจที่สุด เพราะเป็นวันที่เธอกำลังจะมีความสุขที่สุดในชีวิต แต่เป็นตัวเขาเองที่ได้พรากความสุขไปจากเธอ เขานึกย้อนภาพตอนอุ้มเธอขณะหมดสติในชุดเจ้าสาวได้ เธอสวยน่ารัก ไร้เดียงสา มันควรเป็นเจ้าบ่าวที่ได้อุ้มเธอเข้าห้องหอ ไม่ใช่ตำรวจชายแดนอย่างเขา แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ในเมื่อได้รับมอบหมายภาระกิจนี้ ก็ต้องปฏิบัติอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้จะรู้เต็มอกว่าภาระกิจนี้ มันจะไปทำร้ายหัวใจเธอให้แตกสลาย ร.ต.อ. นทีตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน หน้าที่หลักคือการปราบปรามยาเสพติด กำลังครุ่นคิดขณะที่ฟัง นพ.สาริศบ่น "แล้วเธอเป็นไงบ้าง" นทีเอ่ยถามขึ้นครั้งแรก "จะเป็นไง ก็กรี๊ดๆ อย่างที่ได้ยินเนี่ยแหละ" "หมายถึงสุขภาพร่างกาย หลังจากที่ดมยาสลบมาแล้ว ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" "ไม่รู้ ... ไม่ได้ตรวจ แต่ดูจากภายนอกน่าจะดีขึ้นแล้วแหละ มีแรงกรี๊ดขนาดนี้ แถมจะวิ่งหนีอีกต่างหาก" นพ.สาริศยังบ่นไม่หยุด ฝนเริ่มซาเม็ดลง แต่เสียงฟ้าร้องยังดังเป็นระยะ สาริศนั่งโซฟาตัวเดิม กำลังคิดว่าจะลุกไปรินบรั่นดีมาดื่ม ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ฟ้าผ่ากังวานสนั่นมาอีกครั้ง เป็นเรื่องเคยชินสำหรับชายทั้งสองที่ฟ้าผ่าเสียงดังขนาดนี้ พวกเขาไม่ได้รู้สึกสะดุ้งหรือตกใจแต่อย่างใด แต่ที่สิ่งทำให้เขาหันมามองหน้ากันคือภายในเสียงฟ้าผ่านั้นมีเสียง "ปัง" แทรกมาด้วย มันเป็นเสียงสิ่งของกระทบอะไรบางอย่าง ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันที ถ้าในยามปกติเสียง "ปัง" นี้อาจเป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวลแต่อย่างใด แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ ในเวลาที่มีหญิงสาวที่กำลังคิดว่าตนเองถูกลักพาตัวมาอยู่ห้องชั้นบนของบ้าน เสียงใดก็ตามที่เกิดขึ้นย่อมบ่งบอกถึงความผิดปกติได้ทั้งสิ้น และเพียงอึดใจเดียวเสียง "ปัง" ก็ดังขึ้นอีกครั้ง สาริศดวงตาเบิกโพลงสบถออกมา "ฉิบหายแล้ว" พูดเสร็จทั้งคู่รีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้น 2 ตรงไปยังห้องที่ธิดาภัสอยู่ หน้าห้องว่างเปล่าไม่พบเด็กสาวอาลูอยู่หน้าห้อง "อาลูอยู่ไหน บอกให้เฝ้าไว้ หายไปไหนแล้ว" สาริศตะโกนลั่น โดยไม่รอคำตอบ นทีรีบวิ่งเข้าไปในห้อง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า 'เธอหายไปแล้ว' มีเพียงหน้าต่างที่เปิดออกกว้าง ฝนสาดเข้ามาในห้องจนเปียกชุ่มที่พื้น เสียงสาริศสบถเบา ๆ ในลำคอ ทันใดนั้นนทีรีบวิ่งออกจากห้องตรงไปยังโซฟาที่มีปืนของเขาวางอยู่ รีบประกอบปืนและออกจากบ้านทันที ธิดาภัสคงยังไปไม่ได้ไกล เขาวางแผนทำภาระกิจนี้มานานนับปี จะปล่อยให้พลาดไม่ได้ จะปล่อยให้เธอหนีไปไม่ได้ !!! หลังจากที่ได้เห็นรอยแยกของหน้าต่าง ทำให้ธิดาภัสเห็นว่าหน้าต่างไม่ได้แข็งแรงมากนัก และคงจะถูกล็อคจากด้านนอก อาจจะเป็นเพียงไม้ขัดไว้เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรเธอก็ไม่สนใจ คิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องออกจากที่นี่ให้ได้ ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงผู้หญิงร่างเล็กบอบบาง แต่เมื่อถึงเวลาจนมุม เธอจำเป็นต้องรวบรวมพลังกายทั้งหมดมา แต่แผนการแรก คือต้องกำจัดเด็กสาวอาลูออกไปก่อน "อาลู ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย" ธิดาภัสเอาหน้าแนบประตูและพูดกับเด็กสาวซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามของประตู เด็กสาวตอบกลับมาว่า "อะไรคะ" สำเนียงของเด็กสาวบ่งบอกว่าเธอไม่ใช่คนไทย "เธอมีผ้าอนามัยไหม ฉันมีประจำเดือนน่ะ" "ผ้าอนามัย อืมมม ไม่มีค่ะ" ธิดาภัสนึกในใจว่า 'ซื่อบื้อจัง ไม่มีก็ไปซื้อมาสิ' "เธอไปซื้อมาให้ฉันได้ไหม" "ไม่ต้องซื้อค่ะ ของหนูมี แต่ต้องกลับไปเอาที่บ้าน เดินไปนิดเดียวค่ะ" ธิดาภัสดีใจกับคำตอบของอาลู "ได้ๆ เธอรีบไปเอามาให้ฉันทีนะ ฉันต้องใช้จริงๆ" "แต่หนูต้องบอกนายก่อนนะคะ" "โอ้ย... ไม่ต้องบอกหรอก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผู้หญิง ฉันอายน่ะ" อาลูทำท่าครุ่นคิด แต่ด้วยความไม่ทันคนของเด็กสาวจึงตอบตกลงธิดาภัสไป "ได้ค่ะ คุณรอหน่อยนะคะ หนูจะไปเอามาให้" ธิดาภัสรอจนเสียงเดินห่างออกไป จากนั้นจึงรีบตรงไปที่หน้าต่าง เธอพยายามดันแรง ๆ บานหน้าต่างเผยอได้อีกเพียงเล็กน้อย แต่เวลากระชั้นเข้ามาทุกที และไม่รู้ว่าฝนจะซาฟ้าจะหยุดร้องตอนไหน เธอจึงต้องเร่งแข่งกับเวลา เธอพยายามดันต่ออีกหลายครั้ง แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลและช้าเกินไป ธิดาภัสเริ่มหาแผนใหม่ และเธอก็เจอจนได้ เธอดันเตียงให้ใกล้กับหน้าต่างมากที่สุด และขึ้นไปยืนบนเตียง จากนั้นรอเสียงฟ้าร้องอีกครั้ง พอเสียงฟ้าร้องดังขึ้น เธอยกเท้าถีบหน้าต่างแรง ๆ ... มันได้ผล หน้าต่างเผยอออกมากกว่าเดิม ... เธอใจจดจ่อ รออีก รอเสียงฟ้าร้องมาอีก ... ฟ้าแลบแปลบมาครั้งหนึ่ง ธิดาภัสกลั้นใจ ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหวดังกังวาน เธอรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีถีบบานหน้าต่างอย่างจัง ... "ปัง" ... ด้วยแรงที่ออกไป ร่างของเธอเกือบถลำตกหน้าต่าง แต่โชคดีที่คว้าขอบหน้าต่างไว้ได้ทัน เมื่อหน้าต่างเผยอออกมากพอที่ตัวเธอจะรอดไปได้ ธิดาภัสพบว่าเธออยู่ชั้น 2 ของตัวบ้าน ด้านนอกมีแต่ป่ารกชัฎ มีแค่รั้วสังกะสีกั้นระหว่างตัวบ้านและป่าเท่านั้น ถ้าเธอกระโดด เธอต้องกระโดดให้พ้นรั้ว ไม่มีวลาคิดแล้ว ธิดาภัสนับ 1 2 3 แล้วถีบตัวจากขอบหน้าต่างกระโดดไปให้ไกลที่สุด ร่างของเธอลอยตกกระแทกพุ่มไม้และร่วงกระแทกพื้นดินอีกที แต่ในขณะที่กระโดดนั้นขาข้างหนึ่งของเธอโดนเข้ากับรั้วสังกะสีอย่างจัง ธิดาภัสไม่รู้สึกถึงความเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น เธอเงยหน้าขึ้นจากพื้นดิน ตั้งสติ หายใจเข้าท้อง 1 ที ... จากนั้น วิ่ง .... วิ่งอย่างเดียว วิ่งแบบไม่คิดชีวิต วิ่งไปไหนก็ได้ ขอให้พ้นจากที่นี่ เธอวิ่งเท้าเปล่า เหยียบอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่วินาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป บางครั้งสะดุดหน้าคมำ บางครั้งลื่น แต่เธอก็รีบลุก จากนั้นรวบรวมเรี่ยวแรงวิ่งอีกครั้ง ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเกี่ยวจากกิ่งไม้ เธอวิ่งมาถึงโคนต้นไม้ใหญ่ที่มีรากโผล่พ้นดิน เธอวิ่งมาได้เพียงเท่านี้ ก็ต้องหยุดชะงัก ... ตัวแข็งทื่อ ชาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ตาเบิกโพลง ตะลึงงันกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มันคือ งูจงอางยักษ์ !!! ขนาดตัวของมันใหญ่มากทีเดียว เกือบเท่าบ้องไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ความยาวจากหัวถึงหางไม่น่าจะต่ำกว่า 4 - 5 เมตร และขณะนี้มันรับรู้การเคลื่อนไหวของผู้บุกรุก มันยกตัวขึ้นสูงกว่า 1 เมตร แผ่แม่เบี้ยและพร้อมฉก !!! จากระยะที่เธอยืนไม่พ้นระยะฉกของพญามัจจุราชตัวนี้ !!! ธิดาภัสวูบร้อนไปทั้งตัว คล้ายจะเป็นลม อยากจะกรีดร้องให้สุดเสียง แต่เสียงมันอุดตันในลำคอ ทำได้เพียงยืนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ขาอยากจะก้าววิ่งหนี แต่อ่อนแรงปวกเปียกเกินกว่าจะก้าวไหว ระยะเวลาที่เผชิญหน้าพญามัจจุราชแม้เพียงเสี้ยววินาที แต่เหมือนเนิ่นนานเหลือเกิน ทันใดนั้น !!! "อย่าขยับเด็ดขาด" เสียงเข้ม ๆ ของชายคนหนึ่งจากด้านหลังเธอกล่าวออกมา "ยืนอยู่เฉย ๆ ห้ามขยับตัวแม้แต่น้อย" เขากำชับมาอีกครั้ง มัจจุราชไร้ตีนเบื้องหน้าทำท่าส่ายหัวโอนเอนไปมาเล็กน้อย อ้าปากส่งเสียงขู่ฟ่อ ยิ่งทำให้ธิดาภัสกลัวและขยะแขยงขึ้นเป็นทวีคูณ และแล้วทันใดนั้น !!! "เปรี้ยง" เสียงปืนแผดคำราม ลูกกระสุนจากด้านหลังแหวกอากาศผ่านหูเธอไปกระทบกับหัวงูจงอางแหลกกระจุยดิ้นสะบัด "กรี๊ดดดด ...." สำนึกสุดท้ายคือเห็นจงอางยักษ์ดิ้นเร่าม้วนตัวท่ามกลางเลือดแดงสดไหลอาบ และก่อนที่ร่างงามจะถึงพื้น อ้อมแขนของนทีก็รับไว้ได้ทัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม