CHAPTER 06
“ทั้งหมด 200 บาทครับ”
ธารามันอยู่หน้าประตูฉัน
มันไม่ยอมกลับแล้วให้เหตุผลว่าต้องเห็นฉันกินข้าวกินยาด้วยตาตัวเองถึงจะยอมกลับไป
อะไรของมัน ใส่ใจกันมากจนขนลุก!
ฉันนั่งจ้องจอทีวีที่มีซีรีส์แนวแอคชั่นฉายอยู่ ไอ้ธาเดินเข้ามาพร้อมกล่องข้าวสองกล่องที่มันหิ้วเข้ามาด้วย
2 กล่อง = มันก็จะนั่งกินที่นี่งั้นเหรอ?
จะบ้า ต้องเถียงกับมันยาว ๆ เลยหรือไง
“กินซะ จะได้กินยา”
ธาราเปิดกล่องข้าวให้ฉัน มันวางบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าโซฟาส่วนตัวเองก็หยิบในส่วนของตัวเองมานั่งกินบนพรมที่อยู่ข้างล่างฉัน
“ทำไมไม่มานั่งกินข้างบนดี ๆ”
ฉันถอนหายใจ เหนื่อยแล้วเหอะ
ทะเลาะกันไม่ไหวแล้วแม่
“ไม่ถือ ต่ำกว่าได้”
เอาเถอะ เอาที่สบายใจ
ฉันพยักหน้ารับความต้องการของธาราก่อนจะหยิบข้าวขึ้นมาตักกิน
ธาราสั่งข้าวเนื้อทอดกระเทียมกับไข่ดาวมาให้ เป็นเมนูจานโปรดของฉันที่ไม่รู้ว่ามันรู้ได้ไง
กินข้าวกันไปสักพักจู่ ๆ มือถือธาราก็ดังขึ้น
ธาราวางกล่องข้าวลงแล้วกดรับวิดีโอคอลจากไอ้ชินที่คอลเข้ามาก่อนที่หน้าจอจะฉายให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของชิน เบลล์ และชายที่เบียดเข้ามาในกล้องจนครบทุกคน
“ว่า?”
นั้นคือคำทักทายที่มันมีให้เพื่อน
“ไอ้แป้งเป็นไร ทำไมอุ้มออกไปแบบนั้น”
ชินถามแล้วทุกคนก็จ้องมองราวกับรอคำตอบ
ธาราเบนกล้องมาหาฉัน มันขยับมานั่งพิงโซฟาจากมุมนี้จึงเห็นทั้งฉันและมันพร้อมกันสองคน
“ (เชี้ย... นั่งแบบนี้กูนึกว่าผัวเมียกัน) ”
“ไอ้ชิน! สลัดความคิดน่าขนลุกนั้นทิ้งไปเดี๋ยวนี้ฉันแค่เจ็บขาแล้วธารามันช่วยพาไปหาหมอ”
นั้นคือคำตอบที่ฉันมีให้ไอ้ชิน แต่แม่งเพื่อนทุกคนทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อจนฉันอยากตะกุยเล็บใส่ทุกคนเลย
“ (ดี ๆ ช่วยกันดูแลมึงกับธาอยู่ใกล้กันมันควรใส่ใจมึงบ้าง) ”
ไอ้เบลล์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ฉันแทบจะแยกเขี้ยวส่วนไอ้ชายนะเหรอขยับปากอยู่ข้างหลังแต่ฉันดันอ่านปากออกไป
ไอ้ชาย ---> จับเย็ตเลยธา
ไอ้เหี้ย!
กูอยากจะบ้า
“ไอ้ชาย! ไอ้เวร!”
ฉันเป็นเดือดเป็นร้อนแต่คนที่โดนลากเข้าไปในบทสนทนาอย่างธารากลับแค่นเสียงหัวเราะเงียบ ๆ อยู่ในคอ
“หุบปากไปเลย นายด้วยหัวเราะทำซากอะไรเล่า”
ฉันกำหมัดแล้วทุบไหล่หนาไปเต็มแรงจะคนโดนทุบร้องอวดครวญขึ้นมา
“เจ็บ”
นั้นคือสิ่งที่ธาราเอ่ยบอกกันแต่ใครจะสน ยิ่งมันบอกว่าเจ็บฉันยิ่งทุบมันอีกหนจนคราวนี้ธารากุมข้อมือฉันไว้แล้วฉุดลงมาจนตัวฉันถลาไปหาแผ่นหลังแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“นี่! ปล่อยฉันนะ”
“ก็บอกอยู่ว่าเจ็บ”
เสียงธาราไม่ได้ฟังดูเจ็บเลยมันฟังดูกวนตีนกันมากกว่า ฉันหันหน้าหนีมันแล้วสลัดตัวออกมานั่งหน้าตึงเหมือนเดิม
“ (แป้ง คืนนี้ไปร้านเดิมป่ะ ไหวมั้ย?) ”
เสียงเบลล์ตะโกนถามผ่านจอ
ฉันกลับไปจ้องอีกครั้งหนึ่ง
“ไป เจ็บขาแค่นี้เดี๋ยวก็หาย”
“หึ...”
เสียงแค่น ‘หึ’ ในคอดังขึ้นอีกหนก่อนที่ปลายสายจะถูกวางไปในที่สุด
“นายจะแค่นเสียงในคอเพื่อ?”
ธาราวางมือถือลงบนโต๊ะ เขาหันหน้ามาหาฉันแล้วคิ้วที่เรียงตัวสวยจนน่าอิจฉาขึ้นในขณะที่เงยหน้ามองหน้าฉัน
“เจ็บขนาดนี้ยังจะออกไปแรด?”
เจ็บนะ
ปากไอ้ธาราหมาไม่เป็นสองรองใครเลยจริง ๆ
“ยุ่งไรด้วย”
ฉันขยับขาหนีมือธาราที่ตั้งใจจะคว้าข้อเท้าฉันเอาไว้
“ก็เพื่อนไง”
ฉันถอนหายใจ กลอกตามองบน
เพื่อนแล้วไง
“แค่เพื่อนอย่ามาห้าม อ๊ะ! ไอ้ธา!”
เสียงฉันร้องลั่นเมื่อข้อเท้าถูกดึงลงมาจนร่างกายถลาลงไปนั่งบนตักของคนที่นั่งอยู่เบื้องล่าง
“นี่! ปล่อย! นายอยากอายุสั้นหรือไง”
ฉันดิ้นแต่กลับสู้แรงเพื่อนบ้าที่รวบเอวตัวเองไม่ได้เลย
“หรือเธออยากทำ?”
อะไรของมัน
“อย่ามากวนนะธา บอกก่อนนะว่าเวลาฉันโมโหช้างเป็นร้อยก็เอาไม่อยู่”
ฉันจิกอกแกร่ง ขย้ำแล้วกรีดกรายเล็บลงไปบนอกแกร่งเพื่อให้มันปล่อยฉันไป
แต่ไม่ไง ไอ้ธามันทนไม้ทนมือมากจริง ๆ
“อยากเห็น แสดงหน่อย”
“นายเป็นโรคจิตหรือไงถึงชอบโดนคนอื่นเขาทำร้ายอะ”
“อาจจะ...”
โอเค!
ตอนนี้ฉันเหมือนคนบ้าคนหนึ่งที่กำลังดีดดิ้นและอาละวาดบ้าคลั่งอยู่คนเดียวในขณะที่ธาราดูสนุกกับท่าทีฟึดฟัดของฉันจนฉันกลายเป็นคนที่เหนื่อยแล้วหยุดไปเองอย่างช่วยไม่ได้
“เหนื่อยแล้ว ปล่อยสิจะกินยา”
ยกธงขาวแต่โดยดี ฉันพอแล้ว เหนื่อยโคตร
ธาราบิดยิ้มอย่างผู้ชนะ
มันปล่อยฉันลงจากตักแต่โดยดี
เมื่อเป็นอิสระฉันก็หยิบถุงยาขึ้นมาเพื่อหยิบยาที่คลินิกจ่ายให้มากินจะได้หายปวดแล้วไปแรดได้อย่างเต็มที่ในคืนนี้
“นายไม่คิดจะกลับห้องไง”
ดูเหมือนยาตัวนี้จะทำให้ง่วงพอสมควร กินได้ประมาณสิบห้านาทีฉันเริ่มง่วงแล้ว
“ดูเธอก่อน”
เกิดเป็นเพื่อนที่ดีคอยดูแลคอยใส่ใจกันเสียอย่างนั้น
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว กำลังจะนอนมันง่วง”
ธาราหยิบกล่องข้าวฉันและเขาไปทิ้งไว้ ฉันเอนตัวนอนบนโซฟาแล้วตะแคงข้างมองธาราที่กำลังทำความสะอาดตรงจุดที่เรานั่งกินข้าวกันเมื่อกี้
“อาบน้ำก่อนจะได้สดชื่น”
ธามันนั่งล่างโซฟาเหมือนเดิม ฉันจ้องหน้าเพื่อนตรงหน้าแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“ค่อยอาบทีเดียวคืนนี้ ตอนนี้ง่วงอยากนอน”
ยังดีที่โซฟาห้องฉันพร้อมนอนมาก ฉันคว้าหมอนแครอทมากอดเอาไว้แล้วซุกคางลงไปอย่างสะลึมสะลือ
“ห่มผ้ามั้ย?”
คำถามนั้นฟังดูอ่อนโยนจนฉันเผลอจ้องลึกลงไปอีกครั้งหนึ่ง
“อื้ม... เอา”
ผ้าห่มผืนนุ่มถูกห่มขึ้นมาปกคลุมฉันทั้งร่างกาย
แต่ถึงอย่างนั้นธาราก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแล้วเอาแต่มองหน้าฉันราวกับไม่อยากลุกขึ้นไปไหน
“นายกลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบใจที่พาไปหาหมอ”
ฉันก็ไม่ใช่คนใจแคบที่ไม่รู้จักสำนึกในพระคุณคนอื่น เขาทำดีฉันก็ขอบคุณเขาไปมันเป็นเรื่องที่ฉันยอมรับได้
“อยากเฝ้าเธอก่อน”
ฝ่ามือที่ร้อนอุ่นแตะลงมาตรงผิวแก้มฉันอย่างอ่อนโยน เรียวนิ้วโป้งลูบไล้ผิวแก้มฉันอย่างละเมียดละไม
“เป็นแค่เพื่อนไม่ต้องมาเฝ้าให้เหนื่อย”
เสียงฉันแผ่วลง สติสตังเริ่มเลื่อนลอยแต่ยังเข้าใจอยู่
“อยากให้เป็นมากกว่าเพื่อนมั้ย?”
คนคนนี้สามารถพูดประโยคที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจทั้งที่ใบหน้ายังเรียบเฉยแบบนั้นได้ยังไง
ฉันเม้มปาก จู่ ๆ ก็รู้สึกร้อนผ่าวตรงผิวแก้มจนต้องมุดหน้าลงไปกับหมอนแครอทที่ตัวเองกอดอยู่
“อย่างนายคงอยากเป็นศัตรูกับฉันมากกว่า”
แว่วเสียงเข้ามาในหูคือเสียงหัวเราะจากธารา ฉันไม่เงยหน้าออกมาจากหมอนแต่อย่างใด รู้ตัวอีกทีสติที่มีก็ค่อย ๆ เจือจางหายไปอย่างช้า ๆ แต่กลับรู้สึกอุ่นวาบตรงหน้าผากของตัวเองราวกับว่ามีคนมาฝากรอยจูบให้ไม่หลงลืมสัมผัสจากมัน
หลายชั่วโมงต่อมา
“อื้อ...”
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้เริ่มทำงาน ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องที่มีแสงไฟสลัว ๆ สาดส่องให้ต้องหรี่ตาลงเนื่องจากสายตายังปรับกับแสงได้ไม่ดีมากนัก
ฉันค่อย ๆ หยัดตัวลงมานั่งตัวตรง ขยี้ตาเบา ๆ เพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ทว่าโซฟาเดี่ยวตัวถัดไปทำให้ฉันชะงักเพราะธารายังอยู่
เขาเปลี่ยนชุดแล้วและให้เดาก็คงอาบน้ำแล้วแต่ย้อนกลับมาในห้องฉันเพราะคีย์การ์ดฉันอยู่บนโต๊ะนั้น
เขานั่งหลับอยู่ในมุมของตัวเอง
หมอนี้จะมานอนเฝ้าฉันทำไมกัน
ฉันคลานเข่าไปใกล้ธาราที่ยังหลับไม่รู้ตัว ใบหน้าเขาตอนนอนดูไม่มีพิษไม่มีภัยไม่เหมือนตอนตื่นนอนขึ้นมาเลยสักนิด
“ทำไมไม่กลับไปนอนห้องตัวเอง”
ฉันพึมพำเสียงแผ่ว พอได้นั่งมองแล้วธาราก็หน้าตาดีใช่เล่นแฮะ...
ใช่... เขาหล่อ เขาดูดี แต่ทำไมถึงชอบมองเหมือนหาเรื่องฉันอยู่เรื่อยเลย
“อยากขย้ำให้ร้องไม่ออกเลย”
ฉันกางเล็บกลางอากาศทำเหมือนจะประทุษร้ายใบหน้าเขาแต่กลับโดนดึงข้อมือจนตัวเองถลาลงไปหาอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ธารา ปล่อยนะ”
“คิดจะทำอะไร? ฆาตกรรมตอนฉันนอนเหรอ”
แววตานั้นรู้ทัน อีกทั้งมุมปากยังยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์จนฉันบึนปากอย่างงุ่นง่าน
“เปล่า ไม่ใช่สักหน่อย”
ฉันเฉไฉแต่กลับถูกรั้งเอวให้ขึ้นมานั่งควบตักเขาแทน
กระโปรงนักศึกษาที่สั้นอยู่แล้วกลับสั้นลงกว่าเดิม
“นี่! ปล่อยฉันจะมาจับเพื่อ! “
“จับไม่ได้?”
“ก็ใช่ไง”
ฉันต่อปากต่อคำกับผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่คิดยอมแพ้แต่อย่างใด แต่ธารามันคนหน้าด้านคนหนึ่งเลย
ไม่ได้รู้สึกรู้ร้อนเลยที่ฉันแทบจะกินหัวมันอยู่รอมร่อแล้วเนี่ย
“หายเจ็บขายัง”
บทสนทนาถูกเปลี่ยนตามใจคนถามอย่างง่ายดาย ฉันดันแผ่นอกแกร่งที่อยู่ตรงหน้า
หัวมันเริ่มร้อน อยากตะกุย อยากตะกุย
“หายแล้ว จะไปอาบน้ำเนี่ย”
ยิ่งดันออกธาราก็ยิ่งรั้งเอวฉันให้ขยับชิดเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
“นี่! สักตั้งมั้ยธารา อยากเจ็บตัวมากใช่มั้ย!”
ฉันจิกเล็บลงไปกับลำคอผู้ชายตรงหน้า กรีดกรายลงมาเป็นทางยาวเพื่อให้เขาเจ็บแล้วปล่อยฉันไป
แต่รู้อะไรมั้ย? ธารามันอดทนเก่งเป็นบ้า
มีอย่างที่ไหนโดนทำร้ายขนาดนี้ยังบิดยิ้มชอบใจ เมื่อก่อนสงสัยทำไมมันชอบหน้านิ่งแต่พอมันเลิกทำหน้านิ่งแล้วหันมายิ้มคำตอบที่ได้คือแม่งหน้าตากวนตีน!
“ทำร้ายร่างกายฉัน?”
“ไม่อยากเจ็บก็ปล่อยดิ”
“เจ็บไม่ว่าแต่ต้องได้เอาคืน”
ธาราขยับมือขึ้นไปคว้าท้ายทอยฉัน เขาดันฉันให้ใบหน้าขยับเข้าไปใกล้กันก่อนจะขยับริมฝีปากมากัดซอกคอฉันเบา ๆ ราวกับเป็นการสั่งสอนว่าเขาพร้อมจะเอาคืนฉันทุกเมื่อ
“ไอ้ธา เจ็บนะ...!”
ฉันหวีดแล้วมันก็กดจูบจุดเดิมเหมือนเป็นการปลอบประโลม
“เอาคืนแล้ว”
ฉันจ้องผู้ชายร้ายกาจตรงหน้า จ้องตาเดือดอย่างไม่มีใครยอมใคร
ฉันทำคอมันมีรอยด้วยเล็บมันเลยทำคอฉันมีรอยคืนกลับมาแต่สิ่งที่มันใช้ทำดันเป็นปากไง!
ฉันหายใจแทบไม่ออกเลยรู้มั้ย!