EP 04
ความต้องการ
“ผมต้องการเป็นของพี่...อย่างลึกซึ้ง”
ยองวอนรวบรวมความกล้าพูดออกไปจนจบ สายตายังคงจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของชินซองราวกับกำลังค้นหาบางอย่าง แต่สิ่งที่ค้นพบกลับมีเพียงความว่างเปล่า
“เหอะ!” เสียงแค่นหัวเราะในลำคอของชินซองทำให้ยองวอนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ ชาไปทั้งตัวและหัวใจ
ยองวอนละสายตาออกจากใบหน้าของชินซองพร้อมกับหัวใจที่แหลกละเอียด เขาก้มหน้าลงต่ำแล้วพยายามฝืนยิ้มให้ตัวเอง ไม่ว่าสิ่งที่ร้องขอออกไปจะทำให้เขาดูน่ารังเกียจมากแค่ไหน แต่ถ้าหากผลลัพธ์ของมันคือการช่วยชีวิตยองแอได้ ยองวอนก็ยินดีที่จะถูกรังเกียจ
“นายนี่มันทุเรศจริงๆ”
“ครับ ผมก็แค่...”
“ต้องจนตรอกแค่ไหนนายถึงได้เดินมาเสนอตัวให้ฉัน” ชินซองถามต่อโดยไม่รอให้ยองวอนได้อธิบาย สำหรับชินซอง รายละเอียดเรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ยองวอนเสนอมาเลยสักนิด
“มากจนพี่อาจคิดไม่ถึง เพราะผมเองก็ยังคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะต้องทำแบบนี้” ยองวอนสารภาพ
“แล้วรู้รึเปล่าว่าการเป็นของฉันอย่างลึกซึ้ง มันหมายความว่ายังไง” ชินซองถามกลับ เขากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะใช้หลังมือดันแก้วไวน์ตรงหน้าไปที่หน้ายองวอน ใช้สายตาออกคำสั่งให้ยองวอนดื่มมันซะทั้งที่รู้ดีว่ายองวอนไม่ชอบการดื่มมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งเห็นว่าในแก้วไวน์ทรงสูงตรงหน้ามีของเหลวสีแดงอยู่ภายใน ยิ่งไม่ต้องสงสัยว่าหน้าตาของยองวอนจะดูกระอักกระอ่วนเพียงใด
“ดื่มให้หมด แล้วตามฉันขึ้นไปที่ชั้นสอง” ชินซองสั่งทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะก้าวลงจากเก้าอี้แล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เพราะยองวอนมัวแต่กังวลกับของเหลวสีแดงตรงหน้ามากจนเกินไป หรือเป็นเพราะผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจนหนาตาทำให้เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าชินซองเดินไปทางไหน เพราะทางบันไดที่โทซองพาเขาเดินขึ้นไปเมื่อครู่ก็ไม่เห็นมี
‘แล้วรู้รึเปล่าว่าการเป็นของฉันอย่างลึกซึ้ง มันหมายความว่ายังไง’
คำถามของชินซองยังคงสะท้อนไปมาอยู่ในหัวของยองวอนอยู่ตลอดเวลา มันสะกดให้ยองวอนจ้องมองแก้วไวน์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างเตรียมจะพุ่งขึ้นมาจากหน้าท้อง
แต่สุดท้ายแล้วยองวอนก็ต้องบังคับตัวเองให้ยื่นมือไปจับก้านของแก้วไวน์ใบนั้นขึ้นมา เขากลั้นหายใจก่อนจะกระดกมันใส่ปาก ฝืนกลืนมันลงไปอย่างยากลำบาก
ความรู้สึกที่มีของเหลวไหลผ่านปากแก้วเข้าสู่โพรงปากก่อนจะไหลลงสู่ลำคอทำให้ยองวอนหลับตาแน่น แต่มันกลับไม่สะอิดสะเอียนอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะของเหลวที่เห็น...ไม่ใช่เลือด
ไวน์แดง หัวใจของยองวอนเต้นเร็วขึ้นจนเขาต้องยกมือขึ้นมากดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ ไม่รู้เป็นเพราะว่าเขาโกรธที่ถูกชินซองปั่นหัว หรือเป็นเพราะความรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้เพิ่งจะดื่มเลือดเข้าไปกันแน่ มีเพียงสิ่งเดียวที่แน่นอนและยองวอนรู้สึกชัดเจนก็คือ...มึนหัว
ถึงแม้ว่าของเหลวในแก้วจะไม่ใช่เลือดแบบที่กลัว แต่ไวน์แดงก็ถือเป็นแอลกอฮอล์ที่นอกจากจะทำให้เลือดในร่างกายของยองวอนสูบฉีดได้ดีและเร็วขึ้นแล้ว มันยังสามารถทำให้เขารู้สึกเมาได้ในชั่ววินาทีสั้นๆ บวกกับการกลั้นใจดื่มมันรวดเร็วหมดแก้วทั้งที่ไม่เคยดื่มหนักมาก่อน ก็ทำเอายองวอนถึงกับเซไปนิดหน่อยเมื่อก้าวเท้าลงจากเก้าอี้
อย่างน้อยก็ไม่ได้ล้ม และคิดว่ายังพอมีสติ ยองวอนปลอบตัวเองอย่างนั้นก่อนจะพาตัวเองเดินไปที่บันไดเพื่อตรงขึ้นไปที่ชั้นสองตามคำสั่ง
ตลอดทางยองวอนยังคงนึกถึงแต่คำตอบของคำถามที่ชินซองถามทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะมอมเขาด้วยไวน์แดงเพียงแก้วเดียว
ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าการเป็นของชินซองอย่างลึกซึ้งมันหมายความว่ายังไง แต่ถึงรู้ เขาก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจอยู่ดี ไม่มีทางให้ถอยหลังกลับอีกแล้ว
ก็แค่ต้องเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นแวมไพร์...
มันอาจฟังดูน่ากลัว ซึ่งยองวอนก็ยอมรับกับตัวเองมาตลอดนับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะทำแบบนี้ว่ากลัวมาก แต่ถ้าเทียบกับความกลัวที่จะต้องสูญเสียยองแอไป มันเทียบกันไม่ได้เลย เขายอมสูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งความเป็นมนุษย์ แต่จะไม่ยอมสูญเสียยองแอไปเด็ดขาด
เพียงแต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก การจะเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นแวมไพร์มันไม่ใช่แค่การถูกกัดแบบที่เคยอ่านเจอในหนังสือการ์ตูน หรือเพียงแค่มีเซ็กซ์กับแวมไพร์อย่างในซีรีส์ที่เคยดู ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องระบุว่า ‘ลึกซึ้ง’ หากแต่การจะเปลี่ยน...ต้องอาศัยทั้งหมดนั้นร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการถูกกัด เซ็กซ์ รวมไปถึงการดื่มเลือดของแวมไพร์
นอกจากนั้นยังรวมไปถึงความยินยอมจากชินซอง ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงร่างกาย แต่หมายถึงยอมที่จะลึกซึ้งกับยองวอน...ทั้งหัวใจ ซึ่งยองวอนรู้ดีว่าอย่างหลังนี่แหละที่เป็นปัญหา และคงเป็นไปได้ยากที่สุด
หมับ!
สองตาของยองวอนเบิกโพลงเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกกระชากต้นแขนเข้าอย่างจัง ก่อนจะถูกลากให้เดินถอยกลับมาทางด้านหลังโดยที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งหลัก ริมฝีปากบางสีระเรื่อกำลังจะอ้าปากร้องโวยวาย หากแต่เพียงแค่หันกลับมาแล้วมองเห็นแผ่นหลังของเจ้าของมือหนาที่ยังคงจับแน่นที่ต้นแขนของเขา ความตกใจเมื่อครู่ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ตกใจชนิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากอึ้งแล้วยอมปล่อยให้ตัวเองถูกลากไปเรื่อยๆ
ยองวอนเดินโซซัดโซเซตามชินซองมากระทั่งสุดทางเดิน
ปัง!
ประตูห้องอะไรสักอย่างถูกปิดลงแรงๆ หลังจากที่ยองวอนถูกเหวี่ยงนำเข้ามา เสียงของมันทำให้ยองวอนสะดุ้งเฮือก อาการมึนหัวเมื่อครู่คล้ายจะถูกแทนที่ด้วยอาการตกใจกลัวจนตัวสั่น ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อถูกจ้องมองตั้งแต่หัวจดเท้าด้วยสายตาคมปลาบวาววับของชินซองที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า
“พะ พี่ชินซอง” ยองวอนตะกุกตะกัก ไดอะล็อกที่เตรียมมาทั้งหมดหายวับไปในฉับพลัน ความตั้งใจรวมถึงทุกอย่างที่คิดเอาไว้ว่าอาจจะต้องใช้เมื่อถึงเวลาได้พบหน้ากันอีกครั้งเลือนหายไปราวกับว่ามันไม่เคยถูกคิดเอาไว้มาก่อน
“นายเป็นฝ่ายเดินมาเสนอตัวให้ฉันเอง แล้วจะกลัวอะไร”
น้ำเสียงเย็นเยียบของชินซองบาดลึกลงในหัวใจของยองวอนจนเขาต้องกำหมัดแน่น ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด
“คือผม...ผม...ผม...” เสียงสั่นจนฟังไม่ได้ศัพท์ ยองวอนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับชินซองเลยสักเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ
“ถอดเสื้อผ้าสิ จะได้ทำๆ ให้เสร็จๆ” ชินซองพูดอย่างคนไม่คิดอะไรทั้งที่มันทำให้คนฟังรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ
“เร็วสิ อย่าชักช้า มัวรออะไรอยู่ล่ะ อดทนให้มากหน่อยแล้วกันเพราะสิ่งที่นายขอมันทำให้ฉันต้องออกแรงเยอะทีเดียว”
ความร้อนในร่างกายของยองวอนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขารู้สึกเหมือนตัวเองจะมีไข้
ชินซองที่ประสาทสัมผัสหูดีเยี่ยมกว่ามนุษย์ทั่วไปได้ยินถึงเสียงลมหายใจที่ดังครืดคราดของยองวอนได้เป็นอย่างดี และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาได้ยินเสียงของเลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างกายของยองวอนเพราะมันถูกกระตุ้นและสูบฉีดอย่างรวดเร็ว
ยองวอนเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรให้ดีกว่านี้ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว มิหนำซ้ำคนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้ต้องการให้เขาอธิบายอะไรเลยแม้แต่คำพูดเดียวด้วยซ้ำ
หรือมันดีอยู่แล้ว ยองวอนนึกสงสัยในใจพลางค่อยๆ ยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนของตัวเองออกทีละเม็ดๆ ทั้งที่ยังยืนก้มหน้าก้มตา
“อย่าทำหน้าเหมือนฉันกำลังจะขืนใจนายหน่อยเลยยองวอน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชินซองยอมเรียกชื่อของเขาออกมานับตั้งแต่ที่ได้เจอกันอีกครั้ง และมันก็ทำให้ยองวอนตัดสินใจที่จะเงยหน้ากลับขึ้นไปสบตากับคนเรียกพร้อมกับค่อยๆ คลี่ยิ้ม
“อุ๊บ...”
แต่มันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้ชินซองกระชากร่างของเขาเข้ามาบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากบางเฉียบของยองวอนถูกครอบครองอย่างรุนแรงจนยองวอนรู้สึกแสบร้อนไปทั้งปาก
พลั่ก!
เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างของยองวอนเซถอยกลับมากระแทกเข้ากับผนังทางด้านหลังเมื่อชินซองผลักออกอย่างไร้เยื่อใยหลังจากที่บดขยี้ริมฝีปากของเขาไปแบบป่าเถื่อน ชินซองจ้องมองยองวอนด้วยสายตาว่างเปล่า รอยยิ้มมุมปากของชินซองแสดงออกถึงความเย้ยหยันและรังเกียจยองวอนอย่างที่ยองวอนเองก็ไม่คาดคิด
แผลที่เคยคิดว่ามันหายสนิทดีแล้วเหมือนถูกเปิดออกอีกครั้ง เหวอะหวะราวกับว่ามันเป็นแผลใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
“นายนี่มันทุเรศจริงๆ”
หยดน้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะลงมา ยองวอนก้มหน้าลงต่ำ หวังจะให้มันหยดลงพื้น หากแต่เมื่อหยดแรกร่วงหล่นลงไป ก็มีหยดใหม่ไหลออกมาแทนที่จนยากจะปกปิด สุดท้ายยองวอนก็จำต้องเงยหน้ากลับขึ้นมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่โหดร้ายอีกครั้ง
ชินซองต้อนรับการกลับมาของยองวอนได้เลือดเย็นกว่าที่เขาประเมินไว้มากมายเหลือเกิน ร่างกายสั่นไปหมดจนนึกอยากจะวิ่งหนี แต่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้เขาต้องมายืนอย่างไร้ค่าตรงนี้ ก็หนักมากพอที่จะถ่วงเขาเอาไว้ไม่ให้ก้าวขาออกไป
“ผม...จะทำทุกอย่างที่พี่ต้องการ” ยองวอนบอกออกไปเสียงสั่น ใบหน้าของเขาซูบลงเพราะอดหลับอดนอนมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
หลังจากที่แม่เสีย ยองแอก็เปรียบเสมือนทุกอย่างในชีวิตของเขา ดังนั้นเรื่องที่เธอต้องมาเป็นโรคร้ายที่แทบจะไม่มีโอกาสให้รอดชีวิตอีกแล้ว จึงเปรียบเสมือนฝันร้ายที่ทำให้ยองวอนไม่สามารถข่มตาหลับสนิทได้เลยแม้แต่คืนเดียว ความกลัวที่กัดกินขั้วหัวใจเขาทำให้เขามืดแปดด้าน
“ผม...ต้องการพี่”
ความต้องการของยองวอนถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหลออกมาเป็นสาย ชินซองแค่นหัวเราะอย่างนึกขัน ช่างเป็นตลกร้ายที่สะกิดแผลในหัวใจของเขาให้เลือดซึมออกมาได้ทันตาเห็นจริงๆ
“ได้โปรดช่วยผมด้วย” ยองวอนบอกอย่างกล้ำกลืน หัวใจบีบรัดตัวแน่นจวนเจียนจะขาด เสียงฟันในปากกระทบกันไม่หยุดโดยที่ยองวอนเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องห้ามมันยังไง ยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบไปทั้งที่ยังเอาแต่จ้องมองเขาแบบนั้นเขาก็ยิ่งหายใจได้ลำบาก
“ฉันควรมองนายด้วยสายตาแบบไหนดียองวอน นายทิ้งฉันไปเก้าปีโดยไม่มีคำลาสักคำเดียว หายหัวไปเหมือนตายจากฉันไป แล้วอยู่ๆ ก็เดินกลับมาบอกว่าอยากจะเป็นของฉันหน้าตาเฉย”
“ได้โปรดครับพี่ ผม...”
กึก!
เสียงฟันในปากของยองวอนกระทบกันอย่างรุนแรงเมื่อชินซองยื่นมือออกไปบีบกรามของเขาเอาไว้จนแน่น พร้อมกับออกแรงกดร่างของเขาเอาไว้กับผนังทางด้านหลัง
นาทีนี้ยองวอนนึกอยากจะเกลียดชินซองมากเหลือเกิน แต่กลับทำไม่ได้
แรงบีบที่กรามมีมากพอที่จะทำให้ยองวอนแสดงสีหน้าเจ็บปวด แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายก็คงเจ็บปวดเพราะเขามามากเหมือนกัน มันคงดีถ้าความเจ็บปวดในอกของผู้ชายตรงหน้าจะเบาลง ถ้าหากว่าเขาจะระบายมันออกมา
“นายเสนอตัวให้ฉันได้เร้าใจดีนะยองวอน” ชินซองโน้มใบหน้าลงไปกระซิบกับยองวอน ก่อนจะถอยกลับออกมาพร้อมกับปล่อยมือออกจากใบหน้าของยองวอนแรงๆ สายตาที่เขาจ้องมองยองวอนยังคงไร้ซึ่งความเห็นใจ
อาการปวดทำให้ยองวอนต้องยกมือขึ้นมานวดคางของตัวเองเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะได้สูดหายใจ เขาก็ต้องเบิกตาโพลงอีกรอบเมื่อไหล่ทั้งสองข้างของเขาถูกชินซองจับเอาไว้แล้วหมุนตัวเขาให้หันหน้าเข้าหากำแพง
“พี่!”
“ฉันเตือนไปรึยังว่านายต้องอดทนให้มากน่ะ”
ขนลุกไปหมด
ฟุ่บ!
เสี้ยววินาทีกางเกงของยองวอนก็ถูกปลดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า นึกอยากจะก้มลงดึงมันกลับขึ้นมาแต่แรงของคนทางด้านหลังก็มีมากเกินไป แถมการต่อรองก็เหมือนจะใช้ไม่ได้ผล ยองวอนจำต้องยืนนิ่ง เพราะได้แต่หวังว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายเห็นใจและใจเย็นลงสักที
ถึงการกระทำของชินซองจะเย็นชา แต่ยองวอนก็ยังมีความหวังอยู่ลึกๆ เขาเฝ้าภาวนาขอให้มันเป็นแค่การระบายความโกรธที่หลังจากระบายออกมาจนหมด...เขาจะได้รับการให้อภัยจากคนด้านหลังแล้วมีโอกาสได้คุยกันดีๆ สักที
เก้าปีที่เขาเป็นฝ่ายทิ้งชินซองไปโดยไม่มีแม้แต่คำบอกลา ถ้าหากการกลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วชินซองยังทักทายเขาด้วยรอยยิ้มหรือคุยกันได้ราวกับที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นต่างหากที่ผิดปกติ
“ยกมือขึ้นวางทาบไปบนผนังเหนือหัว”
“พี่ชินซอง”
“ถ้าฉันหมดอารมณ์ นายจะไม่ได้ในสิ่งที่นายต้องการ”
“แต่ผมไม่ได้หมายความว่า...”
“ฉันไม่ได้โง่พอจะไม่รู้ความหมายยองวอน แต่ถ้านายคิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ ก็ก้มลงสวมกางเกงซะ เสร็จแล้วก็รีบๆ ไปให้พ้นหน้าฉันแล้วอย่าเสนอหน้ามาอีก!” ชินซองตะคอกเสียงดังจนยองวอนสะดุ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ร่างสูงถอยหลังออกมาจากยองวอนหลังจากที่พูดจบราวกับตั้งใจจะเว้นระยะห่างเอาไว้ให้มากพอจะให้ยองวอนก้มลงหยิบกางเกงที่ถูกปลดลงไปกลับขึ้นมาสวมได้ถนัด แต่มันไม่มากพอที่จะทำให้ยองวอนคิดว่านั่นเป็นทางเลือกที่ดี ไม่มากพอที่จะทำให้เขามองเห็นทางเลือกอื่นนอกจาก...ยอม
ไร้ศักดิ์ศรี แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะช่วยยองแอได้ ยองวอนพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
ยองวอนค่อยๆ ยกมือสั่นๆ ทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นวางบนผนัง ชินซองที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเขาจ้องมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่ปวดแปลบ ในสมองเฝ้าค้นหาคำตอบว่าเด็กคนนี้มีเหตุผลอะไรถึงได้กำลังทำเรื่องบ้าๆ และทุเรศทุรังได้ขนาดนี้ทั้งที่เคยรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิต
“ผมจะอดทนแบบที่พี่บอก”
เสียงเบาๆ ของยองวอนที่เอ่ยตัดพ้อออกมาเปรียบเสมือนมีดปลายแหลมที่สะบั้นความอดทนของชินซองให้หมดลง เขาเดินเข้าไปใกล้ยองวอนอีกครั้งก่อนจะใช้ปลายเท้าเกี่ยวกางเกงและกางเกงชั้นในของยองวอนออกไปให้พ้นทาง
“นายคงต้องอดทนมากหน่อย แต่รู้เอาไว้ว่าไม่ว่านายจะอดทนได้มากแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับที่ฉันต้องอดทนมาเก้าปี” เสียงทุ้มต่ำของชินซองก้องสะท้อนอยู่ในความรู้สึกของยองวอน น้ำตาที่เกือบจะแห้งไปเริ่มรินไหลอีกครั้งพร้อมกับอาการสะดุ้งเฮือกทันทีที่ร่างกายส่วนล่างถูกสัมผัส
ยองวอนเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อชินซองกอบกุมแก่นกายของเขาไว้ในกำมือ ก่อนจะเริ่มปลุกเร้าให้มันตื่นตัวขึ้นมาตั้งแต่แรกสัมผัส มือและเท้าของยองวอนหงิกงอเพราะเริ่มเกร็ง ยิ่งรู้สึกได้ว่าคนด้านหลังทาบตัวเองลงมาแนบชิดด้วยจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศได้ลอดผ่าน ทุกอย่างก็ยิ่งยากจะควบคุม
เสียงลมหายใจของยองวอนถี่กระชั้น เลือดในร่างกายถูกกระตุ้นให้พลุ่งพล่านด้วยลมหายใจเย็นๆ ของอีกฝ่ายที่ตั้งใจจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งรั้นของชินซองซุกไปตามลำคอของเขาที่เหยียดตึงเพราะถูกชินซองกระชากเส้นผมเอาไว้บังคับให้ต้องเงยหน้าตลอดเวลา
“อดทนให้มากกว่านี้ยองวอน” ชินซองกระซิบข่มขวัญ ร่างกายที่สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนของเขาในเวลานี้ชวนให้ความรู้สึกต้องการที่ถูกซ่อนและกดเอาไว้ถูกปลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย กลิ่นและเสียงของของเหลวในร่างกายของยองวอนทำให้คมเขี้ยวของชินซองเตรียมจะทิ่มแทงทะลุออกมาจากเหงือกอยู่รอมร่อ
สองมือของยองวอนกำหมัดแน่นเมื่อชินซองขบเม้มซอกคอของเขารุนแรงจนรู้สึกแสบร้อน ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องเริ่มโหมหนักขึ้น สองขาสั่นระริกจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เสียงครางอื้ออึงในลำคอที่ยองวอนพยายามสะกดกลั้นเอาไว้กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากแสนสาหัสเมื่อมือหนายังเอาแต่เร่งรัดแก่นกายของเขา ข้อมือเร่งจังหวะการขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็วจนยองวอนใกล้แตกสลาย
กลิ่นกายของยองวอนยังหอมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เสียงครืดคราดของลมหายใจที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวยองวอนเองก็ทำให้ชินซองเริ่มรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์จนต้องบังคับตัวเองให้มีสติทั้งที่อยากจะกระชากคนตรงหน้าให้หันกลับมาแล้วกอดเอาไว้ในอ้อมแขนใจจะขาด
“พะ พี่...”
“เสียใจด้วยที่ฉันไม่ได้อยากจะลึกซึ้งกับนาย”
ใบหน้าชายิบ นอกจากร่องรอยตามลำคอที่หลังจากนี้มันจะเป็นเครื่องหมายที่อยู่ตอกย้ำความพ่ายแพ้ของยองวอนไปอีกหลายอาทิตย์แล้ว ชินซองก็ยังทิ้งเศษความสมเพชเอาไว้ให้เขาได้ดูต่างหน้าอีกต่างหากเมื่อร่างสูงผละออกจากยองวอนอย่างรังเกียจ
“พี่ชินซอง” เสียงของยองวอนเบาหวิว อ่อนระโหยโรยแรงเมื่อถูกสูบพลังงานไปจนเกือบหมด เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ราวกับว่ากำลังทดสอบความอดทนของเขาแบบที่พร่ำบอกเมื่อครู่
“ฉันอยากรู้ว่านายจะอดทนได้แบบที่พูดรึเปล่า อย่าช่วยตัวเองล่ะ สงบได้แล้วออกไปคุยกับฉันข้างนอก ฉันไม่ช่วยเหลือใครสุ่มสี่สุ่มห้า และที่สำคัญคือฉันไม่เอากับใครง่ายๆ”
ความรู้สึกของยองวอนตอนนี้ไม่ต่างจากการถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัดๆ มันชาไปหมดทั้งตัวและหัวใจ ชาจนแทบไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่
ปัง!
เสียงประตูทางด้านหลังถูกปิดลงอีกครั้งพร้อมกับการจากไปของชินซอง ใบหน้าเรียบตึงทุกกระเบียดนิ้วของประธานบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่างชินกรุ๊ปในตอนนี้ช่างตรงกันข้ามกับเลือดในอกของเขาที่กำลังเดือดพล่านสิ้นดี
“โอ๊ะโอ” โทซองที่ยืนรออยู่แสร้งส่งเสียงทักทาย เขาเดินตามยองวอนลงมาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นถึงได้รู้ว่ายองวอนน้อยถูกชินซองมอมเมาด้วยไวน์ชั้นดีหนึ่งแก้วก่อนจะถูกลักพาตัวเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดตั้งเกือบยี่สิบนาที
“นายทำอะไรยองวอนน้อยของฉัน บอกมาเดี๋ยวนี้นะท่านประธาน”
“แค่พาไปส่งที่ทางขึ้นสวรรค์”
“หมายความว่าไง พาไปส่งที่ทางขึ้น”
“ก็หมายความว่ายังไม่ได้ขึ้นไงล่ะ พูดมาก มาขับรถได้แล้ว ฉันไม่อยากขับรถชนใครตาย” ชินซองออกคำสั่งพลางโยนกุญแจรถส่งให้โทซองที่เดินตามมาติดๆ ซึ่งโทซองก็รับเอาไว้ได้ทันเวลาพอดิบพอดี
จริงอยู่ว่าพวกเขาต่างคนต่างมา แต่เพราะโทซองพอจะรู้จักนิสัยของชินซองดี เรียกได้ว่าแทบจะนั่งอยู่ในใจของชินซองด้วยซ้ำ เขามั่นใจแต่แรกว่ายังไงซะชินซองก็ต้องมาพบยองวอนแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงไล่คนขับรถกลับไปตั้งแต่แรกแล้ว ในขณะเดียวกันชินซองเองก็พอจะอ่านเกมของโทซองออก
“ถ้าฉันเส้นเลือดในสมองแตกตาย ก็รู้เอาไว้เลยนะว่าเป็นเพราะนาย ลีโทซอง” ชินซองพาลใส่โทซองทันทีที่พาตัวเองเดินกลับมาถึงรถ โทซองที่เปิดประตูตามเข้ามานั่งด้านหลังพวงมาลัยถึงกับแค่นหัวเราะ ก่อนจะรีบสตาร์ตรถพลางเปิดแอร์เย็นฉ่ำหวังจะช่วยให้คนข้างๆ ใจเย็นลง
“ไม่ใช่เพราะนายอยากขึ้นสวรรค์กับยองวอนน้อย แต่กำลังเล่นตัวอยู่หรอกเหรอ”
“เหอะ! อย่ามาไร้สาระ” ชินซองรีบปฏิเสธ ทั้งที่พอนึกถึงยองวอนขึ้นมาแล้วเขากลับรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
กลิ่นกายของยองวอนยังคงเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคย ท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ไร้เดียงสาที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ได้ช่วยให้เจ้าเด็กนั่นรู้ประสีประสาขึ้นมาเลยสักนิด ไหนจะยังสายตาและท่าทางที่เย่อหยิ่ง แต่กลับดูน่าสงสารในเวลาเดียวกันนั่นอีกล่ะ ยิ่งเวลาที่ได้ก้มลงไปสูดดมกลิ่นเฉพาะตัวใกล้ๆ ได้ยินเสียงเส้นเลือดที่ลำคอแบบแนบชิด มันก็ยิ่งทำให้ชินซองอยากจะคลั่ง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเวลาที่อยากจะปลดปล่อยทุกความรู้สึกที่ผูกมัดจนจวนเจียนจะหายใจไม่ออกอยู่ทุกวี่ทุกวันแต่ทำไมไม่ได้น่ะ มันทรมาน และไม่ใช่แค่เจ้าเด็กนั่นที่ต้องเรียนรู้ที่จะอดทน เพราะเขาเองก็กำลังเรียนรู้มันอยู่เหมือนกัน
“แล้วนี่จะเอายังไง จะกลับเลยจริงๆ เหรอชินซอง ทิ้งไว้แบบนี้ไม่น่าจะดีเท่าไหร่นะ”
“รอดูให้แน่ใจ แต่คิดว่าคงจะอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะโผล่หัวมา”
“เหอะ นายก็เล่นเป็นเด็กไปได้ ถ้าเกิดมีคนเข้าไปช่วยพายองวอนน้อยขึ้นสวรรค์นายจะทำยังไง”
“ฆ่ามัน” ชินซองพูดเสียงเครียด แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะครืนจากโทซองได้เป็นอย่างดี
คำว่า ‘ฆ่ามัน’ จากปากของชินซองถือเป็นสัญญาณที่ดี โทซองค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคิดไม่ผิดว่าชินซองเองก็คงจะเป็นห่วงยองวอนพอสมควร เพียงแต่อีกด้านเขาก็รู้ดีว่าบาดแผลในใจของชินซองเองก็ไม่ใช่เล็กๆ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา ยิ่งการกลับมาของยองวอนเป็นการกลับมาเพื่อหวังผลประโยชน์ ซึ่งถึงชินซองอาจจะเต็มใจให้ แต่มันก็น่าจะมีเงื่อนไขอยู่บ้าง
ความไว้ใจที่ถูกทำลายไป มันไม่ได้สร้างใหม่ได้ภายในเวลาอันรวดเร็วหรอก
“มาแล้วๆ ท่าทางจะหงุดหงิดเอาเรื่องเลยนะนั่น หน้าตาหัวเสียเชียว” โทซองรีบบอก
ทั้งโทซองและชินซองกำลังจ้องมองไปที่ยองวอนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากคลับ ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูหงุดหงิดและหัวเสียมากจริงๆ อย่างที่โทซองบอก
“ยองวอนน้อย ทางนี้” แล้วคนชอบแส่ก็ยังคงทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น
โทซองลดกระจกลงพร้อมกับยกมือเรียกยองวอนให้วิ่งมาที่รถ
ยองวอนก้มหัวลงขอบคุณก่อนจะก้มหน้าก้มตาวิ่งมาตามคำเชิญ ก่อนจะเปิดประตูรถทางด้านหลังแล้วขึ้นมานั่งเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองชินซองที่จ้องมองเขาตั้งแต่ที่เขาเดินมาถึงรถด้วยซ้ำ
โทซองขับรถออกมาทันทีที่ยองวอนเข้าประจำที่เรียบร้อย หางตาเหลือบมองไปที่ชินซองซึ่งยังเอาแต่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ทั้งที่น่าจะพูดอะไรออกมาสักคำอย่างนึกตำหนิ
“จอดรถ”
“นายว่าไงนะ”
“ฉันบอกให้นายจอดรถ” ชินซองย้ำอีกครั้ง นำมาซึ่งการจอดรถเทียบฟุตปาธข้างทางของโทซองในทันที
“ลงไป”
“อะไรของนาย”
“ฉันสั่งให้นายลงไป...ยองวอน” ชื่อของคนที่ถูกเอ่ยเรียกทำให้โทซองอ้าปากพะงาบๆ เขาเพิ่งจะขับรถออกมาจากคลับได้ไม่ถึงสองร้อยเมตรด้วยซ้ำ
“นายจะบ้าเหรอชินซอง”
“ฉันไม่ได้พูดกับนายโทซอง หุบปากสักที ยองวอน นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง ฉันสั่งให้นายลงจากรถฉันไปซะ”
ปัง!
เสียงประตูทางด้านหลังถูกเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการจากไปของยองวอน ความเงียบก่อตัวขึ้นในฉับพลัน เป็นอีกครั้งที่ชินซองรู้สึกเหมือนถูกทิ้งเอาไว้โดยไม่มีคำบอกลา แม้จะรู้ว่าครั้งนี้ตัวเองเป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่ก็ตาม
สายตาของชินซองจ้องมองไปที่กระจกด้านข้างรถที่ยังคงมองเห็นว่ายองวอนกำลังวิ่งย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นทำให้ชินซองกำหมัดแน่น ในขณะที่โทซองเงียบสนิท พูดไม่ออก และไม่รู้จะพูดอะไร
“กลับสิ ฉันง่วงแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า”
“นายจะเอาแบบนี้แน่นะฮันชินซอง” น้ำเสียงของโทซองไม่ได้ขี้เล่นเหมือนทุกที เพราะเขากำลังต้องการจะเตือนสติเพื่อนที่กำลังทำอะไรไม่เข้าท่า ไม่บอกก็รู้ว่ายองวอนเสียใจมากแค่ไหน และคนทำเองก็ดูไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่กำลังทำอยู่สักนิด
“ใช่สิ ฉันจะเอาแบบนี้” ชินซองยืนกรานอย่างนั้น โทซองได้แต่สบตาเพื่อนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังกระจกมองหลังอีกครั้ง
ยองวอนหยุดวิ่งแล้ว เขาทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นและคงกำลังร้องไห้อย่างหนัก แม้จะอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร แต่บริเวณนั้นก็สว่างพอที่จะทำให้สองคนที่นั่งอยู่มองเห็นว่าคนที่ถูกทิ้งลงกลางทางเสียใจและเจ็บปวดมากแค่ไหน
“ขอให้นายตัดสินใจถูกก็แล้วกัน” โทซองอวยพรเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์รถเตรียมจะขับออกมาอีกรอบ แต่สายตาของเขาดันเหลือบไปเห็นยองวอนลุกขึ้นยืนด้วยความรีบร้อน ความเคลื่อนไหวของยองวอนทำให้โทซองเสียสมาธิไปชั่วขณะ ก่อนจะเห็นว่ายองวอนล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดรับด้วยท่าทีร้อนใจ พูดกันแค่ไม่กี่คำแล้ววางสาย จากนั้นยองวอนก็หุนหันพลันแล่นวิ่งข้ามถนนไปในทันที
เป็นอีกครั้งที่โทซองหันกลับมามองชินซองที่คงจะเห็นภาพเมื่อครู่เหมือนกันกับที่เขาเห็น ที่ขมับของชินซองเต้นตุบๆ รุนแรงราวกับเส้นเลือดบริเวณนั้นกำลังโป่งพอง
“โอเค ฉันจะทำเป็นไม่เห็นว่ายองวอนน้อยรับสายปริศนาแล้วรีบวิ่งข้ามถนนไปแบบไม่คิดชีวิต”
“โทซอง!”
“ครับท่านประธาน เรากลับเพนต์เฮ้าส์กันเลย ขอให้ท่านประธานสบายใจและนอนหลับฝันดี” โทซองยียวน เขารู้ดีว่าตอนนี้ชินซองเองก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก ไม่สิ เรียกว่ารู้สึกแย่จะเข้าใจได้ง่ายกว่า
“ตามไป”
“อะไรนะ ได้ยินไม่ค่อยถนัด”
“ถ้านายยังไม่เลิกกวนประสาท ฉันจะไล่นายลงจากรถแล้วขับเอง”
“โอเค ตามยองวอนน้อยไป รับทราบครับท่านประธาน”
บรื้นนน~