เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านกลางดึก พร้อมกับแรงเคาะประตูหนัก ๆ ที่ทำให้คนในบ้านสะดุ้งตื่นแล้วลงมาที่ห้องโถงชั้นล่าง
“เปิดประตู” เสียงเข้มของคณิณ ดังลอดเข้ามา แม้จะไม่ได้ตะโกน แต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจจนไม่มีใครกล้าขัดขืน
ภายในห้องโถง ปาลิน จิตวิวัฒน์นั่งบีบมืออยู่บนตัก หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เสียงเคาะและเสียงเรียกนั้นทำให้มารดาของเธอจำใจต้องเปิดประตูต้อนรับแขกยามวิกาล สีหน้าหญิงวัยกลางคนซีดเผือดเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้า แววตาคมดุของเขาเต็มไปด้วยโทสะ
“ยิหวาอยู่ไหน” เขาถามเสียงเรียบแต่แววตาไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
“หนูยิหวาไม่ได้อยู่ที่นี่” แวววรรณกล่าวเสียงสั่น พอจะเดาออกแล้วว่าเขามาด้วยเหตุใด ในขณะที่ปาลินนั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่ชายของเธอพาเจ้าสาวของเขาหนีไป!
“ผมจะถามอีกครั้ง เจ้าสาวของผมอยู่ไหน!” เสียงนั้นเป็นเสียงตวาดที่ไม่มีความยำเกรงเจ้าของบ้าน เขารู้ดีว่าปิลันธรและคู่หมั้นของเขารักกัน แต่การแต่งงานครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่สนใจว่าทั้งสองจะรักกันแค่ไหน
“เจ้าสาวหายก็ไปตามหาสิคะ คุณจะมาบุกรุกบ้านคนอื่นแล้วอาละวาดแบบนี้ทำไม” แวววรรณใจดีสู้เสือ ต่อว่าเขาไปในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน
“ไม่ใช่ว่าลูกชายคุณพาเจ้าสาวผมหนีไปหรือยังไง” คำตอบของเขาพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นสูงทำให้เธอต้องสงบลงไป
เขาพูดถูก ลูกชายของเธอรักกับยิหวา ป่านนี้คงพาเธอหนีไปไกลแล้ว
“คุณคณิณ” ปาลินเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว พยายามจะทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
คณิณมองน้องสาวของศัตรูหัวใจ ในเมื่ออีกฝ่ายบังอาจพาเจ้าสาวของเขาหนีไป เขาก็ต้องเอาคืนด้วยการพรากดวงใจของปิลันธรเช่นกัน
“งานแต่งงานครั้งนี้ไม่มีเจ้าสาวไม่ได้ เธอต้องแต่งงานแทนยิหวาเพื่อให้ทุกอย่างยังดำเนินต่อไป” เขาพูดเสียงกร้าว เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องร้อนรนจนต้องเรียกให้พี่ชายกลับมา
“ถ้าคุณต้องการเจ้าสาว ฉันก็ยินดีค่ะ” ปาลินเอ่ยเสียงสั่น
ดวงตาคมกริบของคณิณตวัดมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะแสยะยิ้มเย็นชา
“คิดว่าฉันแต่งงานเพราะพิศวาสเธอหรือไง เธอก็เป็นได้แค่ตัวแทนของยิหวาเท่านั้น และอย่าหนีไปล่ะ ไม่อย่างนั้นธุรกิจของบ้านเธอไม่มีที่ยืนแน่”
ปาลินกัดริมฝีปากแน่น รู้ว่าเขาโกรธแค้นที่พี่ชายของเธอพายิหวาก่อนวันแต่งงาน แต่เธอจะปล่อยให้เขามาอาละวาดใส่ครอบครัวแบบนี้ไม่ได้
“ฉันเข้าใจค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไป”
คณิณหัวเราะในลำคอ ก่อนจะคว้าข้อมือเธอแน่น ราวกับจะตอกย้ำว่าเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
“จำไว้นะงานแต่งครั้งนี้ มันคือบทลงโทษ ไม่ใช่ความรัก” แม้คำพูดของเขาจะบาดลึก แต่ปาลินกลับทำเพียงแค่หลับตา แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ฉันรู้ค่ะ”
************************
ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง เสียงดนตรีบรรเลงเพลงช้าที่หวานซึ้งดังเบา ๆ ไปทั่วห้องจัดเลี้ยง
แขกเหรื่อต่างมองเวทีด้วยความสงสัย งานแต่งงานระหว่าง คณิณ โตทรัพย์มั่นคง ทายาทเพียงคนเดียวของกลุ่มบริษัทค้าอัญมณีส่งออกระดับประเทศ และยิหวา อัญมณีไพศาล ทายาทเจ้าของเหมืองพลอยที่ใหญ่ที่สุด งานนี้ควรจะเป็นงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่น แต่บรรยากาศกลับตึงเครียดผิดปกติ
ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวไม่ได้มาร่วมงานเพราะอับอายที่ลูกสาวของตนหนีงานแต่ง ในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายของเจ้าบ่าวนั่งหน้าเครียด ยังมีความหวังว่ายิหวาจะกลับมา แต่ก็ไร้เงาของเธอ
“ถึงฤกษ์แล้ว เปลี่ยนตัวเจ้าสาวตามที่แกต้องการเถอะ” เมื่อเจ้าสาวตัวจริงไม่มา พ่อของเขาจึงต้องรับมือด้วยการให้งานแต่งดำเนินต่อไปเพื่อรักษาหน้าตาของตระกูล ไม่ให้ใครตราหน้าว่าถูกเจ้าสาวทิ้งในวันแต่งงาน
เมื่อป้ายของเจ้าสาวถูกเปลี่ยนออกไป ทุกคนต่างซุบซิบเมื่อชื่อของเจ้าสาวที่ติดอยู่บนฉากหลังเวทีเป็นชื่อของปาลิน หญิงสาวที่ไม่มีใครรู้จัก
ปาลินนั่งตัวแข็งทื่ออยู่หลังเวที เธอรู้อยู่แล้วว่าเจ้าสาวตัวจริงจะไม่มางานแต่งงาน แต่เธอไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงขั้นนี้ ที่เธอต้องมาแต่งงานแทนคนรักของพี่ชาย
“ไปเถอะ” แวววรรณบอกบุตรสาวคนเล็ก จากนั้นก็พาเธอเดินออกไปยังเวที
คณิณตวัดสายตาเย็นชาไปเจ้าสาวตัวแทนที่กำลังเดินขึ้นเวทีมาหาเขา หญิงสาวตัวเย็นเฉียบ รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถาโถมใส่เธออย่างไร้ความปรานี เธอไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองจะต้องมาอยู่ในจุดนี้
“ปาลิน ไปเถอะลูก” เสียงสั่นเครือของแม่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอหลับตาลงช้า ๆ แล้วก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างเขา
เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีทางเลือก และที่สำคัญหัวใจของเธอก็ไม่เคยปฏิเสธผู้ชายคนนี้ได้เลย
มือเล็กกำชายกระโปรงแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปหาชายที่เป็นทั้งรักแรกและคนที่ไม่เคยหันมามองเธอเลยสักครั้ง
“อย่าหวังว่าฉันจะแตะต้องเธอ หรือให้เกียรติในฐานะภรรยา เพราะการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้มีความรัก” คณิณปรายตามองเธอ ดวงตาคู่นั้นยังคงเย็นชา พูดตอกย้ำในสิ่งที่เคยบอกเธอไปแล้ว ให้หญิงสาวเจ็บปวดเพราะนั่นหมายถึงความเจ็บปวดของปิลันธรด้วย
ปาลินแค่ยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ตอบโต้ออกไป
ภายใต้เสียงแฟลชจากกล้องรูป และแขกเหรื่อที่ปรบมือแสดงความยินดี เธอยืนเคียงข้างเขาในฐานะเจ้าสาวตัวแทน ท่ามกลางคำอวยพรที่เต็มไปด้วยความสงสัย บรรยากาศรอบตัวดูอึดอัดราวกับทุกอย่างเป็นเพียงการแสดงบังหน้า
มือเรียวของเธอวางบนแขนของเขาตามพิธีการ แต่สัมผัสของเขากลับแข็งกระด้างและห่างเหิน ราวกับไม่ต้องการให้เธออยู่ตรงนี้เลย
หลังเสร็จพิธี เจ้าบ่าวเดินนำหน้าออกไปจากเวที โดยไม่เหลียวมองเธอแม้แต่น้อย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรจนถึงตอนนี้
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงส่งตัวเข้าห้องหอ คณิณเดินนำเธอเข้ามาในห้องชุดกว้างของโรงแรม ก่อนจะปิดประตูลงเสียงดังหลังจากญาติผู้ใหญ่ออกไปหมดแล้ว
“จำเอาไว้ให้ดีปาลิน อย่าหวังอะไรจากฉัน”
“ฉันไม่ได้หวังหรอกค่ะ” ปาลินตอบเสียงเบา
คณิณจ้องเธออยู่นาน ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วเดินไปหยิบหมอนใบหนึ่งโยนลงบนโซฟา
“คืนนี้ เธอนอนที่นี่” พูดจบเขาก็ถอดเสื้อสูทออก แขวนไว้กับราว แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งเจ้าสาวตัวแทนไว้กับความเงียบงัน
ปาลินได้แต่ถอนหายใจ เธอถอดเครื่องประดับและชุดเจ้าสาวออกไปแล้วสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเอาไว้ มองชุดแต่งงานที่ไม่ใช่ของเธอแล้วก็ต้องหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
นอกจากชุดเจ้าสาวแล้ว เจ้าบ่าวเองก็ไม่ใช่ของเธอเช่นกัน
************************