“วันนี้กลับบ้านยังไง เดี๋ยวแฟรงก์ไปส่ง”
แฟรงก์เดินเข้าไปถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ กว่าจะแข่งฟุตบอลเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ผลออกมาคือทีมเขาเป็นฝ่ายชนะแบบขาดลอย
“กลับพร้อมฟริน เห็นฟรินบอกว่าจะไปส่ง”
“ตามนั้น” แฟรงก์พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ พวกเขาสองคนเคยไปบ้านดาวเหนือค่อนข้างบ่อย เลยทำให้รู้จักและสนิทกับพ่อแม่ของเธอไปด้วย
“หมวยเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ซ้อมแข่งกีฬาสีเลิกสองทุ่ม มึงแวะไปรับน้องที่โรงเรียนด้วย” ฟรินที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น หมวยของพวกเขาคือเฟย์วาน้องสาวคนเล็ก
“เออ! เดี๋ยวกูไปรับไอ้หมวยเอง มึงจะทำอะไรก็รีบไปเถอะ”
“…..”
“พกไว้เผื่อได้ใช้” แฟรงก์หันซ้ายมองขวากระซิบบอก ก่อนจะยัดถุงยางอนามัยใส่กระเป๋าให้กางเกงน้องชาย ของแบบนี้มันต้องมีเตรียมพร้อมตลอดเวลา
“มึงเก็บไว้ใช้เองเถอะ สำหรับกูไม่จำเป็น” สายตาคู่คมเหลือบมองไปยังดาวเหนือที่กำลังก้มหน้าก้มตายืนเก็บของอยู่ไม่ไกล เธอไม่ได้รับรู้หรือสนใจพวกเขาเลยสักนิด
“จะสดว่างั้น”
“…..”
“ไม่ต้องรีบเอาหลานมาฝากกูนะ กูยังหล่อเท่ห์ขนาดนี้ไม่พร้อมเป็นลุงให้ลูกมึง”
“ไม่รับปาก” ฟรินกระตุกยิ้มเล็กน้อย ถือวิสาสะดึงมวนบุหรี่ที่อยู่ในริมฝีปากแฝดพี่ออกมาสูบต่อ
“กูล่ะกลัวใจมึงจริงๆ” เพราะแฟรงก์รู้จักนิสัยน้องชายดีกว่าใคร ฟรินเป็นคนไม่พูด ถ้าคิดจะทำมันทำเลย อันนี้ถือว่าเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งเพราะไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
“มึงจะไปก็รีบไป เดี๋ยวไอ้หมวยรอนาน”
“เออ! งั้นกูรีบไปก่อน ขืนไปช้าเดี๋ยวโดนมันบ่น บ่นยิ่งกว่าแม่อีกมั้ง”
ฟรินโยนมวนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้นพร้อมใช้เท้าขยี้มันจนดับเพื่อเดินเข้าไปหาดาวเหนือ
“เก็บของเสร็จยัง”
“เสร็จพอดีเลย”
“ถ้าเสร็จแล้วก็ตามมา รถฉันจอดอยู่ทางนี้”
“เฮ้~ รอเหนือด้วยสิ” ดาวเหนือถึงกลับลนลานรีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่า เมื่อฟรินเดินหนีออกไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีก
“ฟรินรอเหนือด้วย”
‘นั่นมันดาวเหนือปีสองป่ะ เห็นไอ้องศาบอกกำลังตามจีบ’
‘ตัวจริงโคตรน่ารักเลย ถ้ากูเป็นไอ้องศากูก็จีบเหมือนกัน’
‘เห็นองศาบอกโสดด้วยนะ ยังไม่มีแฟน’
ร่างสูงถอนหายใจลากยาวด้วยความหงุดหงิดเมื่อเดินผ่านหน้าตึกคณะเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่
ศึกษาชายนับสิบกำลังนั่งล้อมวงสุมหัวคอยแทะโลมนักศึกษาสาวคนอื่นที่เดินผ่านไปมา แล้วดาวเหนือก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังถูกพูดถึง
“เดินให้มันเร็วกว่านี้ ไม่ใช่มัวแต่ชักช้าเพราะอยากอ่อยผู้ชาย” ฟรินเดินย้อนกลับไปหาคนตัวเล็กที่หอบข้าวของพะรุงพะรัง
“ก็เร็วสุดแล้ว ฟรินอย่าเดินเร็วนักสิ เหนือตามไม่ทัน” ฟรินสูงตั้งร้อยแปดสิบกว่า ส่วนเธอแค่ร้อยหกสิบขาย่อมสั้นกว่าเดินช้ากว่าอยู่แล้ว
“ชักช้า!”
“อ๊ะ! อยากกระชาก เหนือเจ็บนะ”
ดาวเหนือถูกฉุดกระชากลากถูให้เดินตามมาขึ้นรถไฮเปอร์คาร์คันหรูของฟรินด้วยความทุลักทุเล
“จะเหวี่ยงทำไมเนี่ย จุกหมดแล้ว” ร่างบางยกมือกุมท้องด้วยความจุก เมื่อถูกเขาผลักดันให้เข้ามารถก่อนจะปิดประตูใส่เสียงดัง
“นั่งนิ่งๆ ไม่ต้องพูดมาก”
“ไปหงุดหงิดอะไรมาอีกหรือเหนือทำอะไรให้ไม่พอใจ”
ดูก็รู้ว่าคนข้างๆ กำลังมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไปโดยเธอไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหน
“ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจ”
“…..”
บรรยากาศบนรถเงียบลง คนทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อจากนั้นจะมีก็เพียงสายตาของชายหนุ่มที่คอยเหลือบมองคนนั่งข้างอยู่เป็นระยะโดยที่ดาวเหนือไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองเพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งเล่นโทรศัพท์
“คุยกับใครนักหนา”
“คุยกับมินดา” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่คิดปิดบัง
“แค่มินดาคนเดียว?”
“คุยกับเจ้าขาด้วย” เจ้าขาคือเพื่อนสนิทของเธออีกคน
“…..”
ผ่านไปเกือบสี่สิบนาที รถไฮเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้านตบไฟเลี้ยวหลบเข้าข้างทางมาจอดที่หน้าบ้านของหญิงสาว
“ขอบใจที่มาส่ง แล้วเจอกันที่มหาลัยนะ”
“อยู่บ้านกับใคร ทำไมในบ้านไม่เปิดไฟ” ฟรินมองสำรวจไปยังบริเวณโดยรอบของตัวบ้าน
ซอยบ้านของดาวเหนือค่อนข้างเปลี่ยวแถมยังแออัดไม่ค่อยรื่นรมย์สักเท่าไหร่
“อยู่คนเดียว”
“แล้วพ่อกับแม่ไปไหน”
“ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดได้หลายวันแล้ว”
“เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไร เหนืออยู่คนเดียวได้ ฟรินกลับบ้านเถอะ จะไปได้พักด้วย” พูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เขาอุตส่าห์ลำบากมาส่งเธอแล้วไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้
“ว่าจะขอเข้าห้องน้ำพอดี”
“ได้สิ งั้นเชิญตามสบาย”
ฟรินเดินนำเข้ามาในตัวบ้านโดยมีดาวเหนือเดินตามหลังมาติดๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะแยกตัวเดินหายไปเข้าห้องน้ำ
“ฟรินมีรอยสักที่แขนด้วยเหรอ”
“รู้ได้ยังไง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
รอยสักบนตัวนอกจากคอและแขนจะมีแค่ไอ้แฟรงก์คนเดียวที่รู้เแม้แต่ครอบครัวที่อยู่บ้านหลังเดียวกันยังไม่เคยได้เห็น
“เมื่อกี้เหนือเห็นแวบๆ ตอนถกแขนเสื้อขึ้นล้างมือ”
“…..”
“นอกจากที่คอแล้วมีตรงไหนอีกบ้าง” ที่ลำคอเขามีรอยสักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า ‘made in heaven’
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“ไม่ได้อยากรู้แต่อยากเห็น”
“เดี๋ยวก็ได้เห็นเองนั่นแหละ”
“แบบนี้ที่คนเขาลือกันว่าฟรินสักทั้งตัวก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ”
“พวกมันเคยเห็นแล้วหรือไงถึงได้พูดแบบนั้น”
“…..”
“เธอก็เหมือนกัน อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เห็นเอง”
ดาวเหนือขยับเข้าหาเพื่อนชาย ก่อนจะถอดแว่นตาออกจากใบหน้าคมคายอย่างถือวิสาสะ เพียงแค่ชอบตอนที่ฟรินไม่สวมแว่นตามากกว่าเท่านั้นเอง
“แล้วถ้าถอดแว่นแบบนี้เห็นชัดมั้ย”
“ฉันสายตาสั้น ลืมไปแล้วเหรอ”
“ก็น่าจะใช่ แว่นหนาซะขนาดนี้ แต่เวลาไม่ใส่แว่นหล่อกว่าเยอะเลย”
“เอาคืนมา อย่าเล่นไม่รู้เรื่อง”
“ไม่เห็นต้องดุ คืนก็ได้” คนตัวเล็กยอมสวมแว่นตากลับคืนให้เมื่อถูกน้ำเสียงตำหนิ
“เห็นหน้าเหนือชัดมั้ย”
“ไม่ค่อยชัด ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย”
“แบบนี้ชัดหรือยัง”
“ขอใกล้กว่านี้”
ฟรินทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดกระชากคอเสื้อนักศึกษาของเธอให้เข้าหา จนปลายจมูกสัมผัสกันไปมารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน
“จะทำอะไร ปล่อยเหนือก่อน”
“ขยับมาสิ”
“แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าใกล้อีกนิดฟรินจะจูบเหนืออยู่แล้วนะ”
“แล้วจูบไม่ได้หรือไง”
“…..” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน หลังจากได้เห็นสายตาของเพื่อนชายที่จ้องมอง ทำเอารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกายจนรีบหันหน้าหนี
“ขยับมาสิ จะจูบ”
“พูดอะไรเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกล้อเล่น”
มือบางดันอกแกร่งให้ถอยห่างจนเขายอมผละตัวออกจากเธอ
“แม่ทำเค้กกล้วยหอมไว้ เดี๋ยวเหนือไปเอามาให้ลองชิม ฝีมือแม่เหนืออร่อยแบบสุดยอดไปเลย” ดาวเหนือรีบพูดเปลี่ยนประเด็นเปลี่ยนเรื่องคุย
“ฉันไม่กินของหวาน”
“จริงด้วย ขอโทษทีนะเหนือลืมไปเลย ปกติแฟรงก์ชอบกิน เลยจำสับสน”
“ถ้าเป็นไอ้แฟรงก์เธอคงจำได้ทุกอย่างสินะ”
“…..” น้ำเสียงที่ฟรินพูดแฝงไปด้วยความประชดประชันจนคนฟังอย่างเธอรู้สึกได้
“แล้วฉันกับไอ้แฟรงก์ไม่เหมือนกันตรงไหน ทำไมถึงสนใจมันมากกว่า”
“ไปกันใหญ่แล้วฟริน เหนือไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
“เธอต้องสนใจฉันมากกว่ามัน” ฝ่ามือหนาเลื่อนเข้าไปประคองใบหน้าแสนหวานให้หันกลับมาสบตา
“ห้ามสนใจมันมากกว่าฉัน”
“เหนือขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย”
“อะไร?”
“ฟรินชอบเหนือเหรอ”
“…..”
“ว่าแล้วไง ฟรินคงไม่ได้ชอบคนกะโปโลอย่างเหนือหรอก”
“แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้น” เขาถามกลับพลางไล่สายตามองสำรวจปฏิกิริยาของคนตรงหน้า
“ก็คนอื่นชอบพูดกรอกหูว่าฟรินชอบเหนือ มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย จริงมั้ย?”
“ก็จริง”
“นั่นไง! คิดไว้ไม่มีผิด ถ้าเกิดมีใครพูดแบบนี้อีกเหนือจะได้บอกเขาไป ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน”
ดาวเหนือถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“หมายถึงฉันชอบเธอน่ะคือเรื่องจริง!”
“เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งเหนือสักทีเนี่ย อื้อ~”
หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ราวกับร่างกายถูกแช่แข็งขยับไม่ได้ เสียงหวานกลืนหลบหายลงไปในลำคอ ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาประกบจูบแนบชิด
“เปิดปากให้หน่อย จะได้สอดลิ้นเข้าไป”
“ฟะ…ฟรินจูบเหนือทำไม” เธอยกหลังมือปาดคราบน้ำลายของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนไปทั่วริมฝีปาก
“เชื่อหรือยังว่าชอบ”
“…..”
“ถ้ายังไม่เชื่อจะได้จูบอีกที”
“…..”
“อาจจะไม่จบแค่จูบ เพราะฉันคิดจะเอาเธอมาตั้งนานแล้ว”
“…..”
“ฟริน!”
“เรียกทำไม”
“เมื่อกี้ที่พูดมีสติมั้ย ฟรินพูดจริงเหรอ” ดาวเหนือตบหน้าเพื่อนชายเบาๆ เพื่อเรียกสติบางทีเขาอาจจะละเมอหรือเผลอพูดแบบไม่ตั้งใจ
“.....”
“ฟรินคิดกับเหนือแบบนี้จริงๆ เหรอ”
“ก็คิดมาตลอด มีแต่เธอที่ไม่เคยรู้เอง”
“…..”
“แล้วจะให้เอามั้ย”