2.ทางออก
สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องมากินข้าวกับคุณรุจเพราะรู้ดีว่าคำพูดที่เอ่ยเหมือนเสนอทางออกผสมผสานคำข่มขู่มันหมายความว่าอย่างไร
ฉันมั่นใจมากว่าผู้ชายคนนี้ต้องรู้เรื่องอะไรบางอย่างมาอย่างแน่นอน และเรื่องที่ว่าคงจะไม่พ้นเรื่องของ ‘พี่วัช’ ที่ขโมยสินค้าตัวอย่างออกจากบริษัท เพราะหากเขาไม่รู้เราก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ และเขาคงไม่เอ่ยชื่อพี่ชายต่างพ่อต่างแม่ของฉันออกมาในขณะที่เรายังยืนคุยกันด้วยความตึงเครียด
“มองเหมือนจะฆ่ากันแบบนี้ผมใจไม่ดีนะคุณฟ้า” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทเป็นเหตุให้ฉันกลับเข้าสู่ความจริงจัง
“ฟ้าคิดว่าคุณคงไม่ได้ชวนฟ้ามากินข้าวอย่างเดียวหรอกใช่ไหมคะ”
“ก็อยากชวนไปทำอย่างอื่นอยู่เหมือนกัน” ตาคมที่อยู่หลังกรอบแว่นสีใสเหลือบมองฉันอย่างสนุกสนาน “ถ้าชวนแล้วคุณจะไปกับผมไหม?”
“ไปตายเหรอคะ”
“ไปตายก็ได้ถ้ามีคนสวยอย่างคุณไปด้วย” แต่เขาก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของฉันเลยสักนิด “ไปไหมล่ะ…ผมพาไปขึ้นสวรรค์ได้นะ”
ให้ตาย… ผู้ชายคนนี้มีดีแค่หน้าตาจริง ๆ
“คุณกำลังด่าผมอยู่ในใจ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับโดยไม่คิดจะแก้ตัว “เข้าเรื่องเถอะค่ะ”
“เข้าเรื่องอะไรเหรอ” แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็สื่อความใสซื่อออกมาราวกับว่าไม่เข้าในใจคำพูดของฉัน เพียงเท่านั้นก็ทำให้ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามอดกลั้นเท่าที่จะทำได้ เพราะหากสติแตกขึ้นมามันคงจะไม่ใช่เรื่องดี
เขาไม่ใช่หนึ่งในคณะกรรมการผู้บริหารก็จริง
แต่เขาก็ยังอยู่ในตำแหน่ง ‘ผู้จัดการฝ่ายบริหาร’ ถือว่าเป็นตำแหน่งสูงและมีอำนาจพอสมควร มันคงไม่ดีหากฉันจะเอ่ยปากด่าผู้ชายคนนี้
“เรื่องของพี่วัช ฟ้าอยากคุยเรื่องนี้ค่ะ” และเป็นฉันเองที่ต้องดึงเข้าเรื่อง “ฟ้ารู้ว่าคุณรู้อะไรมา”
“ฉลาด” คุณรุจพยักหน้ารับ “พี่ชายของคุณขโมยสินค้าตัวอย่างไปขายให้บริษัทคู่แข่งตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้บริษัทหลายสิบล้าน”
หัวใจของฉันกระตุกสั่นไหวเมื่อได้ยินเช่นนั้น คำว่าหลายสิบล้านกระแทกกลางใจจนเจ็บหนึบไปหมด แต่ก็ยังแสร้งนั่งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้ง ๆ ที่ตอนนี้กระวนกระวายไปหมดแล้ว
“ไม่รวมกับที่บริษัทจะทำการฟ้องร้องค่าเสียหาย”
“…”
“มูลค่าทั้งหมดอาจจะปาไปหลักร้อยล้านหรือหลักพันล้าน”
“…”
เกิดความเงียบระหว่างเราหลังจากที่คุณรุจพูดจบ และเป็นฉันเองที่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ปัญหานี้มันใหญ่โตเกินไป ฉันคงไม่มีปัญญาหาเงินร้อยล้านพันล้านมาชดใช้อย่างแน่นอน
“เรื่องนี้มีใครรู้บ้างคะ”
“ก็มีแค่ผม เพราะผมเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้” น้ำเสียงของอีกฝ่ายยังเอ่ยออกมาอย่างผ่อนคลาย “แต่ไม่นานคงรู้กันทั้งบริษัท”
“แล้วทำไมคุณถึงเอาเรื่องนี้มาบอกฟ้าก่อน?”
“บอกให้คุณเตรียมตัวหาทางออก”
เหอะ! เขาพูดราวกับว่ากำลังหวังดีทั้ง ๆ ที่ฉันไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเอ่ยปากถามอีกคนอยู่ดี
“ยังไง?”
“คุณถามใจตัวเองดูสิคุณฟ้าว่ามันมีทางออกทางไหนบ้างที่จะทำให้คุณกับพี่ชายรอดพ้นจากเรื่องนี้” คิ้วเข้มยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมนัยน์ตาสีเหล็กประกายวาววับอะไรบางอย่างออกมาให้เห็น และฉันต้องส่ายหน้าทันทีเพราะรู้ความหมายว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังจะสื่ออะไร
“ฟ้าไม่ได้ขายตัว”
“ผมก็ยังไม่ได้บอกว่าคุณขายตัว”
“แววตาของคุณมันฟ้อง” ฉันมองอีกคนด้วยสายตาวาววับอย่างเอาเรื่อง “เสแสร้งไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะคุณรุจ”
“แม่เสือประทับร่างอีกแล้ว”
“…”
“ที่จริงคุณควรพูดกับผมดี ๆ นะคนสวย ขอร้องอ้อนวอนให้ผมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจนกว่าคุณจะหาทางออกได้ ดีกว่ามานั่งเถียงแบบนี้” ใบหน้าหล่อเหลายังคงสื่อความอารมณ์ดีออกมาให้เห็นท่ามกลางความตึงเครียดของฉัน นิ้วเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะอย่างปั่นประสาท
อารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้…
“หรือถ้าหาทางออกไม่ได้…ผมจะเสนอตัวเองเป็นทางออกให้คุณก็ได้”
“ไม่ค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ฉันปฏิเสธโดยที่ไม่ต้องคิด ทำไมฉันจะไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘เสนอตัว’ ของเขาว่ามันคืออะไร
“ไม่ว่าจะฟ้าเสนอตัวให้คุณ หรือคุณเสนอตัวให้ฟ้า คำตอบก็คือไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ?” เขาถามกลับมาด้วยสีหน้าใสซื่อ “ผมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นะคุณฟ้า ถึงอายุจะสามสิบห้าแล้วแต่ก็ยังดูดีอยู่นะ”
“…”
“หรือคุณว่าไม่จริง?”
ถ้าฉันลุกขึ้นกรี๊ดกลางร้านอาหารแล้วบอกว่าผีเข้าจะมีใครเชื่อฉันไหม เพราะถ้าให้นั่งฟังอยู่แบบนี้โดยโต้ตอบอะไรไม่ได้คงประสาทกินแน่
“อย่าด่วนตัดสินใจไปนักเลย ค่อย ๆ คิดก็ได้”
“ฟ้าขอเวลาห้าเดือน”
“ห้าเดือนกับอะไร?”
“ห้าเดือนกับการหาเงิน”
เพียงเท่านั้นคุณรุจก็หัวเราะออกมาราวกับว่ากำลังชอบอกชอบใจกับคำบอกกล่าวของฉัน “ผมชอบในความไม่ยอมแพ้ของคุณนะคุณฟ้า”
“…”
“ผมก็ไม่ได้อยากจะปิดกั้นทางออกของคุณหรอกนะ แต่เงินหลักร้อยล้านถึงพันล้านมันไม่ได้หามาง่าย ๆ”
“คุณควรให้โอกาสให้ฟ้าหาก่อน”
“ผมขอพูดแบบไม่มีหวังเลยก็แล้วกัน” สีหน้าของคุณรุจจริงจังขึ้น สลัดคราบหนุ่มอารมณ์ดีออกภายในพริบตา “ยังไงพี่ชายคุณก็ต้องติดคุกอยู่ดี ต่อให้คุณมีเงินร้อยล้านพันล้านมากองก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”
“…”
“ท่านประธานไม่ชอบให้โอกาสคนหรอกคุณฟ้า ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้จักนิสัยของท่านประธานดี”
“งั้นทางออกของฟ้ามีแค่ทางเดียวสินะ” ฉันค่อย ๆ ยกยิ้มทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอยากยิ้มเลยสักนิด “พูดง่าย ๆ ตอนนี้ชีวิตของฟ้าอยู่ในกำมือของคุณ”
“อือฮึ ถ้าคุณคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามใจคุณเลย”
“ถ้าฟ้ายอมนอนกับคุณ เรื่องนี้จะจบใช่ไหม” ว่าแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้วฉันก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
“อย่าพูดเหมือนผมบังคับขู่เข็ญคุณนักสิ”
“…”
“มันก็แค่แลกเปลี่ยนความพึงพอใจทางกายก็เท่านั้น” คุณรุจยังทำหน้าอารมณ์ดีเหมือนเดิมก่อนจะยื่นนามบัตรอะไรสักอย่างมาให้ฉัน
“เอาเป็นว่าผมให้เวลาคุณตัดสินใจหนึ่งอาทิตย์ ถ้าตัดสินใจได้ก็ติดต่อมา”
“…”
“แล้วเรื่องที่พี่ชายของคุณเป็นหนอนจะถูกปิดเป็นความลับตลอดไป”