ตอนที่ 3.2 บ้านพักตากอากาศ

1383 คำ
พนักงานสาวยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ายืนยันแล้วหันไปมองชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาตอบทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จริงค่ะ คุณพายุเป็นเจ้าของ Hill Tribe Tea ตัวจริงเสียงจริงเลยค่ะ เอ่อ.. ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ” สิ้นคำยืนยันจากพนักงาน ก็ทำให้เพียงพอรีบหันขวับไปสบตากับพะแพงอีกครั้ง ก่อนจะเอียงใบหน้าไปใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา “แพง.. เอาไงดีจะพักอยู่ไหม” พะแพงทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกคางขึ้นเล็กน้อยกระซิบตอบ “พักสิ! คิดเสียว่ามาเปิดหูเปิดตาครั้งนี้ ได้ห้องพักวิวแพงฟรี ๆ แล้วกันนะ แต่เรื่องที่พี่เขาพูดน่ะ ฉันไม่เชื่อหรอก” เมื่อคุยกันเพื่อนจบเธอก็หันกลับไปหาพายุอีกครั้ง ก่อนจะยกมือไหว้ชายหนุ่มตามมารยาทเล็กน้อยด้วยท่าทีสุภาพ “เรียกหนูว่าพะแพงก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องที่พัก ยังไงพวกหนูสองคนก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ทันทีที่พะแพงพูดจบ ก็เรียกรอยยิ้มหวาน ๆ ประจำตัวของพายุออกมาได้กว้างขึ้นทันที เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธออีกหน่อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดเล่น “น้องพะแพงจะแค่ฝากเนื้อฝากตัวอย่างเดียวไม่ได้นะครับ.. ถ้าจะให้ดี ต้องฝากหัวใจไว้ด้วย” พะแพงชะงักกับมุขหยอดสาวเก่า ๆ นั่นของเขา ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้ เดิมทีก็คิดอยู่แล้วว่าชายหนุ่มนั้นแค่หยอกเล่น ๆ แต่ไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกว่าเลือดลมในร่างกายนั้นสูบฉีด เพียงพอที่ยืนข้าง ๆ เห็นท่าทางเกร็ง ๆ พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงแบบปิดไม่มิดก็ได้แต่กลอกตาไปมา ทางด้านพายุเองก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆ ส่งมาให้ “งั้น.. เดี๋ยวพี่พาไปส่งนะครับ รถรางจอดอยู่ตรงนั้น” เขาพาทั้งคู่ออกมาด้านหน้า ก่อนจะใช้วิทยุส่งสัญญาณไปยังจุดจอดรถราง รอเพียงไม่นานรถรางสีขาวสะอาดตาก็วิ่งมาจอดอยู่ด้านหน้าพวกเขา “ขอบคุณครับลุง เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเองครับ” พายุพูดจบก็ขึ้นไปนั่งที่ด้านหน้าคนขับ ก่อนที่สองสาวจะขึ้นตามไปนั่งด้านหลังอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นรถรางก็เริ่มเคลื่อนที่ ขณะที่รถรางเคลื่อนตัวออกไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขานั้น พะแพงก็มองทิวทัศน์สองข้างทางที่เต็มไปด้วยไร่ชาเขียวขจี ใบหน้าปะทะสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะผิวเป็นระยะ พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชาสด ๆ จากต้น “สดชื่นจัง” เธอพูดขึ้นเบา ๆ แต่ก็ดังพอจะทำให้ชายหนุ่มนั้นยกยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไร่นี้เริ่มปลูกชาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของพี่เลยนะ ตอนนั้นพ่อเล่าให้ฟังว่ายังเป็นแค่แปลงเล็ก ๆ ไม่กี่แปลงเอง มีแค่ปลูกไว้ขายในหมู่บ้าน จนเมื่อเริ่มขายดีปู่ก็ปลูกเพิ่มอีกสามสี่แปลงเพื่อส่งในตลาด แต่พอมาถึงรุ่นคุณพ่อถึงได้ขยายพื้นที่ปลูกให้กว้างขึ้นจนกินภูเขาไปถึงสองลูก” หลังจากพูดจบ รถรางก็เลี้ยวโค้งช้า ๆ เผยให้เห็นวิวภูเขาลูกใหญ่ด้านหน้าที่ปกคลุมไปด้วยแปลงชาเรียงเป็นระเบียบ สวยราวกับผืนผ้าที่ถักทอด้วยมืออย่างไรอย่างนั้น “จนเมื่อสิบปีก่อน พี่สนใจเรื่องการแปรรูปมาก เลยตัดสินใจพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีโรงงานแปรรูปเพื่อส่งออกในไทยเป็นสินค้าโอท็อปด้วย จนตอนนี้สามารถทำเป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศด้วย แถมคนงานที่นี่ก็หลายร้อยชีวิต แต่ก็อยู่กันแบบครอบครัว” เพียงพอนั่งฟังสิ่งที่เขาพูดเงียบ ๆ แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่พายุไม่วางตาด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ ในขณะที่พะแพงนั้นกลับเหมือนเด็กน้อยที่ตื่นเต้นกับโลกใหม่ ๆ เธอหันซ้ายหันขวามองไร่ชานั้นอย่างตื่นเต้น “แล้วชาแต่ละชนิดนี่ต่างกันยังไงเหรอคะ ชาเขียวกับชาขาวพี่พายุว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน” เธอถามไปพลาง จ้องมองไร่ชาที่กำลังขี่ผ่านไปพลาง แต่ยังไม่ทันที่พายุจะเอ่ยตอบหญิงสาวก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วใบชาอ่อนนี่เด็ดตอนเช้าใช่ไหมคะ ถ้าเด็ดตอนกลางวันหรือตอนเย็นจะแตกต่างกันไหม” “แล้วโรงงานผลิตชาแปรรูปที่พี่บอกนี่มันอยู่ตรงไหนเหรอคะ” เสียงสดใสเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนั้นของพะแพง ทำให้พายุเหลือบตามองทางกระจกด้านหลังอยู่หลายครั้ง เขาเห็นรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายของเธอแล้วก็เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ‘ผู้หญิงคนนี้.. ช่างน่ารักจริง ๆ’ “ใช่ครับ.. ถ้าอยากได้ใบชาอ่อนต้องเก็บตอนเช้า เพราะน้ำค้างยังเกาะอยู่ ทำให้รสชาติจะหวานนุ่มกว่า” “ส่วนโรงงานแปรรูปนั้นอยู่เชิงเขาลูกโน้น.. ไว้เดี๋ยวพี่พาลงไปดู” รถรางเคลื่อนตัวช้า ๆ ก่อนจะมาหยุดหน้าที่พักหลังกลาง สองสาวชะโงกหน้าออกไปมองพร้อมกันทันทีที่เห็นบ้านพักสไตล์รีสอร์ตหรูที่ตั้งอยู่บ้านยอดเขา โครงสร้างของที่นี่ทำด้วยไม้สักขัดเงาสวยงาม รอบตัวบ้านมีระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นไร่ชาทั้งสามลูกได้สุดสายตา และดูเหมือนว่าจะสร้างระเบียงไว้แบบสามร้อยหกสิบองศาด้วย “โอ้โห!! นี่มันสวยเกินไปแล้ว!” “เข้าไปดูด้านในสิ” เธอพยักหน้าให้เขา ก่อนจะลงจากรถแล้วขึ้นบันไดเล็ก ๆ ไปไม่กี่ขั้นก็ถึงชานบ้าน ก่อนที่สองเท้าจะก้าวเข้าไปในตัวบ้านแทบจะทันที เธอมองห้องพักด้านในที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ช่างดูหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีจัดวางอย่างลงตัว พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาสดอบลอยคลุ้งในอากาศ มีผนังกระจกใสที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และทุกมุมของที่นี่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ไร่ชาได้รอบด้าน “มองด้านนอกนึกว่าทำจากไม้เสียอีก.. นี่มันกระจกเหรอ” เพียงพอมองเพื่อนที่เข้าไปสำรวจด้านในด้วยสีหน้าเรียบ ๆ เรียกได้ว่าเธอนั้นแทบจะไม่ได้สนใจความสวยงามของที่พักนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะหญิงสาวเอาแต่จับตามองพายุอย่างไม่วางตา จนเจ้าของไร่ชาเองยังอดหัวเราะออกมาเสียไม่ได้ “ไม่ต้องทำหน้าเหมือนผมจะหลอกสาว ๆ มาปู้ยี่ปู้ยำก็ได้นะครับ” พายุที่เอนตัวพองระเบียงไม้นั้นเอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเธอนิ่ง ๆ “ผมยอมรับว่าชอบน้องพะแพงก็จริง แต่ผมก็ลูกผู้ชายตัวจริง ไม่ได้ถ่อยหรือสถุนถึงขั้นทำเรื่องบัดซบกับผู้หญิงหรอกนะครับ ที่นี่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์” “หนูรู้ค่ะว่าที่นี่ปลอดภัย แต่! พี่! น่ะ! ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด!” พูดจบเพียงพอก็สะบัดหน้าแรง ๆ ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตูอย่างรีบร้อน ทิ้งให้พายุยืนยิ้มขำ ๆ อยู่ด้านนอก “มีอะไรเหรอเพียงพอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะ” พะแพงที่เห็นเพื่อนทำหน้าตื่น ๆ เข้ามาในห้องโถงก็เอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันที่เพียงพอจะตอบอะไร คนด้านนอกก็ตะโกนเข้ามาเสียงดังเสียก่อน “อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงพี่จะขึ้นมารับลงไปเดินดูไร่ชานะครับ!” พะแพงเดินไปมองเขาเล็กน้อยก็เห็นว่าหลังพูดจบพายุก็หันหลังลงไปที่รถรางนิ่ง ๆ ก่อนที่จะขับกลับลงไปทั้งอย่างนั้น “พะแพง! ฉันว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากนะ เรา.. กลับมหาลัยกันเถอะ!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม