ตอนที่ 4 รุกหนัก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราว ๆ หนึ่งชั่วโมง พะแพงที่ยืนอยู่หน้าระเบียงก็มองเห็นรถรางของพายุที่แล่นขึ้นมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านพักอีกครั้ง แม้ว่าจะค่อนข้างสายไปเสียหน่อย แต่ก็ยังพอมีแสงแดดอ่อน ๆ ที่ทาบทับไปกับไร่ชาเป็นสีทองสดใส พร้อมกับร่างสูงโปร่งของพายุที่ก้าวลงมาจากรถพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
“ถึงจะสายไปสักหน่อย แต่ถ้าไปตอนนี้ก็ยังทันได้เห็นชาวบ้านเก็บยอดชายามเช้ากันอยู่นะครับ”
ทันทีที่พะแพงได้ยินแบบนั้น ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายระยิบระยับทันที
“จริงเหรอคะ! งั้นไปเลยค่ะหนูอยากเห็นมาก ๆ เพียงพอ!!”
หญิงสาวพูดกับชายหนุ่มจบก็หันไปตะโกนเรียกเพื่อน เพียงพอเดินออกจากบ้านพักมาช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ เมื่อเห็นหน้าของพายุ แม้จะไม่ชอบใจผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นักแต่ก็ยอมตามใจเพื่อนอยู่ดี สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องเดินลงไปยืนข้างรถรางก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งอย่างตื่นเต้น
"เก็บชากันมั้ยเพียงพอ ยอดอ่อน ๆ หอม ๆ ค่อย ๆ เด็ดทีละยอด ละยอด งื้อ!~"
"จ้า ๆ เอาที่เจ้าแม่ชาเขียวเลิฟเว่อร์ว่าเลยจ้า"
หลังจากสิ้นสุดบทสนทนานั้นทั้งรถก็เงียบไปครู่ใหญ่ ๆ แต่เพียงไม่นานรถรางก็เคลื่อนลงมาตามทางคดเคี้ยว จนถึงไร่ชาขนาดใหญ่ที่พายุจัดสรรไว้เป็นโซนท่องเที่ยวโดยเฉพาะ พะแพงลงจากรถมองไปด้านในก็เห็นคนงานจำนวนหนึ่งกำลังก้มเก็บยอดอ่อนด้วยท่าทางคล่องแคล่ว แสงแดดยามเช้าส่องกระทบหยดน้ำค้างบนใบชาเป็นประกายระยิบระยับราวกับว่าไร่ชาแห่งนี้กำลังเปล่งแสง
"เดี๋ยวทั้งสองคนเดินตามพี่มานะ"
พูดจบพายุก็เดินนำพาทั้งสองสาวอ้อมมาด้านหน้าของโฮมสเตย์ที่ทั้งสองมาเมื่อเช้า พะแพงกวาดตามองที่นี่อีกครั้งอย่างตั้งใจ ปรายตามองถัดไปไม่ไกลก็เห็นว่ามีป้ายไม้แกะสลักว่า ‘เช่าชุดพื้นเมือง’
เธอมองเข้าไปด้านในก็เห็นว่ามีห้องเล็ก ๆ ที่จัดแต่งสีสันสดใสและประดับไปด้วยชุดม้ง ชุดกะเหรี่ยง ชุดพื้นเมืองแขวนเรียงรายจนสะดุดตา
“เพียงพอ.. ชุดพวกนั้นน่ารักจัง ฉันอยากลองใส่อะ”
พะแพงหันมาหาเพื่อนพร้อมกับท่าทางตื่นเต้นจนตาโต เพียงพอเองก็หันมองไปตามที่เพื่อนชี้ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้หญิงสาว
“ก็ดูสวยดีนะ.. เอาสิ”
เมื่อพายุได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคุยกันเข้า ชายหนุ่มก็พาทั้งคู่เดินเข้าไปที่ร้าน ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานที่ดูแลที่นี่
“พี่แป้งร่ำครับ.. ฝากพี่ช่วยดูแลทั้งสองคนให้ด้วยนะครับ จัดให้เต็มที่ ทั้งสองคนเป็น VVIP ของไร่ ค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเพียงพอก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน ก่อนจะหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เสื้อผ้าพวกเราเช่าเองก็ได้ ไม่อยากให้เรื่องพวกนี้มากลายเป็นบุญคุณในอนาคตสักเท่าไหร่”
เพราะเธอยังคงคิดว่าการกระทำของผู้ชายคนนี้ไม่บริสุทธิ์ และการที่เขาให้ที่พักและพาเก็บชาที่เป็นคอร์สท่องเที่ยวของไร่มันก็มากพอแล้ว หากยังดูแลเรื่องอื่นอีกเกรงว่ามันจะเยอะเกินไป แต่ความคิดเหล่านี้กลับไม่มีในหัวของพะแพงเลยสักนิด เธอกลับโน้มใบหน้ามากระซิบห้ามไว้ด้วยน้ำเสียงไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่
“เขาอยากเป็นป๋าเป็นเสี่ยสายเปย์อะไรก็ช่างเขาเถอะ เราไม่ได้ร้องขอ หากว่าเพียงพอกลัวว่าเขาจะมีลำเลิกบุญคุณทีหลัง เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะ.. เพราะว่า.. เอ่อ มันเรียกอะไรนะ ที่ดาราเขาชอบใช้กันอะ”
“หือ”
“ก็ไอ้คำสวย ๆ นั่นไง เวลาที่เขาให้ของเพราะความรักความหน้ามืดตามัวโดยที่เราไม่ได้ขออะ”
“ให้เพราะเสน่หาเหรอ”
“เออใช่! คำนี้แหละ! เพราะเขาให้เพราะเสน่หา เราไม่ผิด!”
เพียงพอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะยอมตามน้ำแบบไม่สบอารมณ์นัก
“แพงได้แล้ว..อุ๊ย! ชุดที่ถืออยู่นั่นเหมาะกับเพียงพอมากเลย”
“ชุดนี้เหรอ”
เธอถามพลางยกชุดนั้นขึ้นให้พะแพงดูอีกครั้ง หญิงสาวก็พยักหน้ารัว ๆ
“งั้นเอาชุดนี้ละกัน”
ในที่สุดหลังจากทั้งสองเดินเลือกชุดที่ตัวเองชอบได้แล้วพนักงานก็พาทั้งคู่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้เวลาเพียงไม่นาน ทั้งสองสาวก็พากันเดินออกมาด้วยท่าทางที่เรียกว่าอารมณ์มาก ๆ
พะแพงเลือกสวมชุดสาวม้งสีสันสดใส ปักลายเสื้อละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ แม้จะดูเหมือนเป็นชุดลายธรรมดาทั่ว ๆ ไปที่ใคร ๆ ก็สวมกัน แต่พออยู่บนร่างกายของเธอแล้วมันกลับดูโดดเด่นจนพนักงานสาว ๆ เองยังเผลอมองตาค้าง
“สวยมากเลยค่ะคุณลูกค้า”
“จริงเหรอคะ.. ขอบคุณนะคะ แพงชอบชุดนี้จัง”
เธอพูดไปพลางหมุนซ้ายหมุนขวามองกระจกไป ก่อนจะเดินตามพนักงานไปนั่งหน้ากระจก เธอช่วยถักเปียใหญ่ ๆ ทั้งสองข้างให้พะแพงจนเรียบร้อย ก่อนจะสวมหมวกม้งประดับลูกปัดเงินกรุ๊งกริ๊งเข้าชุด พร้อมกับแต่งหน้าอ่อน ๆ ให้เข้ากัน
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเธอจึงก้าวออกมาจากร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะกวาดสายตาหาเจ้าของไร่ก็เห็นพายุที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขากำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขานั้นหันมามองเธอพอดี
สายตาของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่พะแพงเพียงอย่างไม่ปกปิด เขายกยิ้มบาง ๆ อย่างพึงพอใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะกดวางสายนิ่ง ๆ
“โอ้โห! นี่มันนางสาวหรือว่านางฟ้าครับเนี่ย”
แม้จะดูเป็นคำเห่ย ๆ แต่ก็ทำให้พะแพงหน้าแดงจัดจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ในใจจะเตือนตัวเองเสมอว่าผู้ชายคนนี้อาจไม่จริงใจ แต่เพราะเธอไม่เคยถูกชมอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อน เลยทำให้เธอเผลอใจพองโตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะมีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง
“มุกเก่ามากบ่งบอกอายุเลยนะคะ”
เพียงพอที่ยืนอยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้จนต้องเดินเข้ามาเอ่ยแทรก ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ป้ายหน้าร้านแล้วหันไปเอ่ยถามอีกครั้ง
“ที่นี่มีช่างภาพถ่ายรูปให้ด้วยเหรอคะ”
“มีครับ เดี๋ยวพี่เรียกมาให้”
เขายกมือส่งสัญญาณไปอีกทางหนึ่ง ก็มีชายหนุ่มในชุดพื้นเมืองเดินเข้ามารีบ ๆ เพียงพอมองใบหน้าคมเข้มที่มีกล้องตัวใหญ่สะพายอยู่ที่คอนิ่ง ๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านี่คงเป็นช่างภาพมือดีประจำไร่ชา
“เดี๋ยววันนี้เราไปถ่ายรูปสองสาวกับพี่นะ ถ่ายได้เลยเต็มที่”
พายุสั่งเสียงทุ้มพร้อมกับยักคิ้วส่งให้เขาเบา ๆ
“อ่อ.. ได้ครับ”
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปในไร่ชาด้วยกัน บรรยากาศที่นี่แม้ว่าจะผ่านมาถึงเวลาแปดโมงกว่าแล้ว แต่ยังคงอบอวลด้วยไอหมอกขาวหนาทึบราวกับเพิ่งรุ่งสาง อากาศเย็นจนลมหายใจกลายเป็นควันบาง ๆ ทิวทัศน์สุดสายตาเต็มไปด้วยแถวต้นชาเรียงรายลดหลั่นตามกันไปเป็นชั้น ๆ ราวกับเป็นพรมสีเขียวอ่อนที่คลุมทั้งภูเขา
“อยากลองเก็บใบชาเองไหมครับ”