ตอนที่ 4.2 รุกหนัก

1493 คำ
พะแพงได้ยินแบบนั้นก็ตาโตพยักหน้ารัว ๆ “แล้วถ้าหนูจะซื้อยอดชาอ่อนที่เก็บได้นี่คิดราคายังไงเหรอคะ แล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง” “ใบชาที่เก็บได้ทั้งหมดในวันนี้ พี่จะพาไปแปรรูปแล้วก็ให้กลับไปเป็นของฝากจากไร่นะครับ” “จะดีเหรอคะ ถ้าหนูเก็บเต็มตะกร้านั่นพี่จะไม่ขาดทุนเหรอ” “สำหรับน้องพะแพงแล้ว พี่ไม่มีคำว่าขาดทุนหรอกครับ” “พี่พูดอะไรเนี่ย! งั้นหนูจะไม่เกรงใจแล้วนะคะ” “ยินดีมาก ๆ เลยครับ” หลังจากพูดจบแล้วทั้งสองสาวก็เดินตามชายหนุ่มเข้าไปเก็บใบชาแบบเดียวกับชาวบ้านที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่รอบ ๆ โดยมีช่างภาพหนุ่มหล่อประจำไร่คอยตามเก็บภาพมุมสวย ๆ ไม่ห่าง ก่อนที่ช่างภาพคนนั้นจะเดินเข้ามากระซิบถามพายุเบา ๆ “เจ้านายจะให้ถ่ายกี่รูปดีครับ” พายุหันมามองหน้าเขาก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “ถ่ายไปเลยไม่จำกัด ค่าใช้จ่ายพี่จัดการเอง อ้อ! เน้นถ่ายสาวผมเปียให้มาก ๆ หน่อยนะ” “ครับ” พูดเสร็จเขาก็เดินตามพะแพงที่เดินไปก้ม ๆ เงย ๆ มองใบชาทันที พร้อมก้มลงสอนเธออย่างใจเย็น “ยอดชาที่ดีต้องเป็นใบอ่อนนะครับ.. แบบนี้” พะแพงเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้าตามตาแป๋ว มือเรียวของเธอหยิบตามที่พายุสอนทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจ และเพราะท่าทางของเธอนั้น ทำให้พายุต้องเหลือบมองใบหน้าใสที่จริงจังสุด ๆ แล้วแอบยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ “ผู้หญิงคนนี้.. น่ารักจริง ๆ แฮะ” หลังจากก้ม ๆ เงย ๆ เก็บยอดชากว่าครึ่งชั่วโมง พะแพงก็หอบตะกร้าของตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็ต้องถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ‘การเลือกเก็บเฉพาะยอดอ่อนนี่มันใช้เวลานานเหมือนกันนะเนี่ย ตั้งนานเพิ่งได้แค่นี้เอง’ และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะล่วงรู้ความคิด เพราะทันใดนั้นพายุก็เดินยิ้มหวานเข้ามาหา ก่อนจะยกตะกร้ายอดชาแน่น ๆ ของตัวเองเทลงในตะกร้าเธอจนเกือบเต็ม พะแพงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองเขา “อะ.. อะไรคะ!” “พี่แค่ไม่อยากได้ยอดชาของวันนี้แต่จะทิ้งก็เสียดาย หนูพะแพงเอาไปสิ.. หรือถ้าไม่อยากได้จะทิ้งก็ไม่ว่ากัน” หญิงสาวก้มลงมองตะกร้าที่เมื่อครู่ยังมีติดก้นอยู่ไม่กี่ยอด แต่ตอนนี้กลายเป็นเกือบเต็มตะกร้า จู่ ๆ ใบหน้าของเธอก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดอุ่นวาบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ทิ้งทำไมคะเสียดายแย่.. ขอบคุณนะคะ” เธอพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง “ว่าแต่.. หนูยังเก็บต่อได้อีกไหมคะ” พายุหัวเราะเบา ๆ ให้กับท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดูที่ออกมาจากใจจริง ๆ “สำหรับหนูพะแพง จะเก็บหมดแปลงพี่เลยก็ไม่ว่าครับ” ทันทีที่เขาตอบออกมาแบบนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกายทันที ก่อนจะหันไปจ้องเขาแล้วยิ้มหวานจนตาหยี “พี่พูดเองนะคะ เพราะหนูไม่ใช่คนที่เกรงใจใครเท่าไหร่เสียด้วยสิ จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหมคะ” “จัดไปเลยครับ เอาที่หนูมีความสุขที่สุดได้เลย” หลังจากที่พายุพูดจบเธอก็ยิ้มหวานแล้วหันไปเก็บยอดชาอ่อนอย่างตั้งใจอีกครั้ง พายุยืนมองหญิงสาวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สายตาชายหนุ่มจะเหลือบไปเห็นช่างภาพกำลังเล็งกล้องมาทางพวกเขา เมื่อเห็นแบบนั้นสองเท้าจึงเดินอ้อมไปด้านหลังของเธอ จับตะกร้าที่พะแพงกำลังสะพายอยู่ยกขึ้นแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ “อะ.. อะไรคะ” “ถ่ายรูปกันหน่อยสิ” พะแพงเงยหน้ามองตามสายตาเขาไปยังช่างภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกล ข้าง ๆ นั้นมีเพียงพอที่ยังจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา จนเมื่อช่างภาพยกมือส่งสัญญาณเหมือนกำลังจะกดชัตเตอร์ “ยิ้มสวย ๆ หน่อยนะ” พายุเอ่ยเสียงทุ้มก่อนจะก้มมองใบหน้าหวาน พะแพงเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะยกแขนกอดอก พลางยิ้มหวาน ๆ ส่งให้เขา “สวย ๆ เลยใช่ไหมคะ” แล้วทันทีที่ช่างภาพกดชัตเตอร์ เธอก็ทำปากจู๋ใส่กล้องแบบไม่ทันให้ใครตั้งตัว แม้แต่ช่างภาพเองยังถึงกับชะงักหน้าเหวอไปเสี้ยววินาที แต่ก็เก็บอาการยิ้มแห้ง ๆ ส่งกลับมาให้ พร้อมกับเสียงหัวเราชอบใจของเพียงพอที่ดูเหมือนว่าจะสะใจมาก พายุเหลือบตามองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะก้มลงกระซิบใกล้ใบหูของเธอจนลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดไปตามลำคอหญิงสาว “เมื่อกี้หนูไม่ได้ทำหน้าประหลาด ๆ ใช่ไหมคะ ทำไมช่างภาพของพี่ทำหน้าเหวอขนาดนั้น” “ละ.. แล้วถ้าหนูทำหน้าประหลาดจริง ๆ พี่จะเลิกจีบหนูเหรอคะ” พะแพงถอยห่างจากลมหายใจนั่นเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปด้วยใบหน้าที่แดงเป็นลูกมะเขือเทศสุก แต่มันกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มนั้นยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหา ใกล้เสียจนลมหายใจอุ่นเป่ารดแก้มเธออีกครั้ง "ต่อให้หนูพะแพงทำหน้าประหลาดกว่านี้อีกสิบแบบ พี่ก็ยินดีจะตามจีบหนูไปตลอดชีวิตอยู่ดีค่ะไม่ต้องห่วง" หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้น ก็ทำเอาหัวใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมาจากอก ก่อนที่เธอจะผละใบหน้าออกห่างจากเขาอีกครั้ง แม้จะออกห่างมาแล้วแต่ความร้อนบนแก้มของเธอยังคงแดงเรื่ออย่างชัดเจน จนพะแพงต้องรีบเบือนสายตาไปอีกทาง “งั้น.. หนูขอเก็บเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า” พูดจบเธอก็หันหลังแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเก็บยอดชาอ่อน ราวกับว่าจะเอาใบชาเหล่านั้นมาซ่อนความรู้สึกที่กำลังสับสนในอก พายุเองก็ยืนมองท่าทางของหญิงสาวด้วยแววตาพึงพอใจที่สามารถทำให้เธอเขินได้ พร้อมกับมุมปากของเขาที่ยกยิ้มบาง ๆ แบบที่เจ้าตัวเองก็ห้ามไม่อยู่ ก่อนที่เขานั้นจะล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมือถือออกมา โบกไปมาเล็กน้อย “ให้พี่ถ่ายวิดีโอให้ไหมครับ เผื่อหนูพะแพงอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก” พะแพงเงยหน้าขึ้นหันกลับไปมองเขาที่กำลังยกมือถือชูขึ้นเล็กน้อย “ถ่ายวิดีโอเหรอคะ งั้น.. เอามือถือหนูถ่ายก็ได้ค่ะพี่พายุจะได้ไม่ลำบาก” ว่าแล้วเธอก็ยืดตัวทำท่าจะหยิบมือถือของตัวเอง แต่พอล้วง ๆ คลำ ๆ อยู่พักใหญ่ก็ชะงัก ใบหน้าหวานดูเหวอไปครู่หนึ่งเมื่อเพิ่งนึกได้ว่าชุดชาวดอยนี้มันไม่มีแม้แต่กระเป๋าเดียว! ดวงตากลมโตไหวระริกก่อนที่ริมฝีปากจะขยับพึมพำเบา ๆ “มือถือหายเหรอ ไม่สิ.. แล้วเอาไปไว้ที่ไหนละเนี่ย” พายุมองเธอที่ทำหน้าตาสับสนได้น่ารักจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ออกมา “ไม่ใช่อยู่ในกระเป๋าที่หนูฝากไว้ที่ห้องเช่าชุดหรอกเหรอ” “อ้อ.. จริงด้วย!” พะแพงตีหน้าผากตัวเองเบา ๆ อย่างโล่งอก ในจังหวะนั้นเองพายุก็ฉวยโอกาสเอ่ยต่อ “งั้นเอาแบบนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้เอง เรากลับลงไปแล้วค่อยส่งให้ก็ได้ แค่ขอช่องทางติดต่อคงไม่หวงหรอกใช่ไหม” น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยถามอย่างคนที่ตั้งใจจะทำอะไรให้ใครสักคนชวนให้หัวใจเธอสั่น ดวงตากลมโตเหลือบไปมองเพียงพอที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นเพื่อนที่กำลังยืนกอดอกจ้องมองมาทางเธอและพี่พายุด้วยสีหน้าราบเรียบ ก็พอรู้ได้ว่าเพียงพอนั้นยังคงไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่ “เพียงพอ! เอามือถือมาด้วยไหม” ทันทีที่เธอเอ่ยถามเพียงพอก็ส่ายหน้ากลับมาแทบจะทันที “ลืมไว้ในกระเป๋าที่ห้องแต่งตัวน่ะ” เมื่อเป็นแบบนั้นพะแพงจึงหันกลับมาหาพายุอีกครั้ง “งั้น.. หนูขอรบกวนพี่พายุหน่อยนะคะ แต่ว่า.. ถ่ายให้สวย ๆ นะคะ ห้ามถ่ายออกมาดูเหมือนหนูอ้วนนะ” “จัดให้ตามที่ขอเลยครับคนสวย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม