พะแพงได้ยินแบบนั้นก็ตาโตพยักหน้ารัว ๆ
“แล้วถ้าหนูจะซื้อยอดชาอ่อนที่เก็บได้นี่คิดราคายังไงเหรอคะ แล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง”
“ใบชาที่เก็บได้ทั้งหมดในวันนี้ พี่จะพาไปแปรรูปแล้วก็ให้กลับไปเป็นของฝากจากไร่นะครับ”
“จะดีเหรอคะ ถ้าหนูเก็บเต็มตะกร้านั่นพี่จะไม่ขาดทุนเหรอ”
“สำหรับน้องพะแพงแล้ว พี่ไม่มีคำว่าขาดทุนหรอกครับ”
“พี่พูดอะไรเนี่ย! งั้นหนูจะไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
“ยินดีมาก ๆ เลยครับ”
หลังจากพูดจบแล้วทั้งสองสาวก็เดินตามชายหนุ่มเข้าไปเก็บใบชาแบบเดียวกับชาวบ้านที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่รอบ ๆ โดยมีช่างภาพหนุ่มหล่อประจำไร่คอยตามเก็บภาพมุมสวย ๆ ไม่ห่าง ก่อนที่ช่างภาพคนนั้นจะเดินเข้ามากระซิบถามพายุเบา ๆ
“เจ้านายจะให้ถ่ายกี่รูปดีครับ”
พายุหันมามองหน้าเขาก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
“ถ่ายไปเลยไม่จำกัด ค่าใช้จ่ายพี่จัดการเอง อ้อ! เน้นถ่ายสาวผมเปียให้มาก ๆ หน่อยนะ”
“ครับ”
พูดเสร็จเขาก็เดินตามพะแพงที่เดินไปก้ม ๆ เงย ๆ มองใบชาทันที พร้อมก้มลงสอนเธออย่างใจเย็น
“ยอดชาที่ดีต้องเป็นใบอ่อนนะครับ.. แบบนี้”
พะแพงเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้าตามตาแป๋ว มือเรียวของเธอหยิบตามที่พายุสอนทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจ และเพราะท่าทางของเธอนั้น ทำให้พายุต้องเหลือบมองใบหน้าใสที่จริงจังสุด ๆ แล้วแอบยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
“ผู้หญิงคนนี้.. น่ารักจริง ๆ แฮะ”
หลังจากก้ม ๆ เงย ๆ เก็บยอดชากว่าครึ่งชั่วโมง พะแพงก็หอบตะกร้าของตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็ต้องถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
‘การเลือกเก็บเฉพาะยอดอ่อนนี่มันใช้เวลานานเหมือนกันนะเนี่ย ตั้งนานเพิ่งได้แค่นี้เอง’
และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะล่วงรู้ความคิด เพราะทันใดนั้นพายุก็เดินยิ้มหวานเข้ามาหา ก่อนจะยกตะกร้ายอดชาแน่น ๆ ของตัวเองเทลงในตะกร้าเธอจนเกือบเต็ม พะแพงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองเขา
“อะ.. อะไรคะ!”
“พี่แค่ไม่อยากได้ยอดชาของวันนี้แต่จะทิ้งก็เสียดาย หนูพะแพงเอาไปสิ.. หรือถ้าไม่อยากได้จะทิ้งก็ไม่ว่ากัน”
หญิงสาวก้มลงมองตะกร้าที่เมื่อครู่ยังมีติดก้นอยู่ไม่กี่ยอด แต่ตอนนี้กลายเป็นเกือบเต็มตะกร้า จู่ ๆ ใบหน้าของเธอก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดอุ่นวาบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ทิ้งทำไมคะเสียดายแย่.. ขอบคุณนะคะ”
เธอพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง
“ว่าแต่.. หนูยังเก็บต่อได้อีกไหมคะ”
พายุหัวเราะเบา ๆ ให้กับท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดูที่ออกมาจากใจจริง ๆ
“สำหรับหนูพะแพง จะเก็บหมดแปลงพี่เลยก็ไม่ว่าครับ”
ทันทีที่เขาตอบออกมาแบบนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกายทันที ก่อนจะหันไปจ้องเขาแล้วยิ้มหวานจนตาหยี
“พี่พูดเองนะคะ เพราะหนูไม่ใช่คนที่เกรงใจใครเท่าไหร่เสียด้วยสิ จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหมคะ”
“จัดไปเลยครับ เอาที่หนูมีความสุขที่สุดได้เลย”
หลังจากที่พายุพูดจบเธอก็ยิ้มหวานแล้วหันไปเก็บยอดชาอ่อนอย่างตั้งใจอีกครั้ง
พายุยืนมองหญิงสาวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สายตาชายหนุ่มจะเหลือบไปเห็นช่างภาพกำลังเล็งกล้องมาทางพวกเขา เมื่อเห็นแบบนั้นสองเท้าจึงเดินอ้อมไปด้านหลังของเธอ จับตะกร้าที่พะแพงกำลังสะพายอยู่ยกขึ้นแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้
“อะ.. อะไรคะ”
“ถ่ายรูปกันหน่อยสิ”
พะแพงเงยหน้ามองตามสายตาเขาไปยังช่างภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกล ข้าง ๆ นั้นมีเพียงพอที่ยังจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา จนเมื่อช่างภาพยกมือส่งสัญญาณเหมือนกำลังจะกดชัตเตอร์
“ยิ้มสวย ๆ หน่อยนะ”
พายุเอ่ยเสียงทุ้มก่อนจะก้มมองใบหน้าหวาน พะแพงเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะยกแขนกอดอก พลางยิ้มหวาน ๆ ส่งให้เขา
“สวย ๆ เลยใช่ไหมคะ”
แล้วทันทีที่ช่างภาพกดชัตเตอร์ เธอก็ทำปากจู๋ใส่กล้องแบบไม่ทันให้ใครตั้งตัว แม้แต่ช่างภาพเองยังถึงกับชะงักหน้าเหวอไปเสี้ยววินาที แต่ก็เก็บอาการยิ้มแห้ง ๆ ส่งกลับมาให้ พร้อมกับเสียงหัวเราชอบใจของเพียงพอที่ดูเหมือนว่าจะสะใจมาก
พายุเหลือบตามองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะก้มลงกระซิบใกล้ใบหูของเธอจนลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดไปตามลำคอหญิงสาว
“เมื่อกี้หนูไม่ได้ทำหน้าประหลาด ๆ ใช่ไหมคะ ทำไมช่างภาพของพี่ทำหน้าเหวอขนาดนั้น”
“ละ.. แล้วถ้าหนูทำหน้าประหลาดจริง ๆ พี่จะเลิกจีบหนูเหรอคะ”
พะแพงถอยห่างจากลมหายใจนั่นเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปด้วยใบหน้าที่แดงเป็นลูกมะเขือเทศสุก แต่มันกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มนั้นยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหา ใกล้เสียจนลมหายใจอุ่นเป่ารดแก้มเธออีกครั้ง
"ต่อให้หนูพะแพงทำหน้าประหลาดกว่านี้อีกสิบแบบ พี่ก็ยินดีจะตามจีบหนูไปตลอดชีวิตอยู่ดีค่ะไม่ต้องห่วง"
หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้น ก็ทำเอาหัวใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมาจากอก ก่อนที่เธอจะผละใบหน้าออกห่างจากเขาอีกครั้ง แม้จะออกห่างมาแล้วแต่ความร้อนบนแก้มของเธอยังคงแดงเรื่ออย่างชัดเจน จนพะแพงต้องรีบเบือนสายตาไปอีกทาง
“งั้น.. หนูขอเก็บเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า”
พูดจบเธอก็หันหลังแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเก็บยอดชาอ่อน ราวกับว่าจะเอาใบชาเหล่านั้นมาซ่อนความรู้สึกที่กำลังสับสนในอก พายุเองก็ยืนมองท่าทางของหญิงสาวด้วยแววตาพึงพอใจที่สามารถทำให้เธอเขินได้ พร้อมกับมุมปากของเขาที่ยกยิ้มบาง ๆ แบบที่เจ้าตัวเองก็ห้ามไม่อยู่
ก่อนที่เขานั้นจะล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมือถือออกมา โบกไปมาเล็กน้อย
“ให้พี่ถ่ายวิดีโอให้ไหมครับ เผื่อหนูพะแพงอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
พะแพงเงยหน้าขึ้นหันกลับไปมองเขาที่กำลังยกมือถือชูขึ้นเล็กน้อย
“ถ่ายวิดีโอเหรอคะ งั้น.. เอามือถือหนูถ่ายก็ได้ค่ะพี่พายุจะได้ไม่ลำบาก”
ว่าแล้วเธอก็ยืดตัวทำท่าจะหยิบมือถือของตัวเอง แต่พอล้วง ๆ คลำ ๆ อยู่พักใหญ่ก็ชะงัก ใบหน้าหวานดูเหวอไปครู่หนึ่งเมื่อเพิ่งนึกได้ว่าชุดชาวดอยนี้มันไม่มีแม้แต่กระเป๋าเดียว! ดวงตากลมโตไหวระริกก่อนที่ริมฝีปากจะขยับพึมพำเบา ๆ
“มือถือหายเหรอ ไม่สิ.. แล้วเอาไปไว้ที่ไหนละเนี่ย”
พายุมองเธอที่ทำหน้าตาสับสนได้น่ารักจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ออกมา
“ไม่ใช่อยู่ในกระเป๋าที่หนูฝากไว้ที่ห้องเช่าชุดหรอกเหรอ”
“อ้อ.. จริงด้วย!”
พะแพงตีหน้าผากตัวเองเบา ๆ อย่างโล่งอก ในจังหวะนั้นเองพายุก็ฉวยโอกาสเอ่ยต่อ
“งั้นเอาแบบนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้เอง เรากลับลงไปแล้วค่อยส่งให้ก็ได้ แค่ขอช่องทางติดต่อคงไม่หวงหรอกใช่ไหม”
น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยถามอย่างคนที่ตั้งใจจะทำอะไรให้ใครสักคนชวนให้หัวใจเธอสั่น ดวงตากลมโตเหลือบไปมองเพียงพอที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นเพื่อนที่กำลังยืนกอดอกจ้องมองมาทางเธอและพี่พายุด้วยสีหน้าราบเรียบ ก็พอรู้ได้ว่าเพียงพอนั้นยังคงไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่
“เพียงพอ! เอามือถือมาด้วยไหม”
ทันทีที่เธอเอ่ยถามเพียงพอก็ส่ายหน้ากลับมาแทบจะทันที
“ลืมไว้ในกระเป๋าที่ห้องแต่งตัวน่ะ”
เมื่อเป็นแบบนั้นพะแพงจึงหันกลับมาหาพายุอีกครั้ง
“งั้น.. หนูขอรบกวนพี่พายุหน่อยนะคะ แต่ว่า.. ถ่ายให้สวย ๆ นะคะ ห้ามถ่ายออกมาดูเหมือนหนูอ้วนนะ”
“จัดให้ตามที่ขอเลยครับคนสวย”