03

2697 คำ
บทที่ 3 “คุณหนู ท่านทำอะไรเจ้าค่ะ” เสี่ยวต้านเอ้อถามคุณหนูของนางที่กำลังก้มเงยในครัวหยิบจับขโมยของสารพัดสิ่งใส่ตะกร้า มู่เหอฮวาหยิบชิ้นเนื้อไก่ ผักแครอท และผักที่หน้าตาแปลกประหลาด แต่น่าจะกินได้บ้าง ก่อนจะหันไปหยิบเกลือ “เงียบเสียงหน่อย เดี๋ยวพวกแม่ครัวมาได้ยินเข้า เจ้ากับข้าจะเดือดร้อนกันได้นะ” มู่เหอฮวากล่าว นางหยิบจับอะไรใส่ตะกร้าได้ก็ใส่ ก่อนจะนำตะกร้าใบที่สองหยิบถ่านฟืน “นั่นใครนะ ใครอยู่ในครัว” เสียงของบ่าวคนหนึ่งกล่าว เสี่ยวต้านเอ้อที่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก นางรีบคว้าตะกร้าหนึ่งใบก่อนจะปีนออกจากหน้าต่างด้วยความทะมัดทะแมงทิ้งให้มู่เหอฮวายืนถือตะกร้าอีกใบ …เสี่ยวต้านเอ้อหนีไปแล้ว บัดซบเสี่ยวต้านเอ้อสมเป็นเสี่ยวต้านเอ้อนางหนีไปแล้ว มู่เหอฮวามองชุดสีม่วงกรุยกรายรุ่มร่ามของตัวเอง ก่อนจะจับตะกร้าถ่านของตนเองแน่นก่อนจะรีบปีนป่ายออกทางหน้าต่างไปอีกคน ร่างของเสี่ยวต้านเอ้อหนีออกไปไกล ลืมสิ้นว่าเจ้านายนั้นยังหนีตามไม่ทัน มู่เหอฮวาวิ่งมือหนึ่งถือตะกร้า อีกมือจับปลายชุดของตนเอง ก่อนจะวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกลับที่ไปเรือนของตนเอง “เจ้า เสี่ยวต้านเอ้อ! เจ้ากล้าทิ้งข้าเชียวหรือ แฮ่กกก” มู่เหอฮวาชี้หน้าเสี่ยวต้านเอ้อที่มานั่งหอบอยู่ท้ายเรือน เรือนหลันฮวาที่มีต้นจำปาต้นใหญ่เต็มไปหมด ตามความดัจริตของนิยายนางที่จะมีต้องมีเรือนท่ามกลางแมกไม้ตามชื่อเรือน “กะ กะ ข้าน้อยกลัวนี่เจ้าคะ ท่านโดนจับได้ก็ไม่โดนโบย ตะ แต่ข้าน้อยไม่เหมือนกันนี่เจ้าคะ" “ก็วันหลังเจ้าก็หัดไปอยู่ดูต้นทางสิ เจ้าจะเข้ามาดูข้าเลือกของทำไม” “ก็ข้าน้อยอยากรู้นี่เจ้าคะ” “โอ๊ยยยยยย” มู่เหอฮวาโมโหแต่ไม่รู้จะทำยังไง นางดันวางตัวละครเสี่ยวต้านเอ้อไว้แบบนี้ เวรกรรมของนางแท้ๆ มู่เหอฮวาโชคดีอยู่อย่างที่เรือนของนางนั้นห่างไกลจากเรือนอื่น เนื่องจากความรังเกียจเดียดฉันท์ของฮูหยิน อีกทั้งพวกอนุก็มักจะได้อยู่เรือนไกล คิดไปแล้วก็สงสารมู่เหอฮวา อนุที่คิดว่าจะพึ่งพาเป็นแม่บุญธรรมได้ก็ขโมยทรัพย์สินของนาง ดีที่นางเขียนไว้ให้ท่านลุงฟ่านจวิ้นจับได้แล้วโยนอนุนางนั้นขายออกนอกจวนไปเสีย แต่นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เพิ่มความรู้สึกผิดในใจของฟ่านจวิ้นที่มีต่อมู่เหอฮวามากขึ้นไปกว่าเดิม “คุณหนูแล้วอาหารที่ขโมยมาพวกนี้เราจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ” “ก็เอามาทำอาหารไง ไปเร็วไปก่อกองฟืนหลังเรือนกัน” มู่เหอฮวากล่าวก่อนจะพากันไปก่อเตาไฟอย่างง่ายกันหลังเรือน โชคดีที่เสี่ยวต้านเอ้อมีความสามารถไม่น้อยกองไฟจึงได้ลุกโชน มู่เหอฮวาหยิบชิ้นไก่ออกมาก่อนจะกรีดร้อง นางไม่มีกระทะ บัดซบเว่อร์ “เสี่ยวต้านเอ้อ ข้าจะทำยังไงให้ไก่สุกเล่า” “อ่าว… แล้วทำไมคุณหนูไม่หยิบกระทะมาด้วยล่ะเจ้าคะ” “เอ้า…” มู่เหอฮวากุมขมับ ครั้นจะกลับไปขโมยกระทะในโรงครัวก็ไม่น่าจะทันแล้ว มู่เหอฮวาได้แต่ต้องงัดวิชามั่วซั่วด้วยการก่อไฟจนกว่าไฟจะสงบกลายเป็นเพียงไอร้อน ก่อนจะหันเลี้ยวซ้ายแลขวาเจอใบบัวจึงได้นำมาล้างน้ำทำความสะอาด ก่อนจะทาด้วยมันหมูชิ้นน้อยแล้วจี่เนื้อไก่ลงไป พร้อมกับผักพร้อมกับห่อผักลงไปในนั้น “คุณหนูอาหารอะไรของท่านเจ้าคะ ไม่ปรุงรสอะไรนอกจากโรยเกลือ แล้วมันจะอร่อยหรือเจ้าคะ” “ไม่อร่อย” “อ่าว… แล้วท่านจะกินทำไมเจ้าคะ อาหารในโรงครัวมีอะไรอร่อยตั้งมากมาย” “ก็ข้าอยากจะลดน้ำหนักนี่” “ลดน้ำหนัก น้ำหนักคืออะไรเจ้าคะ” “เอิ่มมม… ลดความอ้วน ข้าจะผอม ข้าจะผอมเข้าใจไหม” มู่เหอฮวากล่าว อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพ นางไม่รู้จะต้องอยู่แบบนี้นานแค่ไหน อาจจะเป็นเดือน ปี หรือจนกว่าจะตาย นางก็ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันก็ต้องทำให้ดีที่สุด อีกอย่างพล็อตเรื่องราวของมู่เหอฮวา ไม่ได้มีชีวิตน่ารันทดจนต้องหลีกหนีชะตากรรมอะไร “คุณหนูท่านอ้วนขนาดนี้ ไม่ผอมหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว มู่เหอฮวาได้กัดริมฝีปาก อยากจะฝากรอยเท้าไว้ที่ก้านคอของเสี่ยวต้านเอ้อจริงๆ พูดมาแต่ละอย่าง ก็ไม่แปลกเลยที่มู่เหอฮวาจะโมโหจนพลั้งมือตีเสี่ยวต้านเอ้อผู้น่าสงสารบ่อยๆ ตอนนี้นางมาอยู่ในร่างของมู่เหอฮวาแล้ว คนที่น่าสงสารก็น่าจะเป็นมู่เหอฮวามากกว่า “ถ้าเจ้ายังพูดว่าข้าเช่นนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าอ่านซุนกงฮวาอีก” มู่เหอฮวาขู่ แม้เสี่ยวต้านเอ้อจะอ่านหนังสือไม่ออก แต่นางชอบที่จะเสพผลงานภาพวาดกามกิจอย่างมาก พอได้ยินเจ้านายข่มขู่เช่นนั้นก็รีบขอโทษมู่เหอฮวา อาหารจอมโจรของจวนสกุลฟ่านจบลงด้วยเนื้อไก่ไร้รสชาติและผักที่ไม่ค่อยจะอร่อยนัก มู่เหอฮวาได้แต่อดทน และครุ่นคิดถึงการออกกำลังกายขั้นต่อไป ดีที่จวนสกุลฟ่านมีพื้นที่ใหญ่โต เรือนด้านหลังก็เป็นพื้นที่แสนสงบสุข มู่เหอฮวาที่เริ่มทำกิจวัตรในแต่ละวันด้วยออกกำลังกายโยคะเบาๆ ก่อนจะเริ่มคาร์ดิโอตามที่เคยได้ดูมาในยูทูป แต่ร่างกายที่ไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อนทำให้ร่างกายของมู่เหอฮวาคล้ายจะปริแตก ปวดไปหมดทั่วตัว “คุณหนูมู่” เสียงของสาวรับใช้ส่วนตัวของฮูหยินสวีจิ่วหรง นางมายืนมองมู่เหอฮวาที่กำลังนอนหอบอยู่บนพื้น มู่เหอฮวาหมดความอับอาย นางนอนอย่างไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ เพราะกำลังเหนื่อยจนพูดแทบไม่ออก ได้แต่หอบหายใจเหมือนสุนัขเหนื่อย “มีอะไร แฮ่ก แฮ่ก” “คราวหลังท่านไม่ต้องไปขโมยของในครัวแล้วนะเจ้าคะ ข้านำเตา นำเครื่องครัวที่จะใช้มาให้ท่าน และหากท่านอยากได้อะไรก็ให้เสี่ยวต้านเอ้อไปหยิบมา” สาวใช้นางนั้นกล่าว มู่เหอฮวาจำตัวละครรองไม่ได้หรอก จึงได้แต่พยักหน้าส่งๆ ไป จากนั้นพวกนางก็พากันนำของไปวางจัด แล้วเดินจากไป …ว่าแต่พวกนางรู้ได้ไงว่าโจรขโมยของคือนาง มู่เหอฮวาไม่ได้ใส่ใจอีก แต่ละวันของนางผ่านไปตามประสาคนว่างงาน นางออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารคลีนที่ไม่อร่อยทุกวัน วันไหนเบื่อก็ซื้อปลามาต้มกินอย่างน้อยก็ยังพอจะมีรสชาติหวานของตัวปลาอยู่บ้าง บางวันมีกุ้งที่น่าจะเป็นกุ้งน้ำจืดก็มาจี่ย่างกิน อยากจะกินอาหารรสจัด แต่ก็อยากจะน้ำหนักลง หุ่นกระชับเหนียงหายเสียก่อน “คุณหนูเจ้าคะ ข้าน้อยได้ยินว่าอาจารย์เซี่ยออกหนังสือใหม่แล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวต้านเอ้อที่กลายเป็นทาสซุนกงฮวามาบอกเจ้านายของนาง หลังจากที่วันนี้แอบออกไปซื้อกุ้งมา นางมักจะแวะไปร้านขายหนังสือเสมอ และอาจารย์เซี่ยก็เป็นหนึ่งในสุดยอดอาจารย์ผู้เขียนซุนกงฮวา ทั้งยังเป็นผู้ที่ผลงานหายากไม่น้อย “เจ้าก็ไปซื้อมาสิเท่าไหร่ล่ะ” “ฉบับคัดลอกหรือฉบับจริงเจ้าคะ” “โอ๊ยยย จะซื้อฉบับจริงมาทำไม ข้าไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น เอาฉบับคัดลอกมา” มู่เหอฮวากล่าว เรื่องการค้าขายร่ำรวยเป็นเจ้าของหอการค้ามีเงินหลายล้านตำลึงทองอะไรพวกนั้น นางไม่สนใจหรอก ชีวิตทุกวันนี้ก็สบายพอแล้ว จะไปหาเรื่องลำบากทำไม มีเงินก็ต้องมีบารมีอำนาจ นางไม่ใช่นางเอกที่มีจะสามีเป็นอ๋องจอมโหด ชินอ๋อง จวิ้นอ๋องอะไรพวกนั้นเสียหน่อย ว่าที่สามีของนางก็เป็นขุนนางอนาคตไกลที่ไปรักเมียชาวบ้าน และเกลียดเมียตัวเองเท่านั้น จะดิ้นรนไปทำไมกัน “ได้เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าน้อยจะไปซื้อมาให้ท่านนะเจ้าคะ” “อืม” และวันเวลาก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ล่วงเลยผ่านเป็นเดือน จนกระทั่งหลายเดือน มู่เหอฮวามองตนเองในกระจกพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใครจะคาดว่ายัยหมูอ้วนมู่เหอฮวาจะหน้าตางดงามเช่นนี้ ผิวพรรณขาวเนียนละเอียดดั่งหิมะ ดวงตากลมโตคมเข้ม ริมฝีปากสีแดงกระจุ๊งกระจิ๊งดูน่ารักน่าเอ็นดู ให้ตายเถอะส่องทุกวันก็ฟินทุกวัน "คุณหนูเจ้าคะ เลยมื้อเช้าแล้วนะเจ้าคะ" เสี่ยวต้านเอ้อบอกพลางทำหน้าเหม็นเบื่อเจ้านายคนงาม ที่ตอนนี้นั้นก็ถือว่าเป็นสตรีที่หน้าตางดงามไม่น้อยเลย เสียแต่ว่านิสัยแปลกประหลาดไปหน่อย แต่โดยรวมนั้นเสี่ยวต้านเอ้อก็ชอบเจ้านายคนนี้มากนัก เพราะพักหลังมาเจ้านายคนนี้ไม่เคยโมโหร้าย หรือสร้างเรื่องราวให้นางเดือดร้อนเลยสักครั้ง “มื้อไหนก็ไม่สำคัญหรอก ข้าก็กินคนเดียวอยู่ดี” มู่เหอฮวากล่าว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ได้พบกับฮูหยินสวีจิ่วหรงนัก รายนั้นไม่ชอบหน้านาง การที่นางไม่สร้างปัญหาอะไรก็น่าจะเป็นผลดีต่ออีกฝ่าย การใช้ชีวิตของมู่เหอฮวาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่นมากนัก รายได้การเงินต่างๆ ก็เป็นรายได้จากร้านค้าทั้งหลายที่เป็นสมบัติแต่เดิมของบิดา ซึ่งเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยไม่น้อย ท่านลุงฟ่านจวิ้นก็หาคนดีมาทำงานคอยดูแลจัดการร้านรวงต่างๆ ให้ ส่วนมู่เหอฮวาก็รับเงินและนั่งกินนอนกิน สบายอุราไม่ต้องทำมาหากินอะไร หากจะบอกว่าไม่ต้องมีสามีก็นับว่าทำได้ “โถ่… คุณหนู อีกไม่นานคุณชายใหญ่ก็จะกลับมาแล้ว ที่นี้ท่านก็ไม่ต้องเหงาแล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวต้านเอ้อจีบปากจีบคอ หลังจากศึกษาคัมภีร์ซุนกงฮวา ยัยสาวใช้ซื่อบื้อก็กลายร่างเป็นชะนีหื่นกาม ติดอ่านซุนกงฮวาอย่างหนักหน่วง มู่เหอฮวาพอจะมีความสามารถอันติดตัวมานิดหน่อย จึงได้สอนให้เสี่ยวต้านเอ้ออ่านหนังสือ ทั้งที่ปกติแล้วเจ้านายไม่สอนบ่าวไพร่กันหรอก แต่สำหรับมู่เหอฮวาคนนี้นั้นนางคร้านจะสนใจ ผู้คนยุคโบราณแยกนายบ่าวชัดเจน พวกผู้ดีชนชั้นสูงมักจะกีดกันไม่ให้ชนชั้นล่างมีการศึกษาเพราะต่อไปจะควบคุมยาก แต่เสี่ยวต้านเอ้ออนาคตก็ต้องเป็นผู้ช่วยนาง หากไม่ฝึกฝนกัน ต่อไปก็คงจะบื้อใบ้กันทั้งนายทั้งบ่าว อย่างน้อยก็เลี่ยงพฤติกรรมโง่บางอย่างไปก็ยังดี “เหงากว่าเดิมน่ะสิไม่ว่า คุณชายใหญ่เจ้าเกลียดข้าอย่างกับขี้” “ไม่สุภาพเลยนะเจ้าคะ” “ย่ะ… แม่คนสุภาพ” “แล้วคุณหนูไม่สั่งตัดชุดเพิ่มหรือเจ้าคะ คุณชายกลับมาทั้งที แต่งกายให้งดงาม ด้วยรูปโฉมเช่นนี้ คุณชายต้องตะลึงมากเป็นแน่เจ้าค่ะ” เสี่ยวต้านเอ้อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่มู่เหอฮวานั้นคร้านจะสนใจ ที่นางเรียกช่างมาวัดตัดชุดเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็เพราะนางสัดส่วนลดลง และอีกอย่างก็ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว เสื้อผ้าชุดเก่าที่บุหนาก็ใส่ไม่ได้เสียแล้วด้วย อีกด้านของจวนฮูหยินสวีจิ่วหรงนั่งดื่มชาด้วยความสบายอกสบายใจ หลังจากจวนไร้อนุ มู่เหอฮวาที่มีนิสัยชอบสร้างปัญหา เดี๋ยวนี้ก็ไม่สร้างปัญหาอะไร นางอาจจะแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนบ้าง แต่ก็ไม่ก่อเรื่องก่อราวอะไร นับว่าเป็นชีวิตที่สงบสุขยิ่งนัก “ฮูหยินเจ้าคะ อีกไม่นานคุณชายใหญ่ก็จะกลับมาแล้ว ถึงเวลานั้นนายท่านจะต้องพูดเรื่องแต่งงานแน่เลยเจ้าค่ะ” ข้ารับใช้ของฮูหยินสวีจิ่วหรง จิ้งไฉ่กล่าว ฮูหยินสวีจิ่วหรงหงุดหงิดเล็กน้อยที่ข้ารับใช้ทำบรรยากาศยามเช้าของนางเสียไปหมด “แล้วอย่างไร นางแค่อายุสิบห้าหนาว ข้ายังยืดเวลาได้อีกหลายปี” “แต่วัยเท่านี้ก็สามารถแต่งงานได้แล้วนะเจ้าคะ อีกอย่างช่วงนี้คุณหนูมู่ก็ทำตัวดีขึ้นกว่าเดิมมาก" “เหลวไหล คนเยี่ยงนางน่ะหรือจะดีได้ นางแค่ไม่มีคนคุ้มหัวเสียมากกว่า” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าว ต่อให้มู่เหอฮวาเป็นนางฟ้าแสนดีเพียงใด แต่ด้วยชาติกำเนิดที่เป็นเพียงเด็กกำพร้า มารดาฆ่าบิดาเช่นนี้ นางไม่อยากจะเอามาร่วมวงศ์ตระกูล ยิ่งกับบุตรชายของนาง นางยิ่งรับไม่ได้เด็ดขาด “เช่นนั้นเราควรเตรียมการไว้ล่วงหน้านะเจ้าคะ เราไม่รู้เลยว่านางจะมาไม้ไหน” “เจ้าอย่าได้กลัวไป นางมีแค่นังบ่าวอย่างเสี่ยวต้านเอ้อจะทำอะไรได้ เขลาทั้งนายทั้งบ่าว” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าว ก่อนจะผินหน้าไปมองวิวทิวทัศน์ยามเช้าพร้อมกับชาอู๋หลงกลิ่นดอกโม่ลี่ฮวา วันเวลาผ่านไปเกือบเดือนจนกระทั่งการมาถึงของคุณชายใหญ่ มู่เหอฮวานอนแทบจะไม่หลับ นางไม่เคยเห็นตัวละครสำคัญของนางมาก่อนเลย นี่เข้าสู่เนื้อเรื่องแล้ว พระรองกลับมาเมืองหลวง ออกงานได้ครั้งหนึ่งก็ได้พบกับเซียงจวินที่เขาเคยได้พบเมื่อวัยเยาว์ได้เติบโตเป็นสาวงดงามอย่างนางเอก ซ่งจือเจิน “แต่งกายให้งดงามปราณีตไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ ปกติคุณหนูชอบชุดสีชมพูนี่” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว มู่เหอฮวาไม่ยอมใส่ชุดชมพูที่ดูน่ารักอ่อนหวานเด็ดขาด วันนี้นางสวมชุดสีส้มที่แรงที่สุดประหนึ่งสวมสบงแล้วทรงพลัง ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยสีสันอย่างตั้งใจ แก้มสีแดงทาชาดเข้มจนเกินพอดี ชาดทาปากก็ทาจนเลอะขอบปากดูน่าเกลียด คิ้วก็เข้มดำเป็นปื้น ดูแล้วชวนขบขันมากกว่าน่ามอง “ข้างดงามแล้วเสี่ยวต้านเอ้อ” “ท่านงดงามอะไร ท่านจงใจเล่นตลกเสียมากกว่า” “ข้าควรสอนหนังสือเจ้าไหมเนี่ย พูดมาก” “ท่านทำเช่นนี้ คุณชายจะไม่ชอบท่านเอานะเจ้าคะ” “ก็ช่างหัวเขาสิ ต่อให้ข้างดงามราวเทพธิดาเขาก็ไม่สนใจข้าอยู่ดี” มู่เหอฮวากล่าว ก็ตามนิยายนางเขียนแบบนั้น บุรุษไม่ได้ชื่นชอบหรือหลงใหลสตรีที่รูปโฉมเพียงอย่างเดียว สติปัญญา และการเข้าสังคมก็เป็นส่วนสำคัญ ยิ่งยุคสมัยเช่นนี้ด้วย จะหาสตรีสักคนมาปกครองเรือนของตน จะเลือกแบบขอไปทีไม่ได้เด็ดขาด “แต่หากว่าท่านไม่ได้เป็นฮูหยินของคุณชายใหญ่ ต่อไปพวกเราจะลำบากนะเจ้าคะ” “ลำบากอะไรกัน ทุกวันนี้ข้าก็มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ เจ้าออกไปซื้อข้าวของให้ข้า เคยหรือที่ไม่มีเงิน” “แต่ว่า… ท่านจะครองตัวเป็นสตรีเทื้อ ผู้คนจะก่นด่าท่านกันได้นะเจ้าคะ” “ถึงเวลานั้นข้าก็ซื้อหาบุรุษสักคนมาสิ ร่ำรวยขนาดนี้จะซื้อเหมาคณิกาชายมาสักสิบคน” มู่เหอฮวากล่าว เสี่ยวต้านเอ้อพลางครุ่นคิดตาม “ขอข้าสักคนได้ไหมเจ้าคะ” “ได้สิ” “คิกคิก” สองนายบ่าวหัวเราะกันสดใส พลางจินตนาการลวนลามบุรุษไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะเดินนวยนาด พาร่างสะโอดสะองในชุดสีส้มราวกับมาบิณฑบาตเช้าอย่างไรอย่างนั้น ฮูหยินสวีจิ่วหรงและบรรดาข้ารับใช้ต่างมองด้วยความไม่เข้าใจ มู่เหอฮวาจะเรียกร้องความสนใจอะไรอีก ดูเข้าสิแต่งหน้าแต่งตาประหลาด น่าเกลียดเหลือจะทน สามีกับบุตรชายนางกลับมาเหนื่อยๆ ต้องมาตกอกตกใจพบตัวประหลาดที่หน้าจวนเสียได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม