04

2517 คำ
บทที่ 4 “เจ้าแต่งกายให้มันเหมือนคนปกติไม่ได้หรือ แต่งกายประหลาด ไม่อายผู้คนบ้างหรืออย่างไร” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าวพลางมองท่าทางอันแสนแปลกประหลาดของทั้งนายและบ่าวด้วยสายตารังเกียจเหลือทน มู่เหอฮวาได้แต่เบ้ปากทำปากบิดเบี้ยวกวนประสาท “ข้าก็แต่งตัวเพื่อให้พี่ชายใหญ่ดูอย่างไรเจ้าคะท่านแม่” มู่เหอฮวากล่าว สวีจิ่วหรงนั้นแสดงสีหน้าเหยียดหยามขั้นสุดให้กับมู่เหอฮวา “อย่าเรียกข้าเช่นนั้น ข้าไม่ใช่แม่เจ้า” “อีกไม่นานก็จะเป็นแล้วนะเจ้าคะ” “ฝันกลางวันอยู่หรือ” “นั่นสิเจ้าคะ ฝันดีเสียด้วย ฝันว่าได้แต่งชุดแต่งงาน ขึ้นเกี้ยวเข้าบ้านอย่างฐานะสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ” มู่เหอฮวากล่าวท่าทางกวนประสาท ปากคอเราะรายดั้งเดิม นึกว่าเวลาผ่านไปจะดีขึ้น แต่เปล่าเลยก็เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ดูรูปร่างหน้าตาของนางแล้วเหมือนคนที่ผอมลงไปเยอะมากนัก “เจ้าไปทำอะไรมา ถึงได้ผอมลงนัก” ฮูหยินสวีจิ่วหรงถามด้วยความใคร่รู้ มู่เหอฮวาทำท่าทางไม่อยากบอก เพื่อกลั่นแกล้งเล็กน้อย แต่ฮูหยินสวีหรือจะไม่อยากรู้ นางเป็นสตรีรูปโฉมเรือนร่างเป็นสิ่งสำคัญ มู่เหอฮวาต้องมีเคล็ดลับอะไรดีเป็นแน่ “ข้าไม่กินข้าวเจ้าค่ะ” “เหลวไหล คนอะไรไม่กิน” “คุณหนูไม่กินข้าวจริงๆ เจ้าค่ะฮูหยิน” เสี่ยวต้านเอ้อตอบอย่างใสซื่อ แต่มู่เหอฮวาหันมามองหน้าเสี่ยวต้านเอ้อที่กำลังจะคลายเคล็ดลับหุ่นเพรียวของนางออกไป เสี่ยวต้านเอ้อมองเจ้านายของตนก่อนจะเงียบปาก “แล้วเจ้ากินอะไร” “อิ่มทิพย์แบบเทพเซียนเจ้าค่ะ” “เหลวไหล เจ้าพูดจาปกติไม่กวนข้าสักเรื่องจะได้หรือไม่” “รอหลังแต่งงานได้ไหมเจ้าคะ ข้าสัญญาจะเป็นลูกสะใภ้ที่ดีของท่านเลย” “ฝันไปเถอะ” “ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ” ข้ารับใช้คนหนึ่งที่เฝ้าอยู่หน้าประตูจวนกล่าว มู่เหอฮวาทำหน้าไม่ถูกนัก บุคคลที่กำลังจะมาถึงหนึ่งคนเป็นคนที่รักเมตตาและเอ็นดูนางอย่างมาก แต่พระรองนั้นเกลียดชังนางยิ่งกว่าอะไรดี ตอนบรรยายในนิยาย …ฟ่านชวี่จิงลงจากรถม้า เขาส่งยิ้มให้กับมารดาที่คิดถึงเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นมู่เหอฮวาที่ยืนแต่งกายงดงามยิ้มให้แก่เขา เขารู้สึกเหมือนว่านางเป็นกองอาจมส่งกลิ่นเหม็นอบอวล “ท่านพี่” ฮูหยินสวีจิ่วหรงเรียกสามีด้วยน้ำเสียงหวานจนมู่เหอฮวาต้องเบ้ปาก เสียงสองไม่ไหว ร้ายลึกนะแม่สามีคนนี้ ก่อนที่สายตาของมู่เหอฮวาจะไปหยุดอยู่ตรงฟ่านชวี่จิง วูบหนึ่งในแววตาของนางมันคือความตกใจแทบสิ้นสติ เขาคือบุรุษที่หน้าตาเหมือนเพื่อนของนางไม่มีผิด หน้าเหมือนฤทธิ์ แต่เป็นฤทธิ์ในรูปแบบที่ผอมล่ำสัน แต่สง่างาม ไม่ใช่ตาอ้วนแว่น แต่เขาก็คือฤทธิ์ในรูปแบบที่เกลียดเธอ สายตาของเขายามที่จ้องตากับนางคือความเกลียดชังอย่างรุนแรง แต่…นางคือตัวละครนางร้ายผู้โง่เขลา นางจึงแย้มยิ้มราวกับคนโง่ให้เขาเห็น แต่ด้วยนิสัยทะลึ่งของนาง นางเผลอแลบลิ้นทำท่าเหมือนปอบ ...อ๊ากกก เผลอทำไปแล้ว “ฮวาเอ๋อร์เจ้าแต่งกายสีสันฉูดฉาดบาดตาลุงยิ่งนัก” ท่านลุงฟ่านกล่าว มู่เหอฮวารีบหลบตาของฟ่านชวี่จิงก่อนจะหันไปมองท่านลุงของนางด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “ท่านลุงเหนื่อยไหมเจ้าคะ เดินทางมาไกล” มู่เหอฮวาในสายตาของฟ่านชวี่จิงก็ไม่ต่างจากลูกสาวตัวน้อย เขาเอานางมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก แม้จะมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นสีสันในการเลี้ยงดูบุตร ยิ่งเห็นนางแต่งตัวประหลาดยืนยิ้มก็อดจะเอ็นดูไม่ได้ “ไม่เหนื่อยมากนักหรอก ลุงเดินทางบ่อยจนชินแล้ว ไม่ถามพี่เจ้าบ้างล่ะ” ฟ่านจวิ้นทราบความในใจของหลานสาวตัวน้อยดีว่านางรอวันนี้มาเนิ่นนานแล้วที่ฟ่านชวี่จิงจะกลับมา แต่เมื่อคิดดูแล้วบุตรชายของเขาหลังจากเข้าเมืองหลวงมาก็ทำหน้าตาไม่ค่อยพอใจนัก ความสัมพันธ์เช่นนี้ของทั้งคู่ฟ่านจวิ้นก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร “พี่ชวี่จิงสบายดีหรือไม่เจ้าคะ” มู่เหอฮวาจำต้องรับบทบาทนางหลงบุรุษ ทั้งที่ในใจไม่อยากจะมองหน้าคนตรงหน้าเลย รู้สึกเหมือนฟ้าจะผ่า ทำตัวอ่อยเพื่อนสนิทของตัวเองเนี่ยนะ แล้วทำไมตัวละครของนางจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้เล่า “ก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ” แม้จะไม่ชอบใจญาติผู้น้องนางนี้ แต่ก็ไม่อาจแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมได้ เขาเป็นคุณชายใหญ่ ทั้งยังมีหน้าที่ราชการตำแหน่งขุนนาง การปฏิเสธ ทำร้ายน้ำใจของสตรีเช่นนี้หากเรื่องไปถึงหูผู้อื่นเขาคงไม่วายถูกครหาเป็นแน่ แต่เพียงได้เจอนางเรื่องราวเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา สตรีที่ทำให้เขาต้องระเห็จออกจากเมืองหลวง ทั้งเบื่อ ทั้งชิงชังนาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “เข้าเรือนกันเถอะท่านพี่ จิงเอ๋อร์ มาเหนื่อยๆ” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าวตัดบท นางรู้ว่าบุตรชายนั้นคิดอะไรอยู่ แต่นางก็ไม่อาจไล่ตะเพิด หรือจัดการมู่เหอฮวาได้ เพราะฟ่านจวิ้นนั้นให้ท้ายหลานสาวผู้นี้ไม่น้อย ตัวนางเองก็ไม่อยากจะมีปัญหาขัดเคืองใจกับสามี “นั่นสิ ข้าหิวอยู่พอดี” ฟ่านจวิ้นกล่าวตัดบท บุตรชายเขาไม่คิดจะเปิดใจให้อภัยมู่เหอฮวาเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เรื่องราวก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ครั้งนี้เขาจะต้องการจัดการเรื่องนี้เสียให้จบ สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา เขาไม่มีทางบิดพลิ้วโดยเด็ดขาด หลังจากการต้อนรับอันแสนอบอุ่นคนที่หน้าบานที่สุด สุขที่สุดก็ย่อมหนีไม่พ้นฮูหยินสวีจิ่วหรง ส่วนมู่เหอฮวานางก็มัวแต่มองอาหารอย่างดีที่ไม่ได้กินมานาน วันนี้ก็คงเป็นวันที่นางสามารถกินได้อย่างเต็มอิ่ม ปลาราดพริกแบบจีน แม้จะมันไปหน่อย กับอาหารหลายอย่างที่เหมือนจะเป็นอาหารเหลาอย่างดี สามคนพ่อแม่ลูกทานอาหารพูดคุยกันอย่างมีความสุข ต่างจากมู่เหอฮวาที่นั่งเรียบร้อย แต่มือไม้กลับคีบนั่นคีบนี่มากินอย่างเอร็ดอร่อย “ฮวาเอ๋อร์ หลานผอมลงมาก” ฟ่านจวิ้นหันมาถามหลานสาว เขาสังเกตมาตั้งแต่กลับมาแล้วว่าหลานสาวนั้นดูผอมลงมาก แม้จะสวมชุดแต่งกายสีสันฉูดฉาด แต่ก็ยังดูออกว่าเรือนร่างภายในชุดนั้นดูสูบผอมลงไปมาก “เจ้าค่ะท่านลุง” “แต่เช่นนี้ก็ดีแล้ว อ้วนมากมันไม่ดีต่อสุขภาพนัก” “เจ้าค่ะท่านลุง” “เจ้าดูพูดน้อยนักวันนี้ ไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ชายเจ้าหรือ” “หลานเขินเจ้าค่ะ พี่ฟ่านชวี่จิงดูโตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังสง่างามเป็นอย่างยิ่งนักเจ้าค่ะ หลานก็เลยเขินไม่ได้หากจะต้องมองและสนทนากับพี่ฟ่านชวี่จิง” มู่เหอฮวาแสร้งทำท่าทางเขินอาย จนท่านลุงฟ่านจวิ้นหัวเราะออกมา แต่คู่แม่ลูกฮูหยินสวีจิ่วหรงกับฟ่านชวี่จิงกลับทำหน้านิ่งเรียบ “เช่นนั้นหรือ” หลังจากการกลับมาของพระรองอย่างฟ่านชวี่จิง มู่เหอฮวาก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก นางไม่รู้จะทำตัวอย่างไร มู่เหอฮวาชอบฟ่านชวี่จิงเป็นอย่างมาก นางมักจะชอบเสนอหน้าไปหาเขาและโดนเขาด่ากลับอย่างเจ็บแสบ แต่ยามนี้เขากลับหน้าเหมือนฤทธิ์ นางจะไปหาเรื่องพบหน้า หรืออ่อยเขาลงได้อย่างไรกัน “คุณหนูข้าซื้อขนมร้านโปรดท่านมาเจ้าค่ะ” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าวพร้อมกับยื่นขนมเค้กถั่วเขียวให้ มู่เหอฮวายิ้มก่อนจะรับมากิน แม้ส่วนผสมของเค้กถั่วเขียวจะมีน้ำตาล แต่ด้วยความที่แต่ละวันนางทานน้ำตาลน้อยมาก ขนมหวานแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเบาบาง “เดี๋ยวเจ้าค่ะ ท่านต้องเอาไปฝากคุณชายใหญ่ก่อนเจ้าค่ะ” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว นางไม่ได้ซื้อมาให้คุณหนู แต่ซื้อมาให้คุณหนูเอาไปมอบให้แก่คุณชายใหญ่ “จะเอาไปให้ทำไม พี่ชวี่จิง ไม่มีเงินซื้อกินหรือยังไง” “คุณหนูท่านต้องเอาอกเอาใจคุณชายใหญ่นะเจ้าคะ หากท่านไม่ทำ ก็จะมีสตรีอื่นมาแย่งชิงกับท่านได้นะเจ้าคะ” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว คุณหนูของนางเอาแต่นั่งอ่านนิยายไม่ยอมทำอะไรเลย เช่นนี้แล้วจะเป็นผลดีได้อย่างไร “ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู ท่านจะต้องหมั่นเอาใจคุณชาย” “ทำไมข้าต้องเอาใจเขาฮะ เสียเวลาอ่านนิยายของข้าเกินไปแล้ว” “คุณหนู คุณชายใหญ่เพิ่งกลับมาทั้งยังไม่มีฮูหยิน รูปลักษณ์หรือก็หล่อเหลาสง่างาม ท่านคิดหรือว่าสตรีในเมืองหลวงคนอื่นจะไม่หมายตาคุณชายใหญ่เจ้าคะ” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว มู่เหอฮวาคิดตาม ตัวละครพระรองแม้ไม่หล่อเหลาเท่าพระเอก แต่เสน่ห์ความอบอุ่นก็มากเหลือล้นจนสตรีแทบทั้งเมืองหลวงชมชอบ “แต่ข้าขี้เกียจนี่ คุณชายใหญ่เจ้าไม่ชอบข้าสักนิด” “ไม่ชอบก็ทำให้ชอบได้นี่เจ้าคะ” “เออก็ได้ บ่นมาก ถ้าข้าเอาไปให้เขา กลับมาข้าต้องได้กินขนมข้านะ” “แน่นอนสิเจ้าคะ ข้าน้อยเตรียมขนมส่วนของท่านไว้แล้ว” “เห้อออ” มู่เหอฮวานำขนมไปที่เรือนใหญ่ ท่านลุงพาท่านป้าไปวัดนอกเมือง กว่าจะกลับก็คงค่ำมืดแล้ว ทางจึงได้สะดวกนัก มู่เหอฮวาแวะไปโรงครัวก่อนจะเอาจัดใส่จานงดงาม “คุณหนูเร็วเจ้าค่ะ คุณชายใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ เร็วๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว มู่เหอฮวารีบหยิบชามขนมไปทันที ใจของนางนั้นอยากจะหยิบมากินมาก แต่ก็ไม่อยากขัดเสี่ยวต้านเอ้อนัก เพราะอย่างไรนางก็ต้องเอาอกเอาใจฟ่านชวี่จิงบ้าง เพราะตามนิยายมู่เหอฮวาเป็นสาเหตุที่ฟ่านชวี่จิงไม่อยากกลับจวนด้วยซ้ำ เขามักจะออกไปเตร็ดเตร่ด้านนอกจนได้พบรักกับนางเอกผู้งดงามเลอโฉม ฟ่านชวี่จิงที่กลับจวนมาช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้พบมู่เหอฮวาบ่อยครั้งนัก แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ต้องเจอหน้านางให้รำคาญใจ ตัวเขาเองก็รู้ว่าท่านพ่อมีสัญญาอะไร และท่านพ่อของเขาเป็นคนรักษาสัจจะมากแค่ไหน แต่ตัวเขาไม่เคยชอบมู่เหอฮวา และไม่คิดจะรักนาง สตรีที่จะเป็นฮูหยินเอกของเขาต้องมีฐานะ สติปัญญาดี ไม่ใช่สตรีร้ายกาจ โง่เง่าที่จะนำพาชีวิตเขาตกต่ำ “พี่ชวี่จิงเจ้าคะ” เพียงแค่เขาคิด เจ้าของร่างสะโอดสะองในชุดสีฟ้าอ่อนก็โผล่มา นางในยามนี้รูปร่างบอบบางดูสมส่วน ทุกย่างก้าวของนางดูมีชีวิตชีวา ใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉม ทำให้ใบหน้าของนางเกลี้ยงเกลาใสสะอาด พวงแก้มของนางแดงเป็นระเรื่อ แม้ไม่เทียบเท่ายอดพธู หรือเป็นยอดหญิงงาม แต่ก็นับว่างดงามน่าเอ็นดูไม่น้อย …นี่ข้ากำลังคิดบ้าอะไรอยู่นะ “มีอะไร” ฟ่านชวี่จิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา มู่เหอฮวาได้แต่แบะปากในใจ นางหรือจะอยากทำ ยิ่งหน้าตาเหมือนฤทธิ์เพื่อนนาง นางยิ่งไม่อยากสนใจเขาด้วยซ้ำ “ข้าเอาขนมมาให้ท่านเจ้าค่ะ ร้านนี้อร่อยมากเลยนะเจ้าคะ” “ไม่กิน” เพล้งงงงง ฟ่านชวี่จิงสะบัดแขน แต่แรงของเขามากนัก เมื่อเทียบกับสตรีร่างเล็กที่กำลังถือขนมอยู่ จานขนมกระเด็นตกกระทบพื้นจนแตก ส่วนมู่เหอฮวาก็ล้มไปทับเศษแก้วจนมือของนางเจ็บแปลบ มือของนางเป็นรอยแผลใหญ่เลือดไหลเต็ม “ฮือออออ เสี่ยวต้านเอ้อ ข้าเจ็บ” มู่เหอฮวาร้องไห้ออกมาทันทีที่เห็นเลือดของตัวเอง ในยุคนี้ นางจะตายเพราะแผลไม่หายหรือไม่ เลือดก็ไหลเต็มไม้เต็มมือไปหมด “คะ คุณหนู เอาผ้าพันไว้ก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าน้อยไปตามหมอให้” เสี่ยวต้านเอ้อหยิบผ้าเช็ดหน้าให้ ก่อนจะลุกลี้ลุกลนรีบไปตามหมออย่างรวดเร็ว ภายในใจก็ก่นด่าว่าคุณชายใหญ่ช่างใจร้ายนัก ทำร้ายคุณหนูของนางได้ลงคอ ไม่กินก็แค่บอกว่าไม่กิน ทำไมจะต้องทำเช่นนี้ด้วย “เจ็บมากหรือไม่” ฟ่านชวี่จิงที่ไม่คิดว่าแรงของตนเองจะมากเกินไปจนทำให้นางล้มจนเกิดเหตุเช่นนี้ เขาก้มตัวลงมองมู่เหอฮวาที่กำลังนั่งร้องไห้ มือไม้ของนางชุ่มไปด้วยเลือดแดงฉานอย่างน่ากลัว เขาพยายามจะจับมือของนาง แต่มู่เหอฮวากลับกระถดกายถอยหนี “ไม่เจ็บ ฮึก… ท่านรังแกข้านะ” “ข้าไม่ได้จะรังแกเจ้า มาให้ข้าดูแผลหน่อย” “ไม่ ออกไป ออกไปเลย” มู่เหอฮวาไม่อยากจะรักษาภาพนางร้ายคลั่งรัก ยามนี้นางทั้งเจ็บทั้งกลัว เขาช่างใจร้ายนัก แค่ไม่กินก็ไม่กินสิ จะทำแบบนี้กับนางทำไม ขนมก็ไม่ใช่ราคาถูก มู่เหอฮวาได้แต่นั่งน้ำตาไหล ฟ่านชวี่จิงก็ไม่คุ้นเคยกับการเข้าหาสตรีนัก นางไล่เขาไม่ยอมให้เขาช่วยก็ไม่รู้จะทำต่อไปเช่นไร ไม่นานนักท่านหมอจากโรงหมอที่ถูกเสี่ยวต้านเอ้อไปตามมาก็มาถึงจวนสกุลฟ่าน ภาพที่ชายวัยกลางคนเห็นคือสตรีแน่งน้อยกำลังนั่งอยู่กับพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาหนองใบหน้า มือของนางชุ่มฉ่ำไปด้วยเลือดเป็นภาพที่ชวนเวทนาน่าสงสาร ส่วนบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งยองตรงข้ามน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สตรีน้อยผู้นี้บาดเจ็บ “คุณหนู ข้าขอดูบาดแผลท่านหน่อย” หมอวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเมตตาเอ็นดู เขาก็มีบุตรสาววัยใกล้เคียงกับคุณหนูน้อยผู้นี้ สตรีมักหวาดกลัวการบาดเจ็บ และบาดแผลมากที่สุด มือของนางสั่นเทาด้วยความกลัว “ข้ากลัวเจ็บ ท่านหมอ ทำเบาๆ นะเจ้าค่ะ” เสียงของดรุณีน้อยกล่าว นางหวาดกลัวการทำแผลเป็นอย่างยิ่ง ท่านหมอได้แต่ล้างแผลทายาอย่างระมัดระวัง มู่เหอฮวาทั้งแสบทั้งเจ็บไปหมด นางเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เสี่ยวต้านเอ้อเห็นเจ้านายร้องไห้ นางก็ร้องไห้ตาม พลางครุ่นคิดว่านางไม่น่าพาคุณหนูของนางมาเจอเรื่องเช่นนี้เลย คุณชายใหญ่ไม่ชอบ วันหลังนางจะไม่ให้คุณหนูของนางโผล่มาให้คุณชายใหญ่เห็นอีกเลย ฟ่านชวี่จิงได้แต่มองสตรีทั้งสองนางกำลังร้องก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นผู้ร้ายเป็นอย่างยิ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม