05

2421 คำ
“คุณชายใหญ่” ข้ารับใช้ชายคนสนิทที่เพิ่งเก็บรถม้าเสร็จมาถึงก็พบกับเหตุการณ์ตรงหน้า พลางมองคุณชายคล้ายจะสงสัย ฟ่านชวี่จิงกลายเป็นผู้ร้ายไปเสียแล้ว “ไปตามบ่าวมาเก็บเศษชามให้หมด” “ขอรับ” “บาดแผลของคุณหนูจะต้องพันผ้าตลอด อย่าให้บาดแผลโดนน้ำหรือสกปรก ข้าจะเขียนเทียบยาบรรเทาความเจ็บปวดให้ท่าน แล้วก็ข้าจะมาดูแผลท่านอีกทีห้าวันหน้า” “ขอบคุณท่านหมอมาก เดี๋ยวข้าไปส่งท่านเอง ส่วนเจ้าเสี่ยวต้านเอ้อ พาเจ้านายเจ้ากลับไปพักที่เรือนซะ” ฟ่านชวี่จิงกล่าว เสี่ยวต้านเอ้อรับคำก่อนจะค่อยพาเจ้านายของตนเองกลับห้อง มู่เหอฮวาไม่สนใจอะไร นอกจากเดินร้องไห้กลับเรือนตลอดทาง “เจ้าค่ะ” หลังจากบาดเจ็บของมู่เหอฮวา นางก็เอาแต่ร้องไห้ด้วยความเจ็บจนหลับไป แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เรื่องราวการบาดเจ็บของมู่เหอฮวาเป็นเรื่องที่รู้ไปถึงฟ่านจวิ้น เขาโมโหอย่างมากที่บุตรชายโมโหร้ายหลานสาวจนทำนางถึงขั้นเลือดตกยางออก “เจ้าไม่พอใจนาง แต่ทำร้ายนางก็ไม่ถูกนะฟ่านชวี่จิง” ฟ่านจวิ้นกล่าว หลานสาวของเขาอย่างไรก็เป็นสตรี ถึงนางจะนิสัยไม่ดีไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องทำร้ายกันขนาดนั้น “ข้าไม่ได้ตั้งใจขอรับท่านพ่อ” “นั่นสิเจ้าคะท่านพี่ นางก็ชอบมาก่อกวนวุ่นวายจิงเอ๋อร์อยู่แล้ว โดนเสียบ้างจะได้จำ” ฮูหยินสวีจิ่วหรงที่รู้สึกดีกว่าใคร นางดีใจด้วยซ้ำที่มู่เหอฮวาบาดเจ็บ นางจะได้เลิกยุ่งกับบุตรชายของนางเสียที อีกอย่างตอนนี้บุตรชายกลับมาเมืองหลวง เทียบเชิญจากฮูหยินหลายสกุลก็มาก นางจะต้องคิดคำนวณหลายครั้งว่าจะเลิกไปจวนสกุลใด คุณหนูสกุลใดที่จะเหมาะสมกับบุตรชายคนโต “เจ้าก็เหมือนกัน เป็นฮูหยินดูแลจวน แต่จิตใจกลับคับแคบ ข้าและเจ้าต่างเห็นฮวาเอ๋อร์มาตั้งแต่เด็ก นางก็แทบไม่ต่างจากบุตรคนเล็กของเรา แต่เจ้ากลับชิงชังนางจนไม่รู้ดีชั่ว” ฟ่านจวิ้นกล่าว บุตรชายของนางไม่ชอบมู่เหอฮวาก็ยังพอมีเหตุผลบ้าง แต่สวีจิ่วหรงจะชิงชังอะไรนางนักหนา “ก็ถ้าท่านไม่ตั้งใจให้นางเป็นฮูหยินของฟ่านชวี่จิง ข้าก็ยังพอทำใจรับเด็กคนนี้ได้ แต่เพราะท่านนั่นแหละ สัญญาบ้าบออะไรกัน” ฮูหยินสวีจิ่วหรงโมโหจนร้องไห้ออกมา สามีของนางเป็นบุรุษที่สุภาพอ่อนโยน เขาแทบไม่เคยตำหนินางสักครั้ง จะทะเลาะกันก็แต่เรื่องเดิม เรื่องของมู่เหอฮวาทุกครั้งไป “เจ้าไม่เข้าใจคำว่าสัจจะสัญญาหรือ ฮวาเอ๋อร์เป็นเหมือนลูกของข้าคนหนึ่ง ข้าไม่มีทางผิดคำพูดกับพ่อนาง และข้าก็ไม่มีวันทอดทิ้งนาง หรือปล่อยให้พวกเจ้าแม่ลูกทำร้ายนางเด็ดขาด” “ท่านคิดว่าข้าทำร้ายนางงั้นหรือ ถ้าข้าทำร้ายนางจริง นางจะโตมาได้จนป่านนี้หรือ” “ถ้าเจ้าดีต่อนางจริง เจ้าจะยกนางให้อนุอย่างจวงเหลียนเลี้ยงนางหรือ ถ้าเจ้าหวังดีต่อนาง เจ้าก็คงเอานางมาเลี้ยงมาขัดเกลาให้เป็นสตรีในแบบที่เจ้าชอบ แต่เจ้าไม่ทำไง เจ้าปล่อยให้นางโตมากับอนุ แล้วคิดว่านางจะเป็นอย่างไรล่ะ” “แล้วทำไมท่านไม่สั่งข้าล่ะ ท่านชอบสั่งข้าไม่ใช่หรือ” “ตอนนั้นขุนนางรองขั้นห้าจะสั่งคุณหนูสวีจิ่วหรงได้หรือ” “นี่ท่าน” ฮูหยินสวีจิ่วหรงพูดแทบไม่ออก ฟ่านจวิ้นเดินหนีออกไปทันที เพราะเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตมันก็น่าโมโหมากอยู่ดี และเขาเองก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจนางมากไปกว่านี้ ฮูหยินสวีได้แต่น้ำตารื้น นางคิดมาตลอดว่าฟ่านจวิ้นไม่ได้รักนาง แต่แต่งงานกับนางเพราะบิดาของนางบังคับ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเขายังกล้าพูดเช่นนี้อีก “ท่านแม่ใจเย็นก่อนเถอะขอรับ” “เจ้าดูสิ เรื่องตั้งแต่เก่าก่อนพ่อเจ้ายังขุดมันมาประจานแม่อีก” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าว เรื่องในอดีตก็คือนางต้องการแต่งงานกับเขา นางจึงร้องขอให้พ่อของนางช่วยเหลือ แน่นอนการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจนัก ส่วนอนุจวงเหลียนก็เป็นหนึ่งหลานสาวผู้มีพระคุณของฟ่านจวิ้น เขามักจะอยู่กับคำว่าบุญคุณ จนนางเองก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขารักใครกันแน่ “ท่านพ่อย่อมรักท่านแม่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีข้าและน้องหรอกขอรับ” “รักหรือ” "ส่วนเรื่องมู่เหอฮวา เป็นความผิดของข้าเองขอรับ" “เจ้าทำนางบาดเจ็บหรือ” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าว นางไม่ชอบมู่เหอฮวาก็เรื่องหนึ่ง แต่บุตรชายของนางจะทำร้ายสตรีนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง มู่เหอฮวาอย่างมากก็เพียงก่อกวนสร้างความรำคาญใจเท่านั้น “ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ วันนี้นางเอาขนมมาให้ข้าเท่านั้น แต่ข้ากลับทำนางบาดเจ็บ” “วันหลังเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน นางเป็นสตรี อย่างไรผิวพรรณบาดแผลเป็นสิ่งสำคัญ” “ขอรับท่านแม่” “ไปพักผ่อนเถอะลูกไป” ค่ำคืนนั้นภายในจวนสกุลฟ่านต่างไม่สงบนัก ฮูหยินสวีจิ่วหรงเอาแต่เศร้าซึม นายท่านฟ่านจวิ้นนอนที่เรือนหนังสือ ทิ้งให้ฮูหยินของตนต้องจมอยู่กับวังวนแห่งความทุกข์ ส่วนฟ่านชวี่จิง แม้เขาจะไม่ชอบใจที่มู่เหอฮวาชอบทำตัวน่ารำคาญ แต่นางก็เป็นเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งที่เขาเห็นนางมาตั้งแต่วัยเยาว์ ก็แทบจะไม่ต่างจากน้องสาว เสียดายที่อนุจวงเหลียนเสี้ยมสอนนางจนเสียคนเช่นนี้ เขาเองก็เห็นด้วยที่ท่านพ่อของเขาว่ากล่าวท่านแม่ หากนางไม่รังเกียจมู่เหอฮวา ยามนี้นางอาจจะเป็นน้องสาวตัวน้อยที่น่ารักก็เป็นได้ ดูวันนี้ท่าทางสดใสของนางก็ชวนเอ็นดูไม่น้อย แต่แววตาที่หวาดกลัวเขามันคงทำให้นางไม่กล้าเข้าหาเขาอีก …แต่นั่นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ หลังจากค่ำคืนนั้นผ่านไปมู่เหอฮวาก็มีอาการเป็นไข้ นางงอแงไม่ยอมตื่น ไม่ยอมกินข้าว เสี่ยวต้านเอ้อได้แต่กระวนกระวายเป็นห่วง ข้ารับใช้วัยกลางคนหลายคนถูกส่งมาดูแลมู่เหอฮวาที่กำลังป่วยเป็นไข้ด้วยการต้มยา ต้มข้าวให้ทาน เพราะเสี่ยวต้านเอ้อ แม้จะเป็นข้ารับใช้ แต่ก็นับว่ายังเยาว์วัยเกินกว่าจะดูแลนายของตนเอง “เสี่ยวต้านเอ้อ เจ้าเก็บหนังสือหมดหรือยัง” สิ่งเดียวที่มู่เหอฮวาเป็นห่วงก็คือซุนกงฮวาของนาง หากถูกจับได้ ภาพลักษณ์ที่แสนทุเรศของนางก็จะเสื่อมเสียลงไปอีก นอกจากจะร้ายกาจ เอาแต่ใจ โง่ แล้วยังบ้ากามอีก ที่นี้ล่ะฮูหยินสวีจิ่วหรงได้ไล่ตะเพิดนางได้แน่นอน “เก็บหมดแล้วเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็ดี เจ้าต้องคอยเฝ้าระวังของสำคัญพวกนั้นด้วย” มู่เหอฮวากล่าว เพราะข้ารับใช้ที่ฮูหยินส่งมา พวกนางล้วนรับไม่ได้กับสภาพรอบเรือนที่ไม่สะอาดนัก จึงทำความสะอาดครั้งใหญ่ ชีวิตภายในจวนของมู่เหอฮวาไม่ได้สุขสบายนัก เพราะข้ารับใช้มีเพียงแค่เสี่ยวต้านเอ้อ เรือนใหญ่โตปานนี้ นางกับเสี่ยวต้านเอ้อจะดูแลกันอย่างไรไหว โชคดีที่มีเงินมากหน่อยจากกิจการร้านค้า ทำให้อาหารการกินล้วนอุดมสมบูรณ์ แต่จะซื้อหาข้ารับใช้สักคนก็ต้องผ่านฮูหยิน ซึ่งมู่เหอฮวาเองก็ขี้เกียจจะทะเลาะโดยไม่มีเหตุจำเป็น อีกทั้งตามนิยายเสี่ยวต้านเอ้อเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของมู่เหอฮวา “เจ้าค่ะ” “ฮวาเอ๋อร์ หลานเป็นยังไงบ้าง ข้ารับใช้บอกว่าเจ้าป่วยเป็นไข้ ลุงเป็นห่วงจึงได้มาเยี่ยม” ในอีกวันฟ่านจวิ้นกลับมาก็ได้รู้ข่าวว่าหลานสาวนอนซมป่วยไข้ขึ้นก็รีบมาดูอาการด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าจิ้มลิ้มนอนซมอยู่บนเตียง นางผอมลงมากจริงๆ “หลานค่อยยังชั่วขึ้นบ้างแล้วเจ้าค่ะ” มู่เหอฮวาโกหก ยาขมปี๋นั่นไม่ช่วยให้นางหายเวียนหัวเลย นางยังรู้สึกมึนหัวอยู่เลย แต่เพราะไม่อยากให้ฟ่านจวิ้นเป็นห่วง อีกทั้งเสี่ยวต้านเอ้อยังแอบมากระซิบบอกนางว่าเมื่อวานสองสามีภรรยาทะเลาะกันเรื่องของนางอีก “ต่อไปเจ้าต้องระวังหน่อยนะ พี่เจ้าโมโหร้ายนัก เดี๋ยวจะบาดเจ็บอีก” “เจ้าค่ะ ต่อไปหลานจะไม่ไปยุ่งกับพี่ชวี่จิงอีกแล้ว” “เข็ดขยาดแล้วหรือ เจ้าไม่อยากเป็นสะใภ้ลุงแล้วหรือ” ฟ่านจวิ้นเลียบเคียงถาม เขาเองก็อยากทราบความในใจของหลานสาวเขา เขาคิดมาทั้งคืนแล้ว ฮูหยินของเขาไม่ชอบนาง เขาเองก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร หน้าที่การงานของฟ่านชวี่จิงนับว่าก็จะตามทันเขาอยู่แล้ว ต่อไปจะเลือกฮูหยินสักคนก็ต้องเลือกให้ดี หากว่ามู่เหอฮวาอยากจะเปลี่ยนใจเป็นเจ้าฟ่านเหวินเซิน บุตรชายคนเล็กก็ถือว่าอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน แม้จะมุทะลุติดเล่นไปบ้าง แต่ก็นับว่าไม่ย่ำแย่อะไร ทั้งยังไม่ถือว่าผิดสัจจะสัญญาอะไรด้วย “ไม่อยากแล้วเจ้าค่ะ อยากอยู่เฉยๆ กินๆ นอนๆ แบบนี้ไม่ได้หรือเจ้าคะ” มู่เหอฮวาถามเช่นนี้ ฟ่านจวิ้นยิ่งเอื้อเอ็นดูนาง “สตรีอย่างไรก็ต้องแต่งงาน หลานเองก็ถึงวัยแล้ว” “เช่นนั้นขอหลานหาบุรุษเองได้ไหมเจ้าคะท่านลุง ถ้าหาไม่ได้หลานค่อยมาคุยกับท่านลุงใหม่” แม้จะยังป่วย มู่เหอฮวาก็ยังทำท่าทะเล้นออกมาได้ ฟ่านจวิ้นหัวเราะก่อนจะลูบศีรษะของนางด้วยความเอ็นดู พระคุณของบิดานางสูงท่วมหัว เขาจดจำได้ไม่ลืม เสียดายที่เขาช่วยบิดาของนางไม่ทัน “เจ้าจะไปหาบุรุษมาจากไหนหื้ม” “ก็… ก็ ก็ไม่รู้สิเจ้าคะ หลานอยู่แต่ในจวน" “เช่นนั้นรอสักปี หากหลานยังหาบุรุษที่พึงใจไม่ได้ ลุงจะให้หลานแต่งงานกับพี่ชวี่จิงของเจ้า” ฟ่านจวิ้นกล่าว แม้จะเหมือนบีบบังคับนาง แต่ความจริงกลับยืดเวลาให้บุตรชายเสียมากกว่า มู่เหอฮวาเองก็เข้าใจ ได้แต่พยักหน้า ทั้งที่จริงนางก็รู้ทันเขานั่นแหละ นางยังมีเวลาอีกสามปีด้วยซ้ำ กว่าจะได้แต่งงาน “เจ้าค่ะ” “เช่นนั้นหลานก็พักผ่อนเถอะ ลุงไม่กวนแล้ว” “เจ้าค่ะ” มู่เหอฮวารับคำก่อนจะหลับอย่างว่าง่ายด้วยอาการเพลียจากฤทธิ์ยา บาดแผลของนางไม่ใหญ่นัก แต่ก็ต้องใช้เวลาสมานตัว ยิ่งอาการตื่นตกใจของนางทำให้นางมีอาการป่วยได้ง่าย ทั้งยังต้องพักผ่อนเยอะ ฟ่านจวิ้นก่อนออกไปเขาได้กำชับให้พวกข้ารับใช้ดูแลหลานสาวของเขาให้ดีจนกว่านางจะหายดี “เจ้ามาทำอะไร” ฟ่านจวิ้นถามบุตรชายที่เพิ่งกลับจากราชการกลับบ้านมา ฟ่านชวี่จิงตรงมาที่เรือนท้ายจวน ตั้งใจว่าจะมาดูอาการของมู่เหอฮวา อย่างไรนางก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเขา หากไม่มาดูนางเลยก็จะดูใจจืดใจดำจนเกินไป “ข้าจะมาเยี่ยมนางขอรับท่านพ่อ” “นางยังไม่ตาย เจ้าไม่ต้องเข้าไปหรอก นางหลับแล้ว” “แค่ดูสักนิดก็ยังดีขอรับ” “เช่นนั้นก็อย่าไปปลุกนางตื่นเด็ดขาด สงสารนาง” ฟ่านจวิ้นบอก ฟ่านชวี่จิงกำลังจะเดินเข้าไป “แล้วเรื่องการแต่งงาน พ่อยืดเวลาให้เจ้าหนึ่งปี ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจนางไม่ได้ เจ้าจะต้องแต่งงานกับนาง” ฟ่านจวิ้นกล่าวก่อนจะเดินจากไป บุตรขายของเขาเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร แก้ปัญหาอย่างไร หากมู่เหอฮวาปักใจในตัวของฟ่านชวี่จิง นางก็ต้องพยายามมากขึ้นกว่านี้ “ขอรับท่านพ่อ” “คุณชายใหญ่” เสี่ยวต้านเอ้อกล่าว ใบหน้าของนางปรากฏร่องรอยความหวาดกลัว ไม่อยากจะให้เขาเข้าใกล้คุณหนูของนางนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรคนตรงหน้าก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวน นางหรือจะทำอะไรได้ เพียงแค่ว่าถ้าเขาลงมือกับคุณหนูของนาง นางยอมแลกชีวิตแน่นอน “ข้าเพียงมาเยี่ยมดูอาการนางเท่านั้น” ฟ่านชวี่จิงกล่าว เมื่อเห็นสายตาของเสี่ยวต้านเอ้อ คิดไปแล้วในจวนพวกนางก็อยู่กันแค่สองคน มีกันแค่สองคนพวกนางจะรักกันมากก็ไม่แปลกอะไร ฟ่านชวี่จิงหันไปมองร่างบอบบางบนเตียงที่นอนกอดหมอนแน่น ใบหน้าของนางชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ ผมเผ้าเปียกชื้นไปหมดด้วยความสงสาร “คุณหนูกำลังจะหายไข้เจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่าเมื่อหายไข้ร่างกายจะขับเหงื่อออกมาเยอะ” “อืม ข้าซื้อหยวนเซียวมา หากว่านางตื่นแล้วอยากกินของหวานก็ให้นางกิน" ฟ่านชวี่จิงกล่าวก่อนจะเดินจากไปทันที บุรุษจะอยู่ในห้องหับสตรีนานก็คงไม่เหมาะ อย่างไรนางก็ไม่ใช่น้องสาวในสายเลือด หลังจากบาดแผลหายดีจนปิดสนิท ท่านหมอโบราณนับว่าเก่งกาจ ยอดเยี่ยม ประหนึ่งเทวดา แผลเปิดขนาดนั้น แต่กลับรักษาและใช้ยาสมานจนไม่ทิ้งริ้วรอย ตอนนี้ก็ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับนางอีก “คุณหนู คุณหนู เรื่องที่ให้ข้าน้อยไปสืบ ข้าน้อยทราบแล้วนะเจ้าคะ” “ว่ายังไงบ้าง” “การสอบจอหงวนจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าเจ้าค่ะ แล้วพวกบัณฑิตหลายคนก็เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงบ้างแล้วเจ้าค่ะ” “ตายล่ะ แสดงว่าเขาก็ต้องเข้ามาแล้วน่ะสิ แล้วนี่พบนางเอกหรือยังนะ” มู่เหอฮวาเริ่มเครียด ตั้งแต่พระรองตัวดีกลับมา นางก็เฝ้ารอที่จะได้พบพระเอก และนางเอกมาโดยตลอด แต่กลับต้องมาบาดเจ็บเสียก่อน พอหายแล้วก็เกือบไม่ทัน นางลืมเวลาไปเลยด้วยซ้ำ “พูดอะไรเจ้าคะ นางเอกพระเอก” “ไม่มีอะไรหรอก วันพรุ่งนี้พวกเราหนีเที่ยวกันดีหรือไม่” “หนีเที่ยวหรือเจ้าคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม