"อือ มึงก็พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ เดี๋ยวกูจะบอกพวกพี่เขาให้" เภาพึ่งวางสายโทรศัพท์จากกร ซึ่งกรโทรมาบอกว่าวันนี้เขาคงไม่มาเรียน แล้วให้ไปบอกกับพวกพี่ๆ ที่จัดกิจกรรมประกวดให้ด้วยว่าเขาไม่ค่อยสบาย
"เป็นไงบ้าง ไอ้กรมันว่าไงบ้างเภา" แอนถามเพื่อนที่พึ่งวางหูลง
"เออ มันบอกว่ามันปวดหัว วันนี้เลยมาไม่ไหว ให้ไปลาพวกพี่ที่กองประกวดให้มันด้วย" เภาบอกเพื่อนที่นั่งรอฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
"งั้นเราขึ้นเรียนกันเหอะ" นัทชวนทั้งสองคนเมื่อใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว
สามคนพากันเดินเข้าตึกคณะเพื่อไปยังห้องเรียน ระหว่างทางเดินพวกเขาเจอกับพวกรุ่นพี่เฮดว้าก เลยแวะทักทายและบอกข่าวเรื่องของกร
"หวัดดีครับ" "หวัดดีค่ะ" ทั้งสามยกมือไหว้ทักทายพวกพี่ๆ ทันทีเมื่อเจอหน้า
"อ้าว วันนี้ทำไมมีแค่ 3 ล่ะ แล้วอีกคนไปไหน" กาดทักน้องๆ เพราะปกติแก๊งนี้มีด้วยกัน 4 คนตลอด
"คือว่าวันนี้กรไม่มานะคะพี่กาด มันโทรมา บอกว่ามันไม่สบาย ถ้ายังไงพวกเรารบกวนฝากพวกพี่บอกทางทีมประกวดด้วยนะคะ ว่ากรมันไม่ได้มา" แอนบอกกับพวกพี่ๆ
"อืม ได้สิ สงสัยสัยเรื่องที่เป็นลมเมื่อวานแน่ๆ คิริว แล้วน้องดูไม่โอเครหรอวะเมื่อวานนี้" กาดบอกกับน้อง ๆ และหันหน้าไปถามเพื่อนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ
"ไม่รู้สิ เมื่อวานก็ไม่เห็นพูดอะไรหนิ" คิริวตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอย่างเช่นเคย
เภา แอน นัท พวกเขาหันมองหน้ากัน เพราะงงว่าทำไมพี่กาดถึงต้องถามพี่คิริว
"ไม่ต้องงงกันหรอก คือว่าเมื่อวานน้องกรเป็นลมตอนซ้อมกิจกรรม ไอ้คิริวมันเลยเป็นคนอุ้มน้องกรไปส่งห้องพยาบาล และก็นั่งเฝ้าอยู่คนเดียว ตอนแรกพวกพี่ก็ไปด้วยกันหมดนี้แหละ แต่พอดีว่าเจออาจารย์ใช้ให้พวกพี่ช่วยยกของขึ้นไปเก็บบนตึกน่ะ แต่ก็นะ มึงเฝ้าน้องยังไงถึงไม่รู้วะไอ้ริว" ป๊อบเล่าให้น้องๆ ฟัง แถมยังไม่วายหันไปมองหน้าคิริวแล้วบ่นอีก
"อ่อ ขอบคุณพวกพี่ๆ ด้วยนะครับ พอดีว่าเมื่อวานไอ้นัทมันปวดท้องผมเลยต้องพามันกลับหอก่อน ไอ้กรมันเลยต้องอยู่คนเดียว"
"แล้วนี่น้องนัทเป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย" ป๊อบรีบปรี่เข้าไปดูอาการของนัททันทีจนเจ้าตัวก็งงๆ เหมือนกัน
"หายแล้วครับพี่ ไม่ได้เป็นอะไร" นัทตอบและเดินหลบไปอยู่ที่ด้านหลังของเภา และทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปขึ้นเรียน
ในห้องเรียน
"แอน แกมองอะไรเรานักวะ" นัทถามแอนที่มองจิกเขาด้วยสายตามาพักนึงแล้ว
"ชั้นแค่สงสัย ว่าพี่ป๊อบทำไมดูห่วงแกวะไอ้นัท"
"อืม นั่นดิ มีจับตงจับตัวด้วย" เภาเสริมและทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม
"จะไปรู้ได้ไง ชั้นก็เพิ่งเคยคุยกับพี่เขาวันนี้ แกเคยเห็นชั้นคุยกับพี่เขารึไงล่ะ" นัทตอบกลับแต่ดูว่าจะหลบสายตาของเพื่อนนิดหน่อย
"แล้วไป ชั้นคิดว่าพี่เขาจะชอบแกซะอีก เอ้อ ช่างเหอะ ไอ้แว่นอย่างแกพี่ป๊อบเค้าไม่สนหรอก" แอนทำท่าพูดขำๆ และหันไปหัวเราะกับเภา
ตึกวิศวะกรรมตอนเย็น
"อะ" ป๊อบยื่นกระดาษใบเล็กๆ ใบหนึ่งให้กับคิริว
"อะไรวะ" คิริวถามและรับมาถือไว้อย่างงงๆ
"นั่นดิ" กาดหยิบกระดาษมาดูและคืนมันกลับไปให้คิริวตามเดิม
"เบอร์น้องกร กูไปขอพวกไอ้ไทที่มันคุมประกวดมา" ป๊อบบอกทุกคนก่อนจะนั่งลง ทั้งสามคนยังคงงงอยู่ว่าป๊อบเอาเบอร์น้องกรมาให้คิริวทำไมกัน
"ในฐานะที่มึงเป็นหัวหน้าเฮดว้ากนะ และเป็นถึงรุ่นพี่เดือนคณะของน้องเขา กูว่ามึงควรโทรไปถามอาการน้องเขาสักหน่อย เผื่อว่าน้องเขาจะเป็นอะไรขึ้นมา และเพื่อเป็นการแสดงถึงความเป็นห่วงต่อรุ่นน้องในคณะ มึง...ในฐานะรุ่นพี่ มึงควรจะโทร"
"แล้วทำไมพวกมึงไม่โทรเองล่ะ" คิริววางเบอร์โทรของกรลงบนโต๊ะพร้อมกับขมวดคิ้วเข้มขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
"ก็มึงเป็นหัวหน้าเฮดว้ากไง คือ มึงไม่ต้องพูดมากแล้วมึงก็โทรไปถามอาการน้องมันด้วย กูไปและ" ป๊อบจับเบอร์โทรยัดลงในกระเป๋าเสื้อช็อปของคิริว และแยกตัวออกไปเลย โทนี่กับกาดก็แยกย้ายจากคิริวกลับบ้านไปด้วยเหมือนกัน
คิริวนั่งอยู่บนรถตัวเองที่ลานจอดรถของคณะ เขาล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อแล้วหยิบเบอร์โทรศัพท์ที่ป๊อบยัดใส่ไว้ขึ้นมาดู ก่อนจะค่อยๆ กดเบอร์ตามหมายเลขที่อยู่ในกระดาษ
"ฮัลโล นั่นใครครับ" เสียงรับโทรศัพท์จากปลายสายดังขึ้น
"ยังอยู่ดีใช่ปะ" กรทำตาโตเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้า เขาแทบจะลุกกระโดดขึ้นมานั่งเลยด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจำได้แม่นว่าเสียงที่เย็นชาจอมยียวนกวนโมโหนี้เป็นเสียงของใคร
"พะ พี่ โทรมาได้ไง" กรถามปลายสายเสียงตะกุกตะกัก
"ถามก็ตอบดิ ไม่ได้ให้ถามกลับ" เสียงพูดช่างเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความกวนโอ้ยให้กับคนที่ฟังได้ไม่น้อย
"แล้วพี่จะรู้ไปทำไม" ในเมื่ออีกฝ่ายกวนมาเขาเลยกวนกลับ
"ปากดี แสดงว่ายังไม่ตาย"
กรกำลังจะอ้าปากพูดต่อแต่ทว่ามันไม่ทันแล้ว เพราะทันทีที่พูดจบคิริวก็กดวางสายไปเลยทันที เขาถึงกับโมโหจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงกำผ้านวมเอาไว้แน่น มืออีกข้างก็กำโทรศัพท์ตัวเองเอาไว้จนแน่นเช่นกัน
เขาไม่คิดเลยว่าคิริวจะโทรมาหาเขา ทั้งๆ ที่ไม่เคยคุยกันดีดีสักครั้ง แถมยังโทรมาเพื่อกวนประสาทเขาเสียอีก
ตริ๊ง เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น กรหงายโทรศัพท์และกดหน้าจอเพื่อดูข้อความ
ข้อความส่งมาจาก คิริว รูปโปรไฟล์โชว์ขึ้นหลาพร้อมกับสติ๊กเกอร์รูปยืนกอดอกผิวปาก กรถึงกลับต้องปาโทรศัพท์ลงบนที่นอนด้วยความโมโห เขาดึงหมอนหนุนขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะฟุบหน้าลงและตะโกนใส่ลงไปไม่ยั้ง ใช้หมอนเพื่อเป็นตัวเก็บเสียงด้วยความโมโห
"อ้ากกกกกกกกก"
เช้าต่อมา
"กรไปก่อนนะครับ พ่อ แม่ หวัดดีครับ" กรยกมือไหว้พ่อแม่เพื่อจะออกไปมหา'ลัยในตอนเช้า
"ให้ลุงสินไปส่งไม่ดีกว่าเหรอลูก" คนเป็นแม่เอ่ยถามกับลูกชาย
"ไม่เอาอะแม่ กรไปเองดีกว่า กรไปก่อนนะครับ"
กรยกมือไหว้และเดินออกไปเลย เขาเดินออกมารอรถที่ป้ายรถเมล์ทุกวันเป็นประจำ หรือบางครั้งก็จะโบกแท็กซี่ตรงหน้าปากซอย เขาไม่อยากให้ลุงสินคนขับรถขับไปส่งเขาอีกนับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาเรียนในมหา'ลัย
รถเมล์จอดรับผู้โดยสาร วันนี้ดูท่าว่ากรจะไม่ได้นั่งอีกตามเคย ด้วยว่าคนในรถค่อนข้างแน่นขนัด กรเดินขึ้นไปบนรถและยืนอยู่ที่กลางทางเดิน วันนี้เขาเตรียมเงินมาเพื่อพอดีกับค่ารถโดยสารด้วย เพราะตั้งแต่วันที่โดนกระเป๋ารถเมล์บ่นไปวันนั้นก็ทำให้จำขึ้นใจ
และรถเมล์ก็จอดตามป้ายเพื่อรับผู้โดยสารไปเรื่อยๆ
ผู้คนมากหน้าหลายตาก้าวขาขึ้นมาบนรถ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีที่นั่งแล้วก็ตาม แต่คนก็ยังหนาแน่นอยู่ดี ผู้คนต่างก็ขึ้นมาแล้วยืนเบียดกันอยู่ที่ตรงกลางทางเดิน ในชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าแบบนี้ ใครต่างก็ต้องเร่งรีบเป็นธรรมดา รถทุกคันต่างก็เต็มจนไม่มีที่ให้พอนั่ง
ยามเมื่อรถเมล์กระชากตัวเพื่อออกจากป้ายก็ทำเอาบรรดาผู้คนต่างพากันเซถลาไปเป็นแถว ถ้าไม่จับเอาไว้ให้มั่นมือ มีหวังได้เซถลาไปชนคนข้างหน้าเป็นแน่
ซึ่งกรเองก็เช่นกัน เขาจับไว้ไม่แน่นเท่าที่ควร จึงเซถลาไปชนคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเข้า
"ขอโทษครับ" กรรีบบอกขอโทษคนคนนั้นอย่างไวเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ
"ไม่เป็นไร" คนถูกชนหันมาพูดกับเขา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนหรอก
คิริวนั่นเอง เขาพึ่งขึ้นตามหลังมาเมื่อสักพัก นี้เอง เป็นเพราะว่าคนในรถค่อนข้างเยอะ กรจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าคิริวขึ้นมาด้วย พอรู้ดังนั้นเขาก็รีบถอยหลังห่างออกมาอย่างไว แต่ก็ติดแน่นจากคนด้านหลังจนขยับไม่ได้เพราะคนในรถมันเยอะมาก ทำให้เขาต้องยืนติดกับคิริวอยู่อย่างนั้นอย่างช่วยไม่ได้