แกร็ก!
เสียงประตูที่เปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายที่เป็นสามีของเธอเดินเข้ามา นั่นทำให้ปลายฟ้าหันไปยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ
“มีอะไร” เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นั่นทำให้รอยยิ้มของเธอหุบลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกกลัว เพราะว่าเขานิ่งมาก แต่กลับเป็นความนิ่งที่น่ากลัว
“คุณ...ไปไหนมาคะ” ถามออกไปด้วยความอยากรู้ เพราะตอนนี้เธออยากจะไว้ใจเขาคนเดียว ถึงแม้จะยังมีความรู้สึกที่ยังไม่ค่อยไว้ใจใครก็ตาม
แต่เขาเป็นสามีของเธอไม่ใช่เหรอ นั่นก็หมายความว่าเธอสามารถไว้ใจเขาได้
“มีอะไร” เขาถามซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม นั่นทำให้เธอแปลกใจกับท่าทางของเขามาก
“คุณเต๊นท์บอกว่า เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเหรอคะ” ถึงแม้ว่าเธอจะจำเรื่องราวและบุคคลไม่ได้เลย แต่มันก็มีหลายอย่างที่เธอยังรู้และเข้าใจ
อย่างเรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่งที่เธอเข้าใจ ว่าสามีภรรยากันต้องนอนร่วมห้องกัน อยู่ด้วยกัน แต่ทำไมเขากับเธอ...
“ฉันทำงานดึก เลยแยกห้องกับเธอ” ป้องปราบก็ตอบกลับมา แต่มันก็ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลยไม่ใช่เหรอ
“คุณ...มาอยู่กับฉันไม่ได้เหรอคะ” เพราะตอนนี้เธอยอมรับว่าตัวเองกลัว มันเหมือนกับว่าตัวเองยืนอยู่ในที่สว่างและมองไปยังรอบๆ ที่มืดมิดโดยไม่เห็นหรือรับรู้อะไรเลย
เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปทางไหน ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง เธอกลัวไปหมด
“ฉันมีงานต้องทำ” เสียงป้องปราบเข้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย นั่นทำให้เธอสะดุ้งขึ้นทันที
“ค่ะ” ตอบกลับสั้นๆ พร้อมกับเม้มปากก้มหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้
เธอจำไม่ได้ว่าเขาเป็นคนยังไง แต่ที่รู้คือท่าทางของเขาตอนนี้มันน่ากลัวเกินไป และสายตาของเขามันดูว่างเปล่ามากๆ
“ถ้ากลัวฉันจะให้แม่บ้านขึ้นมานอนเป็นเพื่อนไปก่อน” ป้องปราบก็พูดขึ้น นั่นทำให้เธอเงยไปมองหน้าเขาและยิ้มออกมาได้เล็กน้อย
อย่างน้อยก็ยังดีที่เขายังรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงและไม่ปล่อยผ่าน
หรือว่าเพราะความนิ่งของเขาเลยทำให้เธอไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของสามีภรรยาของเรา
“ขอบคุณนะคะ”
หลายวันต่อมา...
“วันนี้คุณปราบไม่ได้กลับบ้านเหรอคะ” ปลายฟ้าถามป้าสายขึ้น เพราะนี่ก็เย็นมากแล้วแต่ยังไม่เห็นป้องปราบถึงบ้านเลย
“คุณปราบงานค่อนข้างเยอะทำให้กลับบ้านไม่ตรงเวลาเป็นปกติค่ะ” เพราะแบบนี้สินะเขาถึงได้แยกห้องนอนกับเธออย่างที่เขาบอก
“แล้วฟ้ากับคุณปราบ แต่งงานกันมานานหรือยังคะ”
“ป้าว่าไว้ถามคุณปราบเองดีกว่านะคะ” ป้าสายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
แต่ถ้าถามได้แบบนั้นก็ดีสิ เพราะเธออยากจะถามเรื่องพวกนี้กับป้องปราบด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่ก็แทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เรานั่งกินข้าวเช้าข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน แต่แทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย
“ค่ะ” ในเมื่อป้าไม่ตอบเธอก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอถามมันจากป้องปราบด้วยตัวเอง
บรืนนน!!!
“คุณปราบคงกลับมาแล้ว” ป้าสายพูดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามา นั่นทำให้ปลายฟ้าลุกเพื่อเดินออกไปหาผู้เป็นสามี
ร่างสูงสมส่วนของเขาลงจากรถมาด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนทุกครั้ง แต่ใบหน้าของเขากลับทำให้คนกลัวและเกรงขามได้อย่างง่ายดาย มันเป็นความนิ่งที่รู้สึกกดดันและไม่กล้าสบตา แม้แต่เธอเองก็ยังแทบไม่กล้าสบตากับเขาเท่าไหร่ ทำได้แต่พยายามทำใจกล้ามองเขาบ่อยๆ
“ฉันซื้อมาฝาก” ป้องปราบที่เดินมาหยุดหน้าเธอพูดพร้อมกับยื่นถุงกระดาษใบเล็กใบหนึ่งมาให้
“ขอบคุณค่ะ” ปลายฟ้ารับมาโดยไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เขาพูดและจูงมือเธอเดินเข้าไปในตัวบ้าน หญิงสาวได้แต่เดินตามเขาและมองมือของตัวเองที่ถูกฝ่ามือใหญ่กุมเอาไว้
“คุณทำงานเหนื่อยไหมคะ” ในฐานะภรรยาก็ต้องใส่ใจเรื่องของเขาไม่ใช่เหรอ
“ไม่” เธอก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับคำตอบสั้นๆ ห้วนๆ ของเขา
“.....” พอไม่รู้จะคุยอะไรต่อทำได้เพียงเงียบ ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีบางอย่างที่เธอเข้าไม่ถึง แต่ก็ตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้ว่าเพราะตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า
“ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันซื้ออะไรให้” ป้องปราบถามขึ้น และนั่นก็ทำให้เธอพึ่งคิดได้
“ค่ะ” ปลายฟ้าเลือกจะแกะของในถุงดูว่ามันคืออะไร ซึ่งพอหยิบออกมามันเป็นกล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยมขนาดเล็ก และพอเปิดเข้าไปด้านใน
“ชอบไหม” ป้องปราบถามขึ้นหลังจากเธอเห็นของที่เขาซื้อมาให้
“คุณ...ให้ฉันจริงๆ เหรอคะ”
“อืม”
“ขอบคุณนะคะ” ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้อยากได้ แต่ก็ดีใจมากที่เขาซื้อมันมาให้โดยที่ฉันไม่ได้บอกหรือร้องขอเลยสักนิด
“เดี๋ยวฉันใส่ให้” ป้องปราบพูดก่อนจะหยิบกล่องไปแล้วเอาสร้อยเงินพร้อมจี้รูปหัวใจออกมาใส่ให้เธออย่างอ่อนโยน
นี่คือครั้งแรกที่ปลายฟ้าสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของเขา มันคือครั้งแรกที่เธอรู้สึกใกล้ชิดกับเขา