ไวกว่าความคิดก็ขาของฉันนี่แหละที่รีบจ้ำก้าวเดินเข้าไปหาในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองอีกทางด้วยความลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่นานร่างก็มาหยุดอยู่ข้างหลังมองทรงผมที่คุ้นเคย แม้ว่าวันนั้นจะไม่มีรอยตัดบากสองแฉกเหมือนวันนี้ แต่เชื่อมากว่าต้องเป็นคนเดียวกันแน่นอน!
และในจังหวะนั้นเองเขาก็หันมา ตาคมกวาดมองก่อนจะบรรจบที่เราสบตาประสานกันเหมือนในซีรีส์เกาหลี “เชี่ย!”
แต่เป็นซีรีส์เกาหลีแนวฆาตกรรม!
ฉันหรี่ตามองอีกฝ่ายพร้อมกัดไอติมที่ใกล้จะหมด เดินวนรอบตัวเขาอย่างพิจารณา ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็หมุนตัวตามในขณะที่ตาคมที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าจ้องมองฉันไม่วางตา
“คุ้น ๆ นะพี่”
“คุ้นไร”
“คุ้นพี่ไง”
“ไม่เคยรู้จักกันจะคุ้นได้ไง” เขาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “จะไปไหนเปล่าน้อง ถ้าไปก็มาขึ้นรถ”
“เราเคยเจอกันปะ?” แต่ฉันก็ไม่ยอมตอบ ยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิม ตอนนี้ใจคอนเฟิร์มเลยว่าผู้ชายคนนี้คือไอ้คุณตำรวจสุดกวนคนนั้นแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
“ไม่เคยเจอ”
“โกหกเปล่า?”
“ไม่ไปใช่ไหม?” คุณพี่วินหกสี่ไม่ยอมตอบและหยิบหมวกกันน็อกมาใส่ราวกับจะไปไหน เห็นแบบนั้นก็เลยรีบพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ รถมอ’ ไซค์สภาพที่พูดตรง ๆ ว่าโคตรแย่
“ไปสิ ไปส่งตลาดที”
ไร้เสียงการสนทนาใด ๆ กลับมา พี่วินเดินไปขึ้นคร่อมแล้วทำการสตาร์ทรถด้วยเท้าจนเครื่องติดพร้อมเสียงที่ดังบาดใจ แป๊น ๆ ๆ ๆ ๆ พ่อน้องออนิวที่แท้ทรู เลิฟเลย ~
“ขึ้นดิ จะไปไม่ไป?”
“ไปจ้า” ทิ้งไม้ไอติมลงถังขยะแล้วเดินไปซ้อนท้ายคุณพี่เขา เพียงเท่านั้นรถก็กระตุกแรงจนฉันต้องกรี๊ดออกมา มือคว้าเสื้อวินไว้แทบไม่ทัน
“จับแน่น ๆ นะน้อง รถมันซิ่ง”
แล้วหลังจากนั้นเสียงแป๊นนนนนน ก็ดังขึ้นต่อเนื่อง นำพาซึ่งความหูดับมาให้ฉันแล้วเรียบร้อย…
แต่เพียงไม่นานรถก็ค่อย ๆ ดังแป๊ด แป๊ด แป๊ด พร้อมชะลอตัวช้า ๆ ทั้งที่ยังขี่ออกมาไม่เกินหนึ่งโลเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับในที่สุด
“พี่รถเป็นไร”
“เบา ๆ จะตะโกนทำไม”
“ใครตะโกนพูดปกติ” ว่าแล้วแงะหูตัวเองที่เหมือนจะดับจริง ๆ “ตกลงคือ?”
“สงสัยรถเสีย” พี่แกตอบไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ลงก่อน”
อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้ประสบภัยอย่างไรอย่างนั้น ฉันยืนมองเจ้าของรถที่กำลังจับ ๆ คลำ ๆ อะไรสักอย่าง ส่วนเท้าก็ยันตรงสตาร์ทไปด้วย ทำแบบนี้นานนับหนึ่งนาทีแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
“ตกลงยังไงอะพี่ ถ้าไม่ได้ฉันจะได้กลับบ้าน” ที่จริงฉันไม่ได้มีธุระอะไรที่ตลาดเลยสักนิด แต่ความอยากใส่ใจว่าผู้ชายคนนี้ใช่ไอ้คุณตำรวจคนนั้นไหมก็เลยอ้างว่าจะไปตลาดเพื่อจะได้มีเวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วน แต่สุดท้ายดันไม่เป็นดั่งใจหวัง เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน
“รถเสีย รู้จักร้านซ่อมปะ” เขาถอดหมวกกันน็อกออก แต่ก็เห็นแค่ตาคม ๆ กับสันจมูกนิด ๆ อยู่ดี “พาไปหน่อย”
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจ” ส่ายหน้าพัลวัน “พี่ไปเองเถอะ”
“เดี๋ยวจ้าง”
“จ้างก็ไม่ไป” ว่าแล้วหมุนตัวเตรียมที่จะกลับ
“หนึ่งพัน” เพียงเท่านั้นเท้าที่กำลังจะก้าวเดินก็หยุดกลางคัน รีบหันหน้าไปมองอย่างสนอกสนใจ แต่เมื่อคิดอะไรได้ก็ปรับสีหน้าเป็นอย่างอื่น
“เงินซื้อฉันไม่ได้หรอกจะบอกไว้”
“สองพัน”
“เห๊อะ! เงินแค่นี้”
“ห้าพัน”
“ไปสิ อีกหนึ่งกิโลมีร้านซ่อมรถเดี๋ยวฉันพาไป” พยักหน้ารับแล้วชี้มือชี้ไม้ไปทางดังกล่าว ซึ่งอีกฝ่ายยกคิ้วเข้ม ๆ ขึ้นราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“ไหนบอกเงินซื้อไม่ได้?”
“ถ้าไม่มากพอ ยังพูดไม่จบ” ว่าแล้วแบมือพร้อมกระดิกนิ้วยิก ๆ “เงินมางานเดิน มาเร้วววว”
พี่วินหกสี่ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมา นิ้วแหวกหาเงินสักพักก็เงยหน้าขึ้นมองฉัน “มีสามพัน”
“ฉันมีบัญชีธนาคาร โอนเข้ามาได้เลยจ้ะพี่จ๋า” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าคิวอาร์โค้ดของตัวเองพลางยื่นมันไปให้คนที่นั่งคร่อมรถต่อหน้า หากมองไม่ผิดเหมือนจะเห็นตาคมกลอกไปมาคล้ายกับกำลังรำคาญใจ
แล้วไงล่ะใครแคร์…
ติ๊ง!
เสียงการแจ้งเตือนเงินเข้าพร้อมยอดบ่งบอกว่าห้าพันส่งผลให้ปากระบายยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิมและตั้งท่าจะเดินนำเขาไป
“เดี๋ยว…” เสียงทุ้มเรียกไว้ไม่ต่างจากมือที่ดึงชายเสื้อของฉันเบา ๆ “จะไปไหน?”
“เอ้า! ไม่ซ่อมเหรอรถน่ะ” มองอีกฝ่ายงง ๆ “กำลังจะพาไปซ่อมนี่ไง”
“เข็น” เขาพยักพเยิดหน้าไปยังท้ายรถ “ได้ไปตั้งห้าพันคงไม่คิดจะเอาเปรียบกันหรอกใช่ไหม”
“แล้วทำไมพี่ไม่เข็นเองอะ”
“มีคนช่วยเข็นแล้วจะเข็นเองทำไม” อีกฝ่ายยังตอบกลับหน้าตาย แต่ทำไมรับรู้ได้ถึงการกวนประสาทชอบกล “เร็วเข้า”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แต่ก็ยอมเดินไปเข็นรถให้ ส่วนเจ้าของมันนั่งบังคับจับแฮนด์สบายใจ “โหพี่! นี่คนหรือควายป่าอเมซอนเนี่ยหนักขนาดนี้!”
“อย่าบ่น เข็นไป”
“นี่แหละนะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมไม่มีผัวก็เพราะมีผู้ชายแบบพี่อยู่บนโลกนี่ไง ความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ตรงไม่รู้ มีที่ไหนให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักน่าทะนุถนอมมาเข็นรถให้กลางแดดร้อนแบบนี้!”
“บ่นเก่งฉิบหาย” แม้จะค่อนขอดแบบนั้นแต่น้ำเสียงดันชอบอกชอบใจชัดเจน “แรงมีแค่นี้?”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมออกแรงเข็นให้มันเร็วกว่าเดิม วันนี้เห็นแก่เงินห้าพันที่ไม่รู้ว่าขายก๋วยเตี๋ยวได้กี่ชามหรอกนะถึงได้ยอม เอาไว้เจอกันวันใหม่บอกเลยว่าเจเจ้ไม่ให้ข่มเหงแบบนี้แน่ แม่จะเล่นให้อ่วมเลยคอยดู!
ร้านซ่อมรถ
สุดท้ายฉันก็มาถึงเป้าหมายปลายทางคือร้านซ่อมรถลุงเจ๊ก สภาพตอนนี้สะบักสะบอมก็ว่าได้ เหงื่อไหลย้อยลงไปยันตูด ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงเหมือนไม่ใช่คน
“ไอ้เจ้มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ”
“หมาอะไรล่ะลุง ก็เห็นอยู่ว่าเข็นรถมา” ตอบกลับทันควัน “อีกอย่างสภาพฉันมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย”
“เหรอวะ” ลุงเ**กเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะหันไปมองไอ้พี่วินที่ยืนทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว “ผัวเรอะ”
“จะบ้าเหรอ! ฉันยังโสดยังซิงยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจะเอาอะไรมามีผัว”
“…”
“อีกอย่างผู้ชายแบบนี้ฉันไม่เอาทำผัวหรอก ถ้าได้เป็นผัวจะทำก๋วยเตี๋ยวแจกคนทั้งซอยเลยคอยดู!”