บทที่ 2 พี่วิน 64 (2)

1275 คำ
ไวกว่าความคิดก็ขาของฉันนี่แหละที่รีบจ้ำก้าวเดินเข้าไปหาในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองอีกทางด้วยความลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่นานร่างก็มาหยุดอยู่ข้างหลังมองทรงผมที่คุ้นเคย แม้ว่าวันนั้นจะไม่มีรอยตัดบากสองแฉกเหมือนวันนี้ แต่เชื่อมากว่าต้องเป็นคนเดียวกันแน่นอน! และในจังหวะนั้นเองเขาก็หันมา ตาคมกวาดมองก่อนจะบรรจบที่เราสบตาประสานกันเหมือนในซีรีส์เกาหลี “เชี่ย!” แต่เป็นซีรีส์เกาหลีแนวฆาตกรรม! ฉันหรี่ตามองอีกฝ่ายพร้อมกัดไอติมที่ใกล้จะหมด เดินวนรอบตัวเขาอย่างพิจารณา ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็หมุนตัวตามในขณะที่ตาคมที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าจ้องมองฉันไม่วางตา “คุ้น ๆ นะพี่” “คุ้นไร” “คุ้นพี่ไง” “ไม่เคยรู้จักกันจะคุ้นได้ไง” เขาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “จะไปไหนเปล่าน้อง ถ้าไปก็มาขึ้นรถ” “เราเคยเจอกันปะ?” แต่ฉันก็ไม่ยอมตอบ ยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิม ตอนนี้ใจคอนเฟิร์มเลยว่าผู้ชายคนนี้คือไอ้คุณตำรวจสุดกวนคนนั้นแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ “ไม่เคยเจอ” “โกหกเปล่า?” “ไม่ไปใช่ไหม?” คุณพี่วินหกสี่ไม่ยอมตอบและหยิบหมวกกันน็อกมาใส่ราวกับจะไปไหน เห็นแบบนั้นก็เลยรีบพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ รถมอ’ ไซค์สภาพที่พูดตรง ๆ ว่าโคตรแย่ “ไปสิ ไปส่งตลาดที” ไร้เสียงการสนทนาใด ๆ กลับมา พี่วินเดินไปขึ้นคร่อมแล้วทำการสตาร์ทรถด้วยเท้าจนเครื่องติดพร้อมเสียงที่ดังบาดใจ แป๊น ๆ ๆ ๆ ๆ พ่อน้องออนิวที่แท้ทรู เลิฟเลย ~ “ขึ้นดิ จะไปไม่ไป?” “ไปจ้า” ทิ้งไม้ไอติมลงถังขยะแล้วเดินไปซ้อนท้ายคุณพี่เขา เพียงเท่านั้นรถก็กระตุกแรงจนฉันต้องกรี๊ดออกมา มือคว้าเสื้อวินไว้แทบไม่ทัน “จับแน่น ๆ นะน้อง รถมันซิ่ง” แล้วหลังจากนั้นเสียงแป๊นนนนนน ก็ดังขึ้นต่อเนื่อง นำพาซึ่งความหูดับมาให้ฉันแล้วเรียบร้อย… แต่เพียงไม่นานรถก็ค่อย ๆ ดังแป๊ด แป๊ด แป๊ด พร้อมชะลอตัวช้า ๆ ทั้งที่ยังขี่ออกมาไม่เกินหนึ่งโลเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับในที่สุด “พี่รถเป็นไร” “เบา ๆ จะตะโกนทำไม” “ใครตะโกนพูดปกติ” ว่าแล้วแงะหูตัวเองที่เหมือนจะดับจริง ๆ “ตกลงคือ?” “สงสัยรถเสีย” พี่แกตอบไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ลงก่อน” อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้ประสบภัยอย่างไรอย่างนั้น ฉันยืนมองเจ้าของรถที่กำลังจับ ๆ คลำ ๆ อะไรสักอย่าง ส่วนเท้าก็ยันตรงสตาร์ทไปด้วย ทำแบบนี้นานนับหนึ่งนาทีแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น “ตกลงยังไงอะพี่ ถ้าไม่ได้ฉันจะได้กลับบ้าน” ที่จริงฉันไม่ได้มีธุระอะไรที่ตลาดเลยสักนิด แต่ความอยากใส่ใจว่าผู้ชายคนนี้ใช่ไอ้คุณตำรวจคนนั้นไหมก็เลยอ้างว่าจะไปตลาดเพื่อจะได้มีเวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วน แต่สุดท้ายดันไม่เป็นดั่งใจหวัง เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน “รถเสีย รู้จักร้านซ่อมปะ” เขาถอดหมวกกันน็อกออก แต่ก็เห็นแค่ตาคม ๆ กับสันจมูกนิด ๆ อยู่ดี “พาไปหน่อย” “ไม่เอาอะ ขี้เกียจ” ส่ายหน้าพัลวัน “พี่ไปเองเถอะ” “เดี๋ยวจ้าง” “จ้างก็ไม่ไป” ว่าแล้วหมุนตัวเตรียมที่จะกลับ “หนึ่งพัน” เพียงเท่านั้นเท้าที่กำลังจะก้าวเดินก็หยุดกลางคัน รีบหันหน้าไปมองอย่างสนอกสนใจ แต่เมื่อคิดอะไรได้ก็ปรับสีหน้าเป็นอย่างอื่น “เงินซื้อฉันไม่ได้หรอกจะบอกไว้” “สองพัน” “เห๊อะ! เงินแค่นี้” “ห้าพัน” “ไปสิ อีกหนึ่งกิโลมีร้านซ่อมรถเดี๋ยวฉันพาไป” พยักหน้ารับแล้วชี้มือชี้ไม้ไปทางดังกล่าว ซึ่งอีกฝ่ายยกคิ้วเข้ม ๆ ขึ้นราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง “ไหนบอกเงินซื้อไม่ได้?” “ถ้าไม่มากพอ ยังพูดไม่จบ” ว่าแล้วแบมือพร้อมกระดิกนิ้วยิก ๆ “เงินมางานเดิน มาเร้วววว” พี่วินหกสี่ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมา นิ้วแหวกหาเงินสักพักก็เงยหน้าขึ้นมองฉัน “มีสามพัน” “ฉันมีบัญชีธนาคาร โอนเข้ามาได้เลยจ้ะพี่จ๋า” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าคิวอาร์โค้ดของตัวเองพลางยื่นมันไปให้คนที่นั่งคร่อมรถต่อหน้า หากมองไม่ผิดเหมือนจะเห็นตาคมกลอกไปมาคล้ายกับกำลังรำคาญใจ แล้วไงล่ะใครแคร์… ติ๊ง! เสียงการแจ้งเตือนเงินเข้าพร้อมยอดบ่งบอกว่าห้าพันส่งผลให้ปากระบายยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิมและตั้งท่าจะเดินนำเขาไป “เดี๋ยว…” เสียงทุ้มเรียกไว้ไม่ต่างจากมือที่ดึงชายเสื้อของฉันเบา ๆ “จะไปไหน?” “เอ้า! ไม่ซ่อมเหรอรถน่ะ” มองอีกฝ่ายงง ๆ “กำลังจะพาไปซ่อมนี่ไง” “เข็น” เขาพยักพเยิดหน้าไปยังท้ายรถ “ได้ไปตั้งห้าพันคงไม่คิดจะเอาเปรียบกันหรอกใช่ไหม” “แล้วทำไมพี่ไม่เข็นเองอะ” “มีคนช่วยเข็นแล้วจะเข็นเองทำไม” อีกฝ่ายยังตอบกลับหน้าตาย แต่ทำไมรับรู้ได้ถึงการกวนประสาทชอบกล “เร็วเข้า” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แต่ก็ยอมเดินไปเข็นรถให้ ส่วนเจ้าของมันนั่งบังคับจับแฮนด์สบายใจ “โหพี่! นี่คนหรือควายป่าอเมซอนเนี่ยหนักขนาดนี้!” “อย่าบ่น เข็นไป” “นี่แหละนะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมไม่มีผัวก็เพราะมีผู้ชายแบบพี่อยู่บนโลกนี่ไง ความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ตรงไม่รู้ มีที่ไหนให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักน่าทะนุถนอมมาเข็นรถให้กลางแดดร้อนแบบนี้!” “บ่นเก่งฉิบหาย” แม้จะค่อนขอดแบบนั้นแต่น้ำเสียงดันชอบอกชอบใจชัดเจน “แรงมีแค่นี้?” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมออกแรงเข็นให้มันเร็วกว่าเดิม วันนี้เห็นแก่เงินห้าพันที่ไม่รู้ว่าขายก๋วยเตี๋ยวได้กี่ชามหรอกนะถึงได้ยอม เอาไว้เจอกันวันใหม่บอกเลยว่าเจเจ้ไม่ให้ข่มเหงแบบนี้แน่ แม่จะเล่นให้อ่วมเลยคอยดู! ร้านซ่อมรถ สุดท้ายฉันก็มาถึงเป้าหมายปลายทางคือร้านซ่อมรถลุงเจ๊ก สภาพตอนนี้สะบักสะบอมก็ว่าได้ เหงื่อไหลย้อยลงไปยันตูด ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงเหมือนไม่ใช่คน “ไอ้เจ้มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ” “หมาอะไรล่ะลุง ก็เห็นอยู่ว่าเข็นรถมา” ตอบกลับทันควัน “อีกอย่างสภาพฉันมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย” “เหรอวะ” ลุงเ**กเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะหันไปมองไอ้พี่วินที่ยืนทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว “ผัวเรอะ” “จะบ้าเหรอ! ฉันยังโสดยังซิงยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจะเอาอะไรมามีผัว” “…” “อีกอย่างผู้ชายแบบนี้ฉันไม่เอาทำผัวหรอก ถ้าได้เป็นผัวจะทำก๋วยเตี๋ยวแจกคนทั้งซอยเลยคอยดู!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม