บทที่1 นังหัวขโมย

1613 คำ
02:55 นาที เฮ้อ! กว่าจะเลิกงานเล่นเอาฉันแทบขาดใจตาย วันนี้มันวันบ้าอะไรวะ! อยู่ๆ ก็มีลูกค้าเข้ามาเต็มร้าน ฉันล้างจานจนร่างจะเปื่อยอยู่แล้ว แต่ได้เงินเท่าเดิม สามร้อยบาทถ้วน! ไอ้เจ้าของร้านขี้งกเอ๊ย!! แถมยังเลยเวลาทำงานฉันอีก ให้เพิ่มอีกสักหนึ่งร้อยมันจะทำให้ร้านเจ๊งเหรอ! เดี๋ยวต้องโอนเงินให้น้ำอีกสองร้อยบาทพร้อมกับค่าบริการอีกสี่สิบบาท ตกลงฉันต้องใช้วันละหกสิบบาทใช่มั้ย ฮึ่ม!! ฉันเดินตามทางมืดๆ เปลี่ยวๆ คนเดียวพร้อมกับเตะฝุ่นอย่างหงุดหงิดที่สุดในเวลานี้แล้ว เมื่อยไปทั้งตัว! และเหนื่อยใจที่สุด พรุ่งนี้จะตื่นเช้าไปทำงานทันมั้ยก็ไม่รู้ โว้ยยยย!! หงุดหงิดเว้ย!!! โครมมมมม!!! เวรเอ๊ย!!! ร่างกายของฉันกระแทกกับชายคนหนึ่งอย่างแรงถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนที่เขาจะยัดบางอย่างมาให้ฉันถือและวิ่งหายไปกับความมืดทันที "อะไรวะ! " ฉันบ่นออกมาอย่างสงสัยก่อนจะก้มมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างงงๆ "กระเป๋าเงิน" กระเป๋าหนังราคาแพงอยู่ในมือของฉันโดยถูกยัดเหยียดจากใครก็ไม่รู้ส่งมา ของใคร? ฉันค่อยๆ เปิดกระเป๋าดูข้างในเผื่อสามารถตามหาเจ้าของมันได้ แต่ก่อนที่กระเป๋าเงินจะถูกเปิดออกข้อมือของฉันก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ ซึ่งภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าเปื้อนไปด้วยหยาดเหงื่อและกำลังหอบหายใจแรงๆ "จะ...เจอแล้วเฮียพักตร์!! " เขากดโทรศัพท์หาปลายสายอย่างเร็วพร้อมกับจับข้อมือฉันแน่นขึ้น เหมือนกำลังจับกุมผู้ร้ายไม่มีผิด แต่มันผิดตรงที่ว่าฉันผิดอะไร! ทำไมทำเหมือนว่าฉันเป็นผู้ร้าย ทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งจะหัวเสียเรื่องงาน และเรื่องผู้ชายอีกคนที่วิ่งมาชนฉันและยัดกระเป๋าเงินใครก็ไม่รู้ใส่มือฉันอีก นี่มันวันอะไรวะเนี่ย!! ฉันบิดข้อมือออกก่อนอย่างง่ายดายจะเปิดกระเป๋าเงินตรงหน้าดู พร้อมกับหยิบบัตรประชาชนขึ้นมาเทียบใบหน้ากับชายตรงหน้าทันที "ไม่ใช่" ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เจ้าของกระเป๋าหนังราคาแพงแน่ๆ เพราะใบหน้าไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว "เธอทำแบบนั้นได้ยังไง" ผู้ชายตรงหน้าบิดข้อมือตัวเองเหมือนที่ฉันทำเมื่อสักครู่อย่างสงสัย "ไม่เคยมีใครหลุดจากการกักกุมของฉันเลย" "ประสบการณ์ทำให้คนอย่างฉันเลวขึ้น" ฉันกอดอกอย่างภูมิใจเมื่อทำให้เขาประหลาดใจได้ "เขามีแต่ประสบการณ์ทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น" "ใช่! แต่มันใช้ไม่ได้สำหรับฉัน! ประสบการณ์ของฉันทำให้ฉันรู้ทันพวกคนเลว เพราะฉันจะเลวกว่าพวกมัน" ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกเมื่อรับรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ธรรมดาเหมือนกัน "นายรู้จักกับเจ้าของกระเป๋าใบนี้เหรอ" ก่อนจะถามออกไป เพราะในเมื่อเขาจับตัวฉันไว้ เขาต้องรู้แน่ๆ ว่าใครคือเจ้าของของมัน "ใช่! " ฉันเกือบจะยื่นกระเป๋าเงินคืนให้เขาแต่ต้องชักกลับเข้ามา เพราะฉันไม่สามารถไว้ใจใครได้อีก เพราะบางครั้งพวกโจรมันทำเป็นขบวนการ ฉันกำลังจะเป็นเหยื่อใช่มั้ย "ไม่ได้! ฉันจะคืนกับเจ้าตัวเอง! " "แล้วแต่..." เขาไหวไหล่เบาๆ เหมือนเฉยๆ กับสิ่งที่ฉันพูด "ก็เหมือนทุกครั้ง อยากจับเฮียพักตร์จนตัวสั่นสินะ" เขาพูดเบาๆ เหมือนกำลังพูดคุยกับตัวเอง จนฉันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเขาพูดอะไรออกมาเมื่อสักครู่นี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ! ยังไงเขาก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตฉันอยู่แล้ว จะเอามาคิดทำไมให้มันรกหัวเปล่าๆ แต่ประโยคมันทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ เหมือนเขากำลังหลอกด่าฉันอยู่อ่ะ ฉันยืนรอไม่ถึงสิบนาทีรถสปอร์ตหรูสามคันก็สาดแสงมาตรงหน้า พร้อมกับฉันยกแขนขึ้นมาบังแสงสว่างที่สาดเข้ามาจนแทบเบลอ สมแล้วที่เป็นเจ้าของกระเป๋าหนังใบนี้ ชายคนหนึ่งก้าวเดินมายังฉันอย่างสุขุมและมั่นคง ไม่รู้ทำไมฉันถึงถอยหลังหนีเขาซะงั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทางของเขาหรือไม้เบสบอลที่เขาถือติดมือมาด้วยกันแน่ ท่าทางลึกลับและน่ายำเกรง ไม่ผิดแน่ที่เขาจะต้องเป็นผู้นำ "มึงเองสินะ..." เขาพูดพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและควงไม้เบสบอลกลางอากาศไปมาจนเกิดเสียงของไม้เบสบอลกระทบกับอากาศดังวูบวาบ "ที่ขโมยกระเป๋าเงินกูไป! " เขาพูดขึ้นพร้อมกับพ่นควันสีขาวหม่นใส่หน้าฉัน ไอ้คนอย่างฉันเกลียดอย่างเดียวคือการที่ใครก็ไม่รู้มาขึ้นมึง ขึ้นกู ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกันหรือสนิทกันแม้แต่นิดเดียว มันทำให้ฉันเกิดอารมณ์ขึ้นมาทันที ร้อนและสั่นไปทั้งตัว ไอ้พวกไม่มีมารยาท! มันก็ต้องเจอไอ้พวกที่มีศีลเสมอกัน! เช่นฉัน! "กูเนี่ยนะ! " ฉันชี้อกตัวเองเมื่อถูกคนตรงหน้าประณามว่าเป็นหัวขโมย "มึงแทนตัวเองว่าอะไรนะ" ผู้ชายคนนั้นหยุดควงไม้เบสบอลก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน แล้วเงี่ยหูฟังจนเราสองคนแทบจะชิดติดกันแล้ว "กู! " "หึๆ " เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ เหมือนถูกใจอะไรสักอย่างก่อนจะยืดตัวขึ้นตามเดิม ผู้ชายอีกสามสี่คนที่มากับเขาเริ่มเดินเข้ามาล้อมตัวฉันเอาไว้เป็นวงกลมโดยมีฉันและเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พร้อมกับเสียงพูดคุยที่ฉันจับใจความได้ไม่ค่อยถนัดเพราะพวกเราแย่งกันพูด ซึ่งมันจะมีบางประโยคที่ฉันได้ยินชัดเจน เช่น "เจ๋งว่ะเฮียพักตร์ ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเฮียเลยนะ ฮ่าๆ " "ฆ่าตัวตายชัดๆ " "ยกให้เจ้เขาเลยว่ะ ฮ่าๆ " บลาๆๆๆ "มึงกล้ามาก" ผู้ชายที่พวกเขาเรียกว่าเฮียพักตร์พูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองจนเปียกชุ่ม "กล้ามากที่ขึ้นมึง ขึ้นกู กับกูคนนี้!! " "คิดว่าตัวเองเจ๋งนักเหรอ! พอโดนเขาตอกกลับเข้าให้ถึงกลับดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก! " ฉันเริ่มต่อปากต่อคำกับเขาเพียงเพราะว่าเขาไม่ยอมลดละอะไรเลย แถมยังตะเบ็งเสียงข่มฉันไปอีก! "มึงยังขึ้นมึง ขึ้นกู กับกูได้เลย ทำไมคนอย่างกูจะพูดกับมึงแบบนี้ไม่ได้! " "นังนี่!! " ฝ่ามือหนาพุ่งตรงมาบีบแก้มของฉันจนบุ๋มตามแรงที่ส่งออกมา "เขาเรียกว่าศีลเสมอกันนะ เผื่อมึงยังไม่รู้! " ฉันใช้สันมือสับลงบนข้อมือเขาอย่างแรง จนเขาเผลอปล่อยมือออกจากแก้มของฉันด้วยความเจ็บ ฉันใช้มือเล็กๆ ทั้งสองข้างปัดเซ็ตผมตัวเองลวกๆ เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์เริ่มไม่ปลอดภัยกับตัวฉันเองแล้ว เอาจริงๆ นะ ฉันสู้พวกผู้ชายพวกนี้ไม่ได้หรอก ต่อให้ตัวต่อตัวฉันก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายแม้แต่นิดเดียว นี่แหละข้อเสียของฉัน ชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตทุกครั้ง ท่าทางผู้ชายที่ชื่อพักตร์ก็ไม่ธรรมดาซะด้วย! แต่ฉันต้องเอาตัวรอดไปให้ได้ เพราะฉันทิ้งน้องไม่ได้เด็ดขาด! "หึ! " เสียงแค่นหัวเราะเบาๆ ดังออกจากปากของชายชื่อพักตร์ เขาสบตากับฉันอย่างเยือกเย็น และควงไม้เบสบอลก้าวเดินมาหาฉันอย่างช้าๆ เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ฉันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว! ผลั่ก!! ไอ้ลูกหมา!!! ฉันได้แต่ตะโกนอยู่ในใจเมื่อไม้เบสบอลสร้างความเจ็บปวดและจุกบริเวณหน้าท้องอย่างจัง จนเริ่มหายใจไม่ค่อยถนัด น้ำลายไหลยืดออกจากปากอย่างน่าสมเพช ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างช้าๆ ฉันสาบานเลยว่า ถ้าพวกนี้เอาฉันไปทำมิดีมิร้าย ถ้าฉันรอดมาได้ ฉันจะเอาคืนมันให้สาสม พวกมันเผลอเมื่อไหร่ กูจะดักตีให้ตายคาตีนเอง!! เพราะตอนนี้กูจำหน้าพวกมันได้ทุกตัว!! ไอ้เลวเอ๊ย!!! อย่าลากกูแบบนี้สิ!!! ฝ่ามือหนาของชายชื่อพักตร์คว้าคอเสื้อด้านหลังของฉันเอาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะลากฉันไปทั้งอย่างนั้น เพราะด้วยความเจ็บปวดที่เขากระทำกับฉันเมื่อสักครู่ ทำให้ร่างกายเริ่มไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นพร้อมกับสติในตอนนี้ด้วย ฉันเห็นเพียงรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ของตัวเองลากไปกับพื้นพร้อมกับแขนทั้งสองข้างทิ้งดิ่งตามแรงโน้มถ่วงของโลก สมเพชตัวเองที่สุดเลย!! "กูชอบปราบพวกพยศที่สุด! " น้ำเสียงนิ่งๆ พูดขึ้นพร้อมกับโยนร่างฉันเข้าไปในตัวรถและกระชากออกรถอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า "ฉันจะไป S.L Hotel." ชายชื่อพักตร์หันมาสบตากับฉันอีกครั้งก่อนจะเดาะลิ้นเสียงดังหนึ่งครั้งพร้อมกับสติฉันหลุดออกจากร่างแล้ว S.L Hotel!! หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Sex and Love Hotel!! โรงแรมม่านรูดที่ฉันเคยไปทำงานที่นั่น! ฉันรู้ว่ามันเป็นยังไง นี่เขาจะเอาฉันไปปล้ำจริงๆ ใช่มั้ย!! อย่ามาพิศวาสตัวฉันเลยนะเว้ย!! ไอ้คนเส็งเคร็ง ไอ้คนชั่ว ไอ้เลว ไอ้ลูกหมา!!! ไอ้เหี้ย!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม