ตอนที่ 2

1484 คำ
ตอนที่ 2 ทางด้านบ้านของลูกหนี้ “นังลิน...ฉันหาชุดไม่เจอแกช่วยมาหาให้ฉันหน่อยสิ” เสียงจันทร์ชนกร้องตะโกนเรียก มุจลินท์ผู้ที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว เธอสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่จันทร์ชนกกลับไม่ได้เห็นมุจลินท์เป็นน้องด้วยเลยสักนิด แต่เห็นมุจลินท์เป็นเพียงผู้ที่คอยรับใช้และสนองความต้องการของเธอเท่านั้น “ค่า...ค่า...ลินมาแล้วค่า พี่จันทร์หาชุดไหนไม่เจอหรือคะ” มุจลินท์รีบกุรีกุจอเข้ามาในห้องของผู้เป็นพี่สาว เพราะพ่อของจันทร์ชนกมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของมุจลินท์ มุจลินท์ถูกครอบครัวนี้เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะพ่อแม่ของเธอไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แล้วในบ้านหลังนี้ก็ยังมีผู้ที่เป็นป้าสะใภ้ของเธอคอยจิกหัวใช้งานยามที่ผู้เป็นสามีไม่อยู่บ้านอีกด้วย เพราะถ้าคุณพัฒนาอยู่บ้านทุกคนก็จะทำดีกับมุจลินท์ สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าคุณพัฒนาไม่รู้เรื่องนี้ ท่านรู้แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะนั่นก็เมียกับลูก ท่านก็ได้แต่ปรามๆ แล้วก็บอกกับทุกคนในบ้านว่ามุจลินท์คือหลาน แต่สองแม่ลูกก็ไม่เคยสนใจ “ชุดสีแดงที่ฉันพึ่งซื้อมาเมื่อวันก่อนแกเห็นไหม” ตลอดเวลาที่มุจลินท์อยู่ที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เด็กจนโต มุจลินท์ก็อยู่ในสถานะคนใช้มาโดยตลอด แต่มุจลินท์ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำไป ถึงในใจจะน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเหลือเกิน เพราะเธอไม่เคยมีความสุขเหมือนกับคนทั่วๆไปเลย ยังดีที่เธอยังมีคุณลุงที่คอยส่งเสียเล่าเรียน จนเธอเรียนจบปริญญาตรี แล้วเธอก็ซาบซึ้งในบุญคุณของคุณลุงในเรื่องนี้มากๆ “ชุดสีแดงลินเพิ่งเอาไปซักให้ค่ะ รอแป๊บนะคะเดี๋ยวลินไปเอามาให้” มุจลินท์ทำงานทุกอย่างตั้งแต่หุงข้าง ทำกับข้าว ซักผ้า หรือแม้นแต่ทำความสะอาดห้องนอนของทุกคนในบ้านหลังนี้ หลังจากที่มุจลินท์เรียนจบมา เธอก็อยากออกหางานทำ เพราะเธอไม่อยากอยู่บ้าน แต่ก็ถูกผู้เป็นป้าสะใภ้เบรกไว้ก่อน เพราะว่าถ้ามุจลินท์ไปทำงานแล้วใครจะทำงานบ้าน แล้วถ้าจะให้ท่านทำเอง เห็นทีก็คงจะไม่ไหว นั่นก็เลยทำให้มุจลินท์ไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนจบแล้วก็ตาม เรื่องทำงานบ้านมุจลินท์ไม่เคยว่า เธอยอมตั้งหน้าตั้งตารับใช้ แต่เรื่องคำพูดที่ด่าว่าเธอแบบเสียๆหายๆ เธอรับไม่ค่อยได้ บางครั้งเธอก็ถูกผู้เป็นป้าสะใภ้ไล่ออกจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา ยามที่ผู้เป็นลุงออกไปทำงานไม่อยู่บ้าน แต่เธอก็ไม่รู้จะไปไหนเธอก็เลย ก้มหน้าก้มตาทำงาน แล้วก็ให้เขาด่าต่อไป “เออ...รีบๆไป ฉันจะใส่ไปทานมื้อค่ำกับแฟนฉัน” มุจลินท์วิ่งออกจากห้องไป แล้วก็รีบวิ่งกลับเข้ามาด้วยความรีบร้อน เพราะขี้เกียจถูกด่า เธอก็เลยต้องทำทุกอย่างไม่ให้เธอถูกด่า ถามว่าเธอชินไหมที่โดนด่าแบบนี้มาตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวของคุณลุง เธอบอกเลยว่าไม่ชิน แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเลือกอะไรได้ บุญคุณของคุณลุงที่ค้ำคอเธออยู่ตอนนี้ มันก็มากพอที่เธอจะยอมก้มหน้าดูแลลูกและเมียของท่านต่อไป “อ้าวคุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” คุณเพ็ญศรี คุณแม่ของจันทร์ชนก และมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของมุจลินท์ เดินเข้ามาในห้องของผู้เป็นลูกสาวด้วยหน้าตาเซ็งๆ “ก็คุณพ่อของลูกน่ะสิ ไม่รู้เป็นอะไรสีหน้าไม่ดีเลย บอกให้แม่ขึ้นมาตามลูกนี่แหละ” “ค่ะจันทร์แต่งตัวเสร็จพอดีเลย” จันทร์ชนกหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่ที่หน้ากระจกอีกสองสามที แล้วสองแม่ลูกก็พากับเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างของบ้าน โดยมีมุจลินท์เดินตามลงมาด้วยอย่างเงียบๆ “คุณพ่อมีอะไรกับจันทร์หรือเปล่าคะ” จันทร์ชนกและคุณเพ็ญศรีเดินมาแล้วนั่งลงที่โซฟา แต่มุจลินท์กลับนั่งลงที่พื้นเพราะความเคยชิน แต่ก็ถูกผู้เป็นลุงดุขึ้นเสียก่อน “ลินลุงบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่านั่งที่พื้น ขึ้นมานั่งด้วยกันที่โซฟาเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของท่านออกจะเข้มๆ หน่อยในครั้งนี้ เพราะท่านกำลังจะพูดเรื่องสำคัญมากๆให้กับลูกสาวของท่านฟังแล้วมันก็ค่อนข้างหนักใจมาก “ช่างมันเถอะค่ะคุณพ่อ มันอยากจะนั่งตรงไหนก็” จันทร์ชนกหันไปมองมุจลินท์ด้วยสายตาเหยียดหยาม เพราะจันทร์ชนกถูกผู้เป็นแม่สั่งสอนมาตั้งแต่เล็กๆว่ามุจลินท์คือกาฝาก พ่อแม่ก็ไม่มีต้องมาเดือดร้อนให้ท่านเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ ไหนจะต้องเสียเงินเสียทองส่งเรียนอีก “ถ้างั้นแกก็ลงไปนั่งข้างล่างกับน้องสิ” คุณพัฒนาท่านรู้หมดว่า ทุกคนในบ้านของท่านใครเป็นยังไง แต่ท่านก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก พูดไปก็จะทะเลาะกับภรรยาเปล่าๆ อะไรที่ปล่อยได้ท่านก็ปล่อยไป “โอ้ยไม่เอาหรอกค่ะคุณพ่อ ก็ถ้ามันอยากนั่งก็ให้มันนั่งไปคนเดียวสิ” ก็ชุดของจันทร์ชนกที่สวมใส่อยู่นั้น เธอพึ่งจะซื้อมาใหม่แถมราคายังแพงมากอีกด้วย จะให้ไปนั่งข้างล่างแบบนั้นได้ยังไง “เอ้าเถอะๆจะดุลูกเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เหรอคะคุณพี่ แล้วไหนคุณพี่บอกว่ามีเรื่องจะพูดกับลูกไงคะ เรื่องอะไร” คุณเพ็ญศรีรีบเอ่ยขัดขึ้นมา แล้วก็พูดเข้าเรื่องทันที เพราะว่าก่อนที่ท่านจะขึ้นไปตามลูกสาว ท่านก็ได้ถามเรื่องที่สามีของท่านจะพูดแล้ว แต่คุณพัฒนาก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าให้ลงมาคุยพร้อมกัน “คุณพ่อมีเรื่องอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะค่ะพอดีจันทร์มีนัดกับวิธ” วิธก็คือแฟนหนุ่มของเธอ ที่พึ่งจะคบหาดูใจกันเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะจันทร์ชนกเป็นผู้หญิงขี้เบื่อ เธอมักจะเปลี่ยนผู้ชายบ่อย เพราะความสวยและรวยมากของเธอ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มพลิกผัน แต่เธอนั้นแค่ยังไม่รู้ตัว แต่กำลังจะรู้จากปากผู้เป็นพ่อเดี๋ยวนี้นี่แหละ “ตอนนี้บ้านของเราเป็นหนี้อยู่สิบล้าน” คุณพัฒนาเริ่มเข้าเรื่องทันที โดยพูดออกมาตรงๆ “ห๊ะ!! คุณพ่อ/คุณพี่” น้ำเสียงของสองแม่ลูกดังขึ้นผสานกันอยากตกใจ “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณพ่อ” ตอนนี้มีเพียงมุจลินท์ที่นั่งตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอยู่เงียบๆ “สี่เดือนก่อนที่พ่อลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อน” แล้วตอนนี้เพื่อนของท่านที่ร่วมลงทุนด้วยก็หายสาบสูญไปแล้ว เหลือให้ท่านต้องรับภาระใช้หนี้คนเดียวสิบล้านบาท แต่ถ้าจะให้เอาเงินเก็บ ไปใช้หนี้ก็ไม่พออยู่ดี “แล้วไงคะ คุณพ่อจะให้จันทร์หางานทำใช้หนี้เหรอคะ ไม่เอานะคะจันทร์ยังอยากเที่ยวอยู่” จันทร์ชนกถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆ เรียนก็ไม่จบมีแค่วุฒมัธยมปลายเท่านั้น แล้วตอนนี้งานก็ไม่ได้ทำวันๆเอาแต่ออกเที่ยว มีคุณพัฒนาคนเดียวเท่านั้นที่หาเลี้ยงคนทั้งบ้าน “เรื่องนี้พ่อเป็นคนผิดเอง พ่อต้องขอโทษลูกด้วย แต่พ่อคงไม่มีทางเลือก เพราะทางโน้นให้เวลาเราแค่สามวันเท่านั้น” คุณพัฒนาพูดด้วยสีหน้าหนักใจ น้ำเสียงเป็นกังวล “ห๊ะ! สามวันกับสิบล้านนี้นะคะคุณพี่ จะบ้าเหรอใครมันจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้ที่ไหนมาให้ทัน” คุณเพ็ญศรีเอ่ยขึ้นมาอย่างเห็นใจผู้เป็นสามี แล้วทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ “ทางโน้นเขายื่นข้อเสนอมา” คุณพัฒนาพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นภรรยาหน้านิ่ง แต่ในใจรู้สึกหนักใจที่จะต้องพูด แต่ก็ต้องลองพูดก่อนเพื่อว่าจะช่วยกันหาทางออก “ข้อเสนออะไรคะคุณ” “เขาบอกว่าถ้าภายในสามวัน ทางเราไม่สามารถหาเงินไปคืนเขาได้ เขาขอ...ลูกสาว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม