ตอนที่ 3
“เขาบอกว่าถ้าภายในสามวัน ทางเราไม่สามารถหาเงินไปคืนเขาได้ เขาขอ...ลูกสาว” คุณพัฒนาพูดจบ ท่านก็มองไปที่ลูกสาว ที่นั่งทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้
“จันทร์ไม่ไปนะคะคุณพ่อ หัวเด็ดตีนขาดยังไงจันทร์ก็ไม่มีทางยอมไปเด็ดขาด” จันทร์ชนกร้องโวยวายออกมาอย่างกับเด็กที่ยังไม่โต
“ไม่นะคะคุณพี่! ฉันไม่มีทางยอมให้ลูกไปเด็ดขาด มันจะเอาลูกของเราไปทำอะไรก็ไม่รู้” คุณเพ็ญศรีก็ไม่ยอมเช่นกัน ท่านรักลูกมาก เลี้ยงมาอย่างดีถึงจะตามใจมากไปหน่อย แต่คนเป็นแม่ย่อมไม่พอใจที่จะต้องยกลูกสาวให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้
“ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ถ้ามันมีทางออก หรือว่าคุณจะยอมให้เขายึดบ้าน แล้วเราไปหาห้องเช่าอยู่กันดีล่ะ” บ้านหลังนี้คุณพัฒนาได้เอาไปเป็นหลักค้ำประกันเอาเงินสิบล้านมา ถ้าไม่ให้ลูกสาวก็คงต้องยอมให้เขายึดบ้านไป
“ไม่นะคะจันทร์จะไม่ยอมอยู่ห้องเท่ารูหนูแบบนั้นเด็ดขาด จันทร์ไม่ยอม” จันทร์ชนกร้องโวยวายออกมาอีกครั้ง เธอคงทนสภาพแบบนั้นไม่ได้แน่ๆถ้าจะให้เธอไปอยู่ห้องเช่า เพราะคุณหนูอย่างเธอถ้าจะต้องตกอับอย่างนั้น เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ฉันก็ไม่ยอม ฉันเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม จะให้ไปอยู่ห้องเช่าแบบนั้น ฉันยอมตายซะดีกว่า” คุณเพ็ญศรีท่านก็ไม่ยอมเช่นกัน ท่านมีเพื่อนเป็นคุณหญิงคุณนายหลายคน ถ้ามีใครรู้ว่าท่านย้ายไปอยู่ห้องเช่า มีหวังคนพวกนั้นคงจะหัวเราะเยาะท่านเป็นแน่
“แล้วเจ้าหนี้เขาจะเอาพี่จันทร์ไปทำอะไรเหรอคะ” มุจลินท์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมา เพราะพี่จันทร์ของเธอมีดีอย่างเดียวคือสวย งานอย่างอื่นทำไม่เป็นเลย มุจลินท์ก็แค่สงสัยว่าจะเอาพี่จันทร์ของเธอไปทำอะไร
“คงไม่ได้เอาฉันไปเลี้ยงดูอยู่สุขสบายหรอกอีโง่!” จันทร์ชนกที่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นหมากใช้หนี้ก้อนใหญ่ของผู้เป็นพ่อของตัวเอง ก็รู้สึกหงุดหงิดจึงเสียงดังใส่มุจลินท์ต่อหน้าผู้เป็นพ่ออย่างเผลอตัว เพราะเงินสิบล้านมันไม่ใช่น้อยๆ ถ้าเธอยอมไป ไอ้เจ้าหนี้หน้าเลือดคนนั้น มันอาจจะจับเอาเธอไปขายที่ไหนสักที่ให้คุ้มกับเงินสิบล้านที่มันเสียไปก็ได้
“นี่หยุดพูดจาแบบนี้กับน้องเดี๋ยวนี้นะจันทร์” คนเป็นพ่อตวาดใส่ลูกสาวทันที ที่จันทร์ชนกลูกสาวของตัวเองมีกิริยาไม่น่ารัก ทั้งๆที่มุจลินท์ก็แค่ถามดีๆแท้ๆ
“คุณพี่! นี่ลูกทั้งคนนะคะ ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าลูกของตัวเอง” คุณเพ็ญศรีก็ไม่พอใจสามีของเธอเช่นกัน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพัฒนามักจะเข้าข้างยัยหลานสาวกาฝากมาตลอด
นั่นเป็นเพราะคุณพัฒนารู้ว่ามุจลินท์เป็นเด็กดีและขยันมากขนาดไหน วันๆทำแต่งานบ้าน ผิดกับลูกสาวของตัวเองที่วันๆเอาแต่ออกเที่ยวไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ท่านรักและเอ็นดูมุจลินท์ อีกอย่างมุจลินท์ก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของท่านอีกด้วย
“เพ็ญเธอน่ะให้ท้ายลูกจนเคยตัว จนยัยจันทร์เสียคน” คุณพัฒนาพูดออกมาอย่างหัวเสีย แต่ท่านก็ต้องเก็บอารมณ์เพราะตอนนี้ต้องช่วยกันหาทางออกก่อน จะให้เขายึดบ้านไปก็ไม่มีใครยอม จะให้ลูกสาวตามข้อเสนอของทางโน้น จันทร์ชนกก็ไม่ยอมไป
“คุณพี่! ถ้าคุณพี่จะรักนังลินมันมากขนาดนี้ ก็ให้มันไปแทนลูกจันทร์ของฉันสิคะ” คุณเพ็ญศรีเสนอความคิด เพราะท่านก็ไม่เคยรักมุจลินท์อยู่แล้ว มองมุจลินท์เป็นกาฝากของบ้านด้วยซ้ำ เรื่องนี้คุณพัฒนาก็รู้ดี
“จริงด้วยค่ะคุณแม่ จันทร์ไม่ไปนะคะ ให้นังลินมันไปแทนจันทร์นะคะ” จันทร์ชนกรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที ที่ผู้เป็นแม่เสนอทางออกให้เธอ
“ไม่ได้! เขายื่นความจำนงมาว่าเป็นลูกสาว เงินตั้งสิบล้านจะโกหกเขาได้ยังไง แล้วถ้าวันหนึ่งเขารู้ความจริงเข้า พ่อจะไปอธิบายกับเขายังไง” คุณพัฒนาเริ่มคิดหนักเพราะท่านก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง อีกอย่างมุจลินท์ก็น่าสงสารเกินไป เธอเป็นเด็กน่าสงสารมาตั้งแต่เด็ก
“คุณแม่ขาช่วยจันทร์ด้วยนะคะ จันทร์ไม่ไป ถ้าให้จันทร์ไปจันทร์จะฆ่าตัวตายจริงๆด้วย” จันทร์ชนกเธออยู่สุขสบายจนเคยตัว มีหรือเธอจะยอมไปลำบากง่ายๆ
“ลินไปเองค่ะคุณลุง” เป็นเสียงมุจลินท์ที่เอ่ยขึ้นมา เธอตัดสินใจพูดออกมา เธออยากไปจากบ้านหลังนี้ บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยากให้เธออยู่ เธอขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
“ลินแต่เรื่องนี้หลานไม่เกี่ยวนะลูก” คุณพัฒนายิ่งหนักใจเข้าไปอีก เพราะหลานสาวผู้น่าสงสารของท่านคนนี้ พ่อแม่ก็ไม่มีให้เป็นที่พึ่ง แล้วท่านเองก็เลี้ยงไม่ได้ดีอะไรนัก
อีกอย่างท่านก็ไม่รู้ว่าเจ้าหนี้ของท่านจะเอาไปใช้งานอะไรบ้าง ข้อนี้ท่านไม่รู้เลยจริงๆ เพราะทางโน้นไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าซื้อตัวตลอดชีวิต ไปแล้วจะไม่มีทางกลับมาได้อีก ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือหลานก็ตามท่านก็เป็นห่วงทั้งนั้น แต่สถานการณ์มันบีบบังคับ
ถ้ายอมให้ทางโน้นเขายึดบ้านไป ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรที่จะต้องลำบากกันหมดทุกคน แต่ถ้าส่งใครสักคนไป คนที่เหลือก็ยังสุขสบายต่อ แล้วคนที่เสียสละในครั้งนี้ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาแล้ว...
“ก็นังลินมันอยากไป ก็ให้มันไปสิคะ คุณพี่จะไปรั้งมันไว้ทำไม” คุณพัฒนามองหน้าหลานสาวอย่างนึกช่างใจ
“ลินอยากทดแทนบุญคุณของคุณลุงค่ะ” แล้วเธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว เธอขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ที่จะต้องมาทนสองแม่ลูกรังเกียจเธอขนาดนี้ ขนาดอยู่ต่อหน้าคุณลุงยังขนาดนี้เลย แล้วลับหลังไม่ต้องพูดถึง
“ลิน...แม้ว่าหนทางข้างหน้าไม่รู้จะเป็นยังไงน่ะเหรอ” คุณพัฒนารู้สึกซาบซึ้งกับการเสียสละของหลานสาวในครั้งนี้มาก แต่ท่านก็อย่างแน่ใจว่ามุจลินท์เต็มใจไปจริงๆ ไม่ได้ถูกบังคับ
“ค่ะ” ในเมื่อเธอตัดสินใจพูดออกไปแล้วว่าเธอจะเป็นคนไปเอง เธอก็ต้องไป ถึงในใจจะกลัวอยู่มากก็ตาม
“ลินมานั่งใกล้ๆ ลุงสิลูก” มุจลินท์ลุกเดินไปนั่งข้างๆผู้เป็นลุง คุณพัฒนาเอามือลูบศีรษะของผู้เป็นหลานสาวอย่างนึกเอ็นดู แล้วพูดว่า...
“ในเมื่อลินตัดสินใจแล้วว่าจะไป ลุงไม่รู้ว่าคุณคิมหันต์เขาเป็นคนยังไง เรื่องนี้ลุงก็บอกไม่ได้ แต่ลุงอยากให้ลินจำเอาไว้ว่า ลุงรักลินเสมอ แล้วลุงก็ขอบใจลินมากที่เสียสละเพื่อเราทุกคน ลุงเชื่อว่าความดีของลิน สักวันลินของลุงจะต้องได้ดี” ในขณะที่ผู้เป็นลุงกำลังพูดกับหลานสาวอยู่นั้น อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยก็มีสีหน้าและแววตาเย้ยหยันสะใจ
“ลินคิดว่าลินอยู่ได้ค่ะ” ก็ในเมื่อเธอยังอยู่กับสองแม่ลูกนี้ได้ เธอก็น่าจะอยู่กับคนอื่นได้
“รักษาตัวให้ดีนะลูก วันนี้บ่ายๆเขาจะให้คนมารับตัวแล้ว” จากที่คุณพัฒนานั่งคิดและนอนคิดหาทางออกอยู่สองวัน ตามที่ทางโน้นได้ยื่นข้อเสนอมา ท่านก็พึ่งจะมาพูดก็วันสุดท้ายนี่แหละ
“แล้วลินต้องใช้ชื่อพี่จันทร์หรือเปล่าคะ” คุณพัฒนายิ้มบางๆแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่ต้องหรอกลูก ลินก็คือลิน ใช้ชื่อตัวเองนั่นแหละ ลุงเชื่อว่าคุณคิมหันต์ต้องการแค่ผู้หญิง” มุจลินท์ได้ยินดังนั้น เธอก็มีสีหน้าเป็นกังวล จนคุณพัฒนารู้สึกได้ ท่านก็เลยเอ่ยขึ้นเป็นกำลังใจว่า...
“ยังไม่ต้องคิดเองเออเองนะลูกไม่ต้องกลัวเหตุการณ์ล่วงหน้าอยู่กับปัจจุบัน เพราะลุงพอรู้มาบ้างว่า คุณคิมหันต์คนนี้ถึงเขาจะเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ แต่เขาก็ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย ลุงว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ยัยจันทร์พูดหรอกลูกไม่ต้องกลัวไป” คุณพัฒนากำลังจะสื่อว่า ไม่ต้องกลัวเขาเอาไปขายหรือเอาไปฆ่า แต่คุณพัฒนาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณคิมหันต์จะต้องการลูกสาวของท่านไปทำอะไร
“ไปเลยชิ้ว!..ชิ้ว!”
“ยัยจันทร์ น้องเสียสละเพื่อพวกเราขนาดนี้ แกยังไม่สำนึก!”
“คุณแม่ขา...”
“ไปลูกจะไปเที่ยวไหนก็ไป แม่อนุญาต”
“ถ้างั้นจันทร์ไปนะคะ” จากนั้นจันทร์ชนกก็ขับรถออกไปตามที่ได้นัดแนะกับแฟนหนุ่มของเธอเอาไว้