บท 7

1321 คำ
            “หยุดพูดถึงหมอนั่นสักที!”                 “….”                 “กูไม่อยากได้ยิน” หลังนั่งเงียบอยู่นานสองนาน ในที่สุดเท็นก็โพล่งขึ้นท่ามกลางบทสนทนาของกลุ่มเพื่อนอย่างหงุดหงิด หลังทั้งหมดกำลังนั่งจับเข่าคุยเรื่องของจอง ลินอย่างออกรส                 มึงเป็นอะไรเนี่ย? ไปหงุดหงิดมาจากไหนก่อน” จอยเอ่ยถามทั้งคิ้วขมวด                 “หรือว่ามีเรื่องอะไรที่พวกกูยังไม่รู้หรือเปล่า” จีซูจี้ถามต่ออย่างจับผิด                 “….”                 “ว่ายังไงล่ะ?”                 “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ กูก็แค่เบื่อที่จะได้ยินเรื่องของผู้ชายคนนี้แล้วก็เท่านั้น พวกมึงนั่นแหละ…ทำไมพักหลังมานี้ถึงได้สนใจนัก” เท็นโยนคำถามกลับบ้าง                 “อ้าว… มึงก็ถามแปลก นี่มึงลืมเรื่องที่พวกเราตกลงกันไว้แล้วเหรอ?” ช่วงท้ายประโยคจอยเบาเสียงลงอย่างเห็นได้ชัด เพื่อให้ได้ยินกันแค่ในกลุ่มเท่านั้น                 “เรื่องนี้ก็เหมือนกัน กูไม่เอาแล้วได้ไหม? กูขอยอมแพ้ดีกว่า” เพียงแค่เท็นเอ่ยเช่นนั้น เพื่อนในกลุ่มทั้งหมดก็ต่างเงียบไปทันที ก่อนที่เวนดี้จะดีดนิ้วราวกับนึกอะไรบางอย่างได้                 “กูว่ากูรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมมึงถึงได้หงุดหงิดนัก”                 “….”                 “เพราะลินไม่ยอมง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ มึงเลยหัวเสีย”                 “ถ้าจะคิดแบบนั้นก็ตามใจมึง” บทสนทนาทั้งหมดถูกจบลงแค่เท่านั้น เมื่อการบรรยายในคลาสถูกเริ่มต้นขึ้นโดยอาจารย์ผู้สอนแล้ว ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ จนกระทั่งประตูห้องบรรยายถูกเปิดออกอีกครั้งโดยนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีระดับต้น ๆ ของคณะนั่นแหละ                 บรรยากาศในห้องบรรยายก็เปลี่ยนไปทันที                 เพียงแค่เห็นอีกคนปรากฏตัวเท็นก็เกิดอาการเกร็ง หลังภาพเหตุการณ์ในวันนั้นไหลย้อนเข้ามาในความคิดของเขาโดยอัตโนมัติ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็รีบหลบสายตาของอีกคนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เมื่อทั้งคู่เผลอสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ                 “นึกบ้าอะไรอีก…” เท็นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หลังในวันนี้จอง ลินเลือกที่จะมานั่งด้านหลังห้อง แถวเดียวกับเขาและห่างกันเพียงแค่โต๊ะเดียวเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้วอีกฝ่ายมักจะนั่งฟังบรรยายอยู่แถวหน้าสุดเสมอ                 “มึงเป็นอะไร” เยริที่สังเกตเห็นอาการทุกอย่างถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง                 “ป—เปล่า” เท็นปฏิเสธกลับไป ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หันไปมองอีกทางด้านหนึ่ง ของห้อง แม้จะรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังถูกจอง ลินจับจ้องอยู่ตาไม่กะพริบก็ตาม                   ตลอดการบรรยายร่วมสามชั่วโมง ทุกอย่างมันแย่ไปหมด…                 เพราะถูกสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่เกือบตลอดเวลา นั่นจึงทำให้เท็นแทบไม่มีสมาธินั่งฟังในสิ่งที่อาจารย์กำลังพูดเลยด้วยซ้ำ แล้วแม้ว่าห้องบรรยายแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม แต่ความอึดอัดก็ยังเกิดขึ้นอยู่ โดยมีแค่เท็นเท่านั้นที่รับรู้มัน                 “มึง เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เพราะทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่เป็นอยู่ นั่นจึงทำให้เท็นตัดสินใจหนีออกจากบรรยากาศนั้นด้วยข้ออ้างขั้นพื้นฐานทันที                 ซึ่งเมื่อเขาเดินมาถึงห้องน้ำชายแล้ว เท็นก็ไม่รอช้าเขาปิดฝาชักโครกลงแล้วทิ้งตัวนั่งทันที มือเรียวขยี้หัวของตัวเองอย่างแรง เพราะความเครียดจัด ก่อนจะนั่งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวนดี้ส่งข้อความมาบอกว่าอาจารย์เลิกคลาสแล้วนั่นแหละ เท็นถึงได้ยอมเปิดประตูห้องน้ำออกไปอีกครั้ง                 เพื่อที่จะได้เห็นอีกคนกำลังยืนกอดอกคอยอยู่ที่อ่างล้างมือ                 “….”                 “….”                 เพราะคนที่ไม่อยากพบพานมากที่สุดกำลังยืนอยู่ตรงหน้า นั่นจึงทำให้เท็นเผลอกลั้นใจไปชั่วขณะ โดยในเวลาเดียวกันนั้นจอง ลินเองก็จ้องหน้าเขานิ่งเหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน                 ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมาก่อน จนกระทั่งจอง ลินขยับตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำชายโดยที่ไม่พูดอะไรออกมานั่นแหละ เท็นถึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วมองแผ่นหลังนั้นไปด้วยความไม่เข้าใจ               จอง ลินพยายามเข้าหา… นั่นคือสิ่งที่เท็นรู้สึกได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้                 แล้วเพราะรู้สึกอย่างนั้น นั่นจึงทำให้เขาพยายามเกาะกลุ่มกับเพื่อนเอาไว้อยู่เสมอ พยายามไม่อยู่เพียงลำพังและพยายามไม่เรียกร้องความสนใจจากจอง ลินอีก…เหมือนอย่างที่เคยทำ                 เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว                 “เดี๋ยวพวกกูจะไปร้องเกะกันต่อ มึงจะไปไหม?” หลังออกมาจากไนต์คลับเพราะการพนันกันในคราวนั้น จีซูก็ชักชวนต่อทันที                 “กูขอตัวแล้วกัน เพราะถ้าไปต่อตอนนี้น่าจะกลับห้องไม่ไหวแน่” เท็นปฏิเสธ แล้วพูดต่อ “พวกมึงสี่คนก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ถึงห้องแล้วก็ทักลงกลุ่มด้วย กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”                 “โอเค งั้นก็กลับห้องดี ๆ นะมึง” พวกเขาร่ำลากันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่เท็นจะเดินแยกกับเพื่อนไปอีกทาง เพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่เตรียมกลับหอพักของตัวเอง             “ไม่น่าเลย…” หลังกลับมาถึงห้อง ขณะที่กำลังนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เท็นก็ขบคิดเรื่องราวต่าง ๆ ในหัวไปด้วย ซึ่งปัญหาเดียวที่เด่นชัดในหัวเขาตอนนี้นั่นก็คือจอง ลิน                 โดยในขณะที่เขากำลังคิดถึงปัญหาใหญ่นี้อยู่นั้น เท็นก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากตอนนั้นเขาเชื่อคำเตือนของจองลิน บางที…มันอาจไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในวันนี้ก็ได้                 ซึ่งในระหว่างที่เท็นกำลังนอนคิดหาทางออกให้กับทั้งเรื่องคลิปที่ว่าของตัวเอง ทั้งเรื่องเว็บไซต์ที่เขากำลังดูแลอยู่ จู่ ๆ แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจไปจากเขาเสียก่อน                 เมื่อจอง ลินส่งข้อความมาหา             ‘อยู่หน้าห้อง ออกมาเปิดประตูด้วย’ หลังจากอ่านประโยคเหล่านั้นจบ เสียงกดกริ่งที่หน้าห้องก็ดังขึ้นทันที ทำเอาเท็นที่ยังอยู่ในอาการเมากรึ่มอยู่รีบลุกขึ้นไปดูด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าอีกคนจะมาปรากฏตัวที่หน้าห้องของเขาในยามวิกาลเช่นนี้             เนื่องจากเท็นไม่เคยให้ที่อยู่ของตัวเองกับจอง ลินมาก่อน             “มาทำไม?” นั่นเป็นคำถามแรกที่เท็นถามขึ้น หลังเขายืนส่องตาแมวอยู่นานสองนาน ลังเลว่าจะเปิดประตูออกไปประจันหน้ากับอีกคนดีไหม                 “แล้วมาหาไม่ได้เหรอ?” อีกฝ่ายย้อนถามกลับ                 “แล้วรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่” เท็นถามต่อทั้งคิ้วขมวด                 “ก็เก่งไง”                 “….”                 “นี่เมาเหรอ?” จองลินเป็นฝ่ายถามบ้าง พลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้เท็นเล็กน้อย จนลมหายใจของอีกฝ่ายกระทบที่ข้างแก้มของเจ้าของห้องเบา ๆ ซึ่งในเวลาต่อมาจอง ลินก็ระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ หลังเท็นไม่ได้ผลักไสคนตรงหน้าออกไปแต่อย่างใด                 “….”                 “เป็นแบบนี้ก็ดี จะได้คุยกันง่ายหน่อย” พูดจบจอง ลินก็ผลักเท็นเบา ๆ หมายจะให้เขาถอยกลับเข้าไปในห้องทันที  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม