พวกฉันยังคงนั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปสักพักจึงเริ่มแยกย้ายกันกลับ เพื่อนฉันสองคนก็กลับกับผัวซึ่งเรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ฉันต้องกลับเองจึงบอกเพื่อนๆ ว่าฉันจะนั่งรอเวลาให้สร่างเมาอีกหน่อยแล้วจะขับรถกลับคอนโด พวกมันเป็นห่วงฉันมาก จะไปส่งเองและให้จอดรถไว้ที่นี่ แต่พรุ่งนี้ฉันมีธุระแต่เช้าขี้เกียจนั่งแท็กซี่วนมาเอารถที่นี่อีกเสียเวลา สุดท้ายเพื่อนๆ ก็ทนความดื้อของฉันไม่ได้หรอก คนที่อยู่เป็นเพื่อนฉันก็คือพี่เจย์และพี่แท็ค พี่แท็คน่ะนั่งส่องสาวไปเรื่อยๆ ฉันเห็นเขาน่ะแอบหว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงที่เดินผ่านด้วยนะ ร้ายอ่ะ
ส่วนอีกคนก็เอาแต่จ้องมองหน้าฉันอยู่แบบนั้นนานสองนาน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมาดื่มน้ำส้มแทนเพราะจะได้สร่างเมาเร็วๆ กระทั่งเวลาผ่านไปพี่แท็คขอตัวกลับก่อนเพราะรับโทรศัพท์จากใครคนหนึ่งก็ขอตัวกลับทันที ซึ่งมันทำให้ฉันต้องอยู่กับพี่เจย์กันแค่สองคน
“น้องนาบีพี่ขอตัวก่อนนะครับ”
“ตามสบายค่ะพี่แท็ค นาบีใกล้จะกลับแล้วล่ะค่ะ”
“เจอกันนะครับ ไอ้เจย์ฝากดูน้องด้วย ถ้าน้องยังไม่ไหวมึงไปส่งน้องด้วยนะ” พี่แท็คบอกฉันในประโยคแรก และบอกพี่เจย์ในประโยคถัดมา
“อืม”
บรรยากาศเริ่มเงียบ ผู้คนในผับก็กลับกันไปเกือบหมดแล้ว เพราะตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆ หลงเหลือไว้ก็แค่กลุ่มบอร์ดี้การ์ดบางส่วนเท่านั้น
“กลับแล้วนะคะ ขอตัวค่ะ” ฉันพูดแค่ก็รีบดีดตัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่ง…
… “อ๊ะ” ฉันสะดุดขาตัวเองจนขาแพลงไปขาหนึ่ง เจ็บจนเซล้มไปทางที่พี่เจย์นั่งอยู่ ส่วนพี่เจย์นั้นก็มือไวมากรีบคว้าตัวฉันไว้ไม่ให้ล้มลงพื้น ทว่า.. เขาไม่ทำแค่นั้น เพราะพี่เจย์กระตุกแขนฉันให้ล้มและทิ้งตัวไปทางเขาและกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันนั่งตักเขาอยู่
“อยากนั่งตักพี่เหรอ”
“ไม่ ชะ…”
“นุ่มดีนะ”
“...”
“ก้นเราน่ะ นุ่มดีจัง”
“ไอ้พี่เจย์ อย่าลามปามนะ”
“เธอนั่นแหละ อย่าลามปามยัยหลอดไฟ ฉันแก่กว่าเธอนะ”
“ปล่อยนะไอ้แก่” ฉันพยายามจะลุกจากตักพี่เจย์แต่เขายิ่งกอดรัดฉันแน่นกว่าเดิม จนสองร่างตอนนี้แนบชิดกันจนแทบจะไม่เหลือช่องว่าง
“เห้ย เรียกไอ้แก่เลยเหรอวะ เดี๋ยวจะโดนนะนาบี” ว่าเขาไม่หล่อก็ว่าทนไม่ไหวแล้ว นี่เรียกเขาว่าไอ้แก่ ไม่โดนสักทีไม่ดีขึ้นเลย
“ก็พี่เจย์พูดเองนะ ว่าแก่”
“ยัยปากเสีย”
“ก็แค่กับพี่ อิอิ” นาบีสวนคืนอย่างเย้ยหยันและกวนส้นตีน ทั้งที่ลืมไปแล้วว่าตัวเองนะเจ็บขาและลืมไปว่าตัวเองนั่งบนตักของใครอีกคนอยู่
“ปากดีแบบนี้ต้องโดน”
“ยะ อย่า…” เหมือนฉันจะรู้ตัวเลยว่าจะโดนอะไร หลายต่อหลายครั้งที่ฉันสังเกตพี่เจย์ว่าเขาจ้องมองริมฝีปากฉันบ่อยครั้งมาก
… “อื้อ”
เจย์แตะริมฝีปากค้างเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาจ้องริมฝีปากของนาบีอย่างไม่อาจจะควบคุม จากนั้นเริ่มครอบครองริมฝีปากของคนที่นั่งตัวสั่นอยู่บนตัก เจย์ละเลียดชิมอย่างอดทน ส่วนนาบีเริ่มคลายริมฝีปากที่เม้นสนิทเพื่อตอบรับอีกฝ่ายที่บดจูบลงมา
ลิ้มลองรสหวานในโพรงปาก
รู้สึกได้ถึงรสหวานในจูบนี้
กลิ่นอายของกันและกันแทรกซึมเข้ามา
นาบีไม่อาจหักห้ามใจเผลอตัวปล่อยใจบดจูบแบบนั้นอยู่นานสองนาน การกระทำของเจย์ที่มักฉวยโอกาสจูบเธอหลายต่อหลายครั้ง มันเริ่มทำให้เธอเริ่มรู้สึกแปลกๆ และมีท่าทางประหม่าโดยที่เธอเองไม่รู้ตัว
ตุบ! ตุบ!
นาบีเริ่มขาดอากาศหายใจ สติก็เริ่มค่อยๆ กลับมา เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้อีกคน แก้มเนียนใสเริ่มเปล่งสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“หวาน”
“...”
“จูบกันอีกไหม”
“พี่เจย์ ตะ ติดใจเหรอ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้”
“ว่าไง จูบอีกไหม”
“ไม่”
เจย์ส่งสายตาหวานแพรวพราวไปให้นาบี มือก็ลูบไล้เรียวแขนเล็กลามไปถึงไหล่มน ผิวกายขาวเนียนละเอียด สายตาของเจย์ไล่มองลงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินอกขาวที่โผล่พ้นชุดออกมา แล้วก็ต้องหยุดสายตาไว้ตรงนั้น เพราะความใหญ่อลังการเหมือนโดนมนต์สะกด เขาไม่อาจละสายตาไปมองที่อื่นได้ ใหญ่จนอยากลองจับดูสักครั้งว่ามันของจริงหรือป่าว
“แต่พี่อยากจูบเธออีกนะ”
“พี่เป็นบ้าอะไรพี่เจย์ ปล่อยนาบีเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็บอกแล้วไง… ว่าติดใจ”
“...”
“ว่าไง ลองอีกทีไหม ถ้าเธอไม่ชอบก็แค่ผลักพี่ออก”
ฉันรู้สึกประหม่ากับสายตาที่พี่เจย์ส่งมาให้ ครู่นึงของความคิดก็รู้สึกว่าพี่เขาก็หล่อมากนะ แต่ฉันไม่ชอบคนเจ้าชู้ แล้วคนแบบพี่เจย์ยิ่งต้องตีตัวออกห่าง แต่เมื่อฉันโดนเอ่ยขอจูบตรงๆ แบบนั้น มันรู้สึกไม่อยากปฏิเสธทั้งที่ควรจะปฏิเสธ เอายังไงดี…
“ละ ลองก็ได้”
เจย์ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เพราะเขาเองก็ยังจูบเธอ ยังอยากสัมผัสแบบนั้นกับเธอ ที่นาบีถามเขาว่าติดใจจูบของเธอเหรอ เขาก็ตอบตรงๆ ว่าใช่ ติดใจมาก อยากทำแบบนั้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เขามีความคิดบางอย่างที่อยากเสนอออกไป
“อื้อ”
จ๊วฟ ด๊วฟ
เสียงของสองริมฝีปากที่ดังผสานกัน ทำให้บอดี้การ์ดที่อยู่บริเวณนั้นรีบสลายตัวทันที
“อืม”
เจย์พอใจที่นาบีตอบสนองเขาอย่างดี คล้ายกับว่าต่างคนต่างก็เรียนรู้วิธีการจูบของกันและกัน มือหนาเริ่มไม่อยู่ไม่สุขลูบไล้ขาเรียวเล็ก ส่วนมืออีกข้างก็ประคองใบหน้าสวยแหงนรับจูบจากเขา นานสองนานที่ทั้งสองจูบกันอย่างดุเดือดไม่มีใครผละออกจากกัน จนกระทั่งคนตัวเล็ก เริ่มหายใจไม่ออก เพราะอีกคนบดเบียดริมฝีปากแนบสนิทจนแทบจะไม่เหลืออากาศไว้ให้นาบีให้ได้หายใจ
ตุบ! ตุบ!
นาบีดันอกแกร่งออกห่างจากตัวเองเพราะเริ่มที่จะขาดอากาศหายใจ เจย์ต้องถอดถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย เพราะอารมณ์เขาตอนนี้มันเริ่มจุดติดไปแล้ว อารมณ์ทุกอย่างหลอมรวมอยู่ที่ลำแกร่งตรงกลางกาย
“แฮ่กๆ ปล่อยนาบีได้แล้ว”
“ไม่อยากปล่อยเลยว่ะ”
“ดึกแล้วนาบีต้องกลับแล้วค่ะ”
“ค้างกับพี่”
“...”
“ที่นี่ ได้หรือป่าวครับ” เจย์พูดเสียงหวานที่ว่านล้อมแต่สายตานั้นกลับน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยขอกินขนมจากแม่ นาบีมองภาพตรงหน้าตาปริบๆ พลางย้อนคิดเรื่องราวก่อนหน้านี้ว่าจากที่ไม่ชอบหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่ชอบหรอกนะ แค่ไม่ชอบคนเจ้าชู้มากกว่า แล้วมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ถึงขั้นชวนเธอค้างกับเขาที่นี่ ถ้าเธอตอบตกลงมันก็คงไม่ใช่นิสัยของนาบีน่ะสิ
“พี่ชวนผู้หญิงค้างคืนด้วยง่ายๆ เหมือนชวนกินข้าวเลยนะคะ”
“หึ ไม่คล้อยตามสักนิดเลยเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ พี่ไม่ได้ดู…”
“อะไร”
“ก็… ไม่ได้ดูน่าสนใจอะไรขนาดนั้น”
“...”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ความดื้อพยศของนาบีทำให้เจย์รู้สึกอยากเอาชนะ เด็กอะไรชอบหักหน้าเขาอยู่เรื่อยเลย
“เดี๋ยวก่อน”
“ต้องการอะไรอีกคะ คุณพรี่!!”
“นี่นามบัตรฉัน เผื่อเธอ…อยากจูบฉันก็เรียกฉันมาได้เลย”
“พี่ขายบริการ เอ๊ะ ไม่ใช่สิเป็นผู้ชายขายจูบเหรอ”
“...”
“แซวเล่นนะคะ”
เด็กเวร คำเดียวในใจเจย์ตอนนี้ สวนทุกดอกแล้วบอกแซวเล่น แบบนี้มันยิ่งทำให้เขาอยากได้ อยากได้มานอนดิ้นใต้ร่างเขา
“ได้นะ คิดแบบนั้นก็ได้เพราะฉันขายให้เธอคนเดียว”
“เหอะ ดูท่าจะบ้า”
“เธอน่ะสิบ้า เอานามบัตรเธอมาด้วย”
“ไม่ให้ค่ะ เพราะไม่จำเป็น”
“จะให้ดีๆ ไหมห๊ะ”
“ดูปากนาบีนะคะ ไม่-ให้-ค่ะ”
พูดจบฉันก็รีบดันตัวเองจากการกอดกุมของพี่เจย์ คนบ้าอะไรขอเบอร์สาวเหมือนข่มขู่ แล้วดูท่าทางจากนิสัยคงจะมั่นหน้าตัวเองมากอยู่ ไงล่ะ เจอนาบีคนสวยเบรคแบบนี้ไปจะได้หยุดภัยความมั่นนะคะพี่เจย์