ฟางหรงยกยิ้มขึ้นมาเมื่อพระสนมยื่นถุงทองให้แก่นาง ใบหน้าที่งดงามนั้นพลันตกใจเล็กน้อย เนื่องจากฟางหรงคิดว่าตัวเองมิได้เป็นสตรีที่เพียบพร้อม ตรงกันข้ามในเรื่องมารยาท นับว่ายังบกพร่องอยู่มาก
แต่ทว่าสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้านอกจากมิได้ถือสาแล้ว ยังแสดงท่าทางเอ็นดูอีกด้วย..
ราวกับว่า ฟางหรงนั้นกำลังมองเห็นท่านแม่จากเงาของพระสนมไป๋เลย ผิดกันนิดหน่อยตรงที่ท่านแม่จะดุด่าก่อนที่จะแสดงท่าทางที่ใจดี
"จะให้...หม่อมฉันรับเอาไว้อย่างนั้นหรือเพคะ ผลไม้ตากแห้งพวกนี้นับว่าเป็นน้ำใจของหม่อมฉัน ไหนเลยจะกล้ารับของตอบแทน.."
ทองในถุงนั่นมีมูลค่าขนาดที่สามารถซื้อร้านผลไม้ตากแห้งได้เลย..จะมากล้ารับมาได้อย่างไรกัน?
"ฟางหรง ตัวข้านั้นมิอาจออกไปนอกจวนไป๋แห่งนี้ได้ ข้าได้แต่มองทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองหลวง ผ่านหน้าต่างของจวนไป๋ เมื่อสมัยยังวัยเยาว์ ข้าถือเป็นเด็กซุกซนผู้หนึ่ง สิ่งที่ข้าชื่นชอบนั่นคือการเข้าป่าเพื่อหาลูกพลับแห้งเหล่านี้ เจ้าทำให้ข้านึกถึงในสมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็ก..."
ถ้าหากสายตาของฟางหรงมองไม่ผิด เธอคิดว่าเธอมองเห็นความเหงาและความเศร้าผ่านทางสายตาของพระสนม
"แต่ถึงอย่างนั้น...สิ่งที่เสด็จแม่ให้มามันก็...มากไปอยู่ดีเพคะ"
นิ้วมือที่เรียวยาวของพระสนมยื่นมือมาจับมือของฟางหรงเอาไว้ ก่อนที่นางจะวางถุงทองนั่นใส่ในมือของลูกสะใภ้
"จวนไป๋คือตระกูลที่มั่งคั่งมิได้น้อยไปกว่าจวนฝูหรอกนะ รับเอาไว้เถิดฟางหรงถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนของข้า วันหลังก็ซื้อของมาฝากข้าบ่อยๆสิ อีกเรื่องคือ...จริงอยู่ที่ข้านั้นยอมหลับตาข้างหนึ่งเรื่องที่เจ้าชอบแอบหนีไปเที่ยว แต่หากผู้อื่นมาพบเห็นนั่นจะเกิดเรื่องเสื่อมเสียต่อเฟยเทียนและตัวเจ้าได้"
ฟางหรงก้มหน้าลงเล็กน้อย
"เรื่องนั้นเป็นหม่อมฉันที่คิดน้อยเกินไปเพคะ ขอพระสนม..อ่า..เสด็จแม่ได้โปรดให้อภัย"
พระสนมไป๋หัวเราะเบาๆ พร้อมกับวางหน้ากากที่มีรูปทรงแปลกประหลาดในมืออีกข้างของฟางหรง
"นี่คือหน้ากากวารีย์จันทร์ฉาย เพียงเจ้าสวมมันใบหน้าของเจ้าก็จะเปลี่ยนไป..."
ฟางหรงตกใจเล็กน้อย เพราะในมือนั่นคือของวิเศษแสนล้ำค่า ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนได้มาจากการไปปราบพวกชนเผ่าถิงหลาง เป็นของที่สร้างความโกลาหลให้กับราชสำนักไม่น้อย เพราะมีแต่คนที่อยากจะเห็นของวิเศษชิ้นนี้..
แต่ทว่าบางคนก็กล่าวว่ามันคือเรื่องเล่า หาได้มีอยู่จริงไม่ ข่าวลือต่างๆนาๆเกิดขึ้นมามาก สุดท้ายข่าวลือพวกนั้นก็จางหายไปตามกาลเวลา โดยที่ไม่มีใครรู้แท้จริงว่าของวิเศษชิ้นนี้เป็นเช่นไรกันแน่
ทว่าบัดนี้..มันอยู่ในมือของเธอ
"ขะ..ของล้ำค่าเช่นนี้..."
สนมไป๋ลูบผมที่นุ่มสลายของฟางหรงอีกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้นาง
"ในครั้งที่ข้าอายุเท่าเจ้า ข้าก็อยู่ในวัยที่อยากเที่ยวเล่นและอยากสนุกสนาน อยากมีอิสระ อยากโบยบินได้ดังเช่นวิหคที่โบยบินอยู่บนท้องนภา..แต่ทว่าข้ามิอาจกระทำเช่นนั้นได้เพราะข้าจะต้องเดินทางเข้าวังหลวง กำแพงวังที่สูงใหญ่กัดกินจิตใจที่สดใสของข้าไปจนหมดสิ้น...ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้ามันราวกับว่าข้ากำลังมองเห็นตัวเอง"
ต่างกัน...ตรงที่ตอนนั้น ตัวข้ามิได้รับความเอ็นดูและการสนับสนุนจากใคร ข้าต้องสู้อยู่เพียงลำพัง เป็นเด็กสาวที่ต่อสู้ท่ามกลางดงอสรพิษ...
เมื่อเห็นใบหน้าที่เจือปนไปด้วยความเศร้า ฟางหรงก็มิกล้ากล่าวปฏิเสธออกไป
ไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้ได้หรือไม่แต่เธอทำแบบนี้กับท่านแม่บ่อยๆนั่นคือการ...ขยับเข้าไปกอด
ฟางหรงกอดสนมไป๋แน่น ก่อนที่เธอจะหอมแก้มพระสนมเบาๆ
"ขอบคุณนะเจ้าคะ...ท่านแม่!"
และนั่นทำให้ในใจของหญิงสูงศักดิ์อ่อนยวบลงมา จากที่เอ็นดูเด็กผู้นี้เป็นทุนเดิม กลับยิ่งถูกใจมากขึ้น ชีวิตของนางมีลูกชายคนเดียว มิรู้ว่าตัวเองเลี้ยงเขามาเช่นไร เขาถึงได้เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางพายุหิมะ
เฟยเทียนมิเคยยินยอมให้นางกอดตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านล้ำลึกในขนาดที่นางเป็นแม่ นางก็ยังอ่านความคิดของเขาไม่ออกเลย
ดีจริงๆที่ได้ฟางหรงมาเป็นลูกสะใภ้ ในใจของสนมไป๋นั้นเชื่อเหลือเกินว่า ความอบอุ่นและความน่ารักของฟางหรง จะสามารถละลายภูเขาน้ำแข็งผู้นั้นลงได้อย่างแน่นอน
วันนี้...ถือเป็นวันที่ดียิ่งนัก เมื่อได้กลับมาถึงเรือนเก็บตะวัน ฟางหรงปิดประตูห้องเงียบพร้อมกับสั่งให้สาวใช้ทุกคนออกไป เหลือเอาไว้แค่อิงอิงเพียงผู้เดียว
เมื่อได้ไตร่ตรองดูแล้ว...การเป็นพระชายา นั้นว่างงานยิ่งนัก มิต้องดูแลจวนไป๋...มิต้องไปยกน้ำชาให้ฮูหยินเฒ่าและพระสนมไป๋ และสิ่งที่ดีที่สุดคือมิต้องรับใช้หรือว่าปรนนิบัติสามี
หนึ่งปี...
ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะต้องสร้างความมั่นคงขึ้นมา ต้องใช้ของวิเศษชิ้นนี้ให้เป็นประโยชน์...
ท่านพ่อ...จวนตระกูลฝูต้องมีปัญหาอย่างแน่นอนเพราะท่านพ่อจะต้องปฏิเสธและคืนของหมั้นให้แก่จวนตระกูลหนิง...
เนื่องจากจวนตระกูลหนิงเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงพอสมควร ไม่ว่าจะมองทางไหนเรื่องการคืนของหมั้นก็ต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
เธอไม่อาจเที่ยวเล่นไปวันๆได้อีกแล้ว จะต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ และร้านเหล้าของซูมี่นั่นคือคำตอบ!!
"...บ้าไปแล้วรึไง? เจ้าก็รู้ว่าการขายข่าวมันอันตรายแค่ไหน เรามิได้มีคนในปกครองจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องใช้เงินที่เรียกได้ว่ามหาศาล..."
ฟางหรงวางถุงทองเอาไว้เบื้องหน้าของสหาย
"นี่เจ้า...ขโมยมาอย่างนั้นหรือฟางหรง ให้ตายเถอะ!! หากถูกจับได้พวกเราได้ถูกประหารแน่!!"
ฟางหรงถอนหายใจเบาๆ
"นี่ข้าดูเหมือนคนเป็นขี้ขโมยอย่างนั้นหรือซูมี่ ทองพวกนี้พระสนมให้ข้ามาเอง ข้ามิได้หยิบฉวยมาจากผู้ใดทั้งนั้น!!"
ซูมี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
"...เช่นนั้น เราก็มาลองกันสักตั้งเถอะ เริ่มจากการสืบเรื่องของ...บัณฑิตฟู่หนานเป็นไง ชายผู้นั้นเป็นคนที่ชอบประจบสอพลอ โดยเฉพาะท่านลุงฝู...พ่อเจ้าแพ้ทางเขามากทีเดียว"
"เรื่องนั้นข้าก็อยากรู้...แต่ไม่ได้อยากรู้เท่ากับ พ่อข้าวางแผ่นอะไรกับท่านอ๋องกันแน่ การแต่งงานครั้งนี้...ข้อแลกเปลี่ยนมันคืออะไร?"
ซูมี่ดีดนิ้วเสียงดัง
"เรื่องนั้นเราต่างก็อยากรู้...และการสืบก็ง่ายดายแค่ปลอมตัวนิดๆหน่อยๆก็สามารถเข้าถึงตัวของท่านอ๋องได้แล้วฟางหรงสหายรัก"