บทที่ 2 ข้าต้องรีบอภิเษก

1605 คำ
            ท่าทางการเดินงุ่นง่านของร่างขาวใหญ่ทำเอานางกำนัลทั้งสองปวดศีรษะ             “องค์หญิงเพคะ หยุดก่อนเถอะ พวกเราปวดหัวแล้ว” นางกำนัลชาวเว่ยเอามือกุมขมับ รูปร่างนี้ขององค์หญิงนางเห็นทีไรก็ทำใจไม่ได้ทุกครั้ง             “พี่ซูเจิน ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์คับขันแล้วนะท่าน” เป่ยซูเมิ่งนางกำนัล  ผู้น้องน้ำเสียงร้อนรน             “หากเปิ่งกงยังไม่ได้อภิเษกในเร็ววัน เงินที่เราเตรียมมาก็คงจะหมดลง แล้วถ้าเกิดเอาสินเดิมที่ขนมาด้วยออกมาใช้ แคว้นเว่ยก็จะขายหน้า” หานซู่ลี่ขมวดคิ้วจนแทบจะจมหายในร่องก้อนเนื้อย่น             “เป็นเพราะท่านอ๋องเก้าทรงถ่วงเวลาหรือเปล่าเพคะ?”             “จะเพราะอะไรก็ตาม เปิ่นกงก็ต้องเร่งฮ่องเต้ ถ้าอยู่ในวังหลวงเช่นนี้ เปิ่นกงย่อมหาโอกาสเล็ดลอดออกไปข้างนอกได้ยากขึ้น” หานซู่ลี่แอบหลบออกไปข้างนอกสองครั้ง ครั้งแรกนางออกไปรับงานขนส่งของมีค่าให้กับคหบดีใหญ่ในเมืองหลวง พอได้เงินมาใช้จ่าย ครั้งที่สองนางบังเอิญพบว่า จวิ้นอ๋อง หมิงเฉินกงหรือองค์ชายสิบสองแอบปลอมเป็นพ่อค้าข้าวสารกำลังจะไปแคว้นจิน คราวนั้นนางใช้กำลังภายในผิดพลาดเพราะกะน้ำหนักไม่ดี ทำกิ่งไผ่ลำใหญ่หักไปหลายลำ ดีที่ไม่มีใครเห็นตัว             การอาศัยอยู่ตำหนักในวังหลวง ใช่ว่าจะไม่ต้องใช้เงิน เครื่องประทินโฉมที่ต้องซื้อหากัน ล้วนนำมาจากภายนอก เหล่าขันทีต่างก็มีธุรกิจด้วยกันทั้งสิ้น อยากได้ อยากใช้สิ่งใด หากมีอัฐทุกสิ่งล้วนหาได้ราวเสกจากเทพเซียน แม้แต่การจะได้รับประทานอาหารดีๆ หากมีเงินสอดใส่มือขันทีสักหน่อย ย่อมได้ลิ้มรสอาหารชั้นเยี่ยม             “นี่เปิ่นกงก็ใช้จ่ายจนหร่อยหรอแล้ว อยู่ในวังหลวงต้องมีหน้ามีตา เฮ้อ! ถ้าได้หลบไปอยู่วังอินทรีคงจะดีไม่น้อยพอได้หลบมุมแอบไปทำมาหากิน”             นับจากองค์ชายหานจินเลี่ยงแพ้ศึกให้แคว้นหมิงในคราวนั้น ท้องพระคลังก็แทบว่างเปล่า ราษฏรต้องถูกเก็บภาษีเพื่อมาจ่ายค่าบรรณาการ นางเองในฐานะองค์หญิงก็ต้องอยู่อย่างตระหนี่ เมื่อได้รับคำสั่งจากท่านพ่อให้เดินทางมาอภิเษกสมรส นางนำทรัพย์สินส่วนตัวส่วนหนึ่งออกมาตามหาท่านหมอเทวดาที่ลือกันทั่วแคว้นว่า สามารถปรุงยาต้านโรคระบาดผื่นแดงที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งนั้นได้  แต่หาแทบพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ นางกลับได้เจอกับเจ้าผีไร้หลุมแทน             “นี่หากองค์หญิงมิได้กินยาเจ้าผีไร้หลุมนั้น ป่านนี้ท่านอ๋องเก้าคงเร่งรีบอภิเษกสมรสไปแล้วกระมัง” เป่ยซูเจินได้แต่ทอดถอนใจ องค์หญิงผู้เลอโฉมของนาง เพียงชั่วข้ามคืนกลับกลายเป็นหมีขาวตัวใหญ่              “ช่างเถิด หากเปิ่นกงมาด้วยรูปลักษณ์นั้น ฮ่องเต้มักมากก็คงรีบเก็บเข้าตำหนักในทันที แต่ใครเล่าจะอยากแบ่งสามีกับผู้หญิงนับพัน”             หานซู่ลี่ไม่ได้สนใจว่าตนเองจะสวยงามหรือขี้ริ้ว แต่สิ่งที่ลำบากอยู่ในร่างนี้ก็คือ การกินอาหารในจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า หากกินไม่เพียงพอจะมีอาการหิวโหย ก้อนเนื้อใหญ่ที่เทอะทะเกาะตามร่างกายทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก ที่สำคัญ คือ อาการผายลมในบางครั้งที่นางมักจะควบคุมไม่ได้             ‘เจ้าผีไร้หลุมไม่ได้บอกอาการข้างเคียงกับข้า แถมยังไม่รู้ว่าจะปรุงยาแก้อาการนี้สำเร็จเมื่อใด’             ในตอนที่นางกินยานั้นเป็นช่วงที่เจ้าพี่จินเลี่ยงเร่งเร้าให้นางรีบขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว นางที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักมานับสัปดาห์จึงตัดสินใจกินยา หลังจากนอนในเกี้ยวผ่านไปหนึ่งคืน พื้นเกี้ยวเจ้าสาวก็ทรุด ร่างของนางที่ขยายจนเต็มเกี้ยวก็ทำให้ทุกคนถึงกับอัศจรรย์ใจ             เกี้ยวใหม่ถูกสร้างให้ใหญ่ขึ้นอีกสี่เท่าในเมืองที่เดินทางผ่าน เปลี่ยนจากคนหามเป็นเอาใส่เกวียนแล้วใช้วัวตัวใหญ่มาลาก ระหว่างที่ผ่านเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นหมิง นางได้ยินชาวเมืองเอ่ยอย่างประหลาดใจถึงเกี้ยวเจ้าสาวที่ใหญ่โตของแคว้นเว่ย นางได้แต่นั่งส่ายหน้าอูมๆ อยู่ภายใน             “องค์หญิงแอบเข้าวังอินทรีบ้างหรือยังเพคะ?”             “เปิ่นกงเข้าไปสืบแล้ว อ๋องเก้ามีชายาเอกหนึ่งนาง และชายารองอีกหนึ่ง อยู่เรือนใกล้กับพระสนมโจว” พระสนมโจว มารดาของท่านอ๋องเก้า สืบสายมาจากราชวงศ์ของแคว้นผิงทางตอนใต้ของแคว้นหมิง ดินแดนส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำเหมาะแก่การเพาะปลูก เมื่อมาอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้รัชกาลก่อน จึงทรงนำเอาพระญาติส่วนหนึ่งมาทำธุรกิจค้าธัญพืชและผ้าไหมด้วย             “เรือนที่เขาเตรียมไว้ให้เปิ่นกงอยู่ด้านหลัง เหมาะกับการแอบลักลอบทำงานมาก เห็นทีต้องไปเร่งอภิเษกอีกครั้ง”               เมื่อเร่งรัดฮ่องเต้ไปหนึ่งครั้ง เห็นว่าทรงไม่กระตือรือร้น องค์หญิงหานซู่ลี่จึงขออาสาอยู่ตำหนักในเป็นพระสนมของฮ่องเต้แทน ทำให้ฮ่องเต้หมิงรีบส่งกงกงไปเร่งรัดวังอินทรีให้จัดงานอย่างเร่งด่วน             ในช่วงที่ทารกแฝดสี่อายุได้เจ็ดเดือน พิธีอภิเษกสมรสระหว่างท่านอ๋องเก้าแห่งวังอินทรีกับองค์หญิงหานซู่ลี่แห่งแคว้นเว่ยจึงได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ฮ่องเต้ให้ถือวังหลวงเป็นบ้านเดิมของเจ้าสาว เมื่อขบวนรับองค์หญิงมาถึง ฮ่องเต้ก็ทรงสมทบทรัพย์สินส่วนหนึ่งให้เป็นสินเดิมของเจ้าสาวอย่างไม่ตระหนี่ ขอเพียงองค์หญิงซู่ลี่มีความสุขในการออกจากวังหลวงไป             ขบวนแห่เจ้าสาวอันยาวเหยียดยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์แคว้นเว่ย ทำให้ชาวเมืองออกมาชี้ชวนกันดูอย่างตื่นเต้น ท่านอ๋องเก้าทรงม้าสีน้ำตาลทองตัวใหญ่ องค์ชายรูปงามในชุดสีแดงช่างบาดตาบาดใจสตรีเมืองหลวงยิ่งนัก พวกนางล้วนยกผ้าขึ้นซับน้ำตาด้วยความเสียดาย             “ไม่น่าเลยท่านอ๋องเก้า ต้องตกเป็นของหมีขาวตัวนั้นแล้ว”             นับจากนี้ต่อไป ตำแหน่งพระชายาเอกของท่านอ๋องเก้ามีผู้ที่น่ากลัวเกรงอย่างถึงที่สุดประจำการอยู่ บรรดาคุณหนูน้อยใหญ่คงไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองพระพักตร์ แค่ได้เห็นยินคำร่ำลือเกี่ยวกับขนาดพระวรกายของพระชายาเอกทุกคนก็ขนพองสยองเกล้ากันทั่วหน้า             “หากเจ้ากล้ายิ้มให้ท่านอ๋องเก้า ระวังองค์หญิงหมีขาวจะมาฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ ล่ะ” คำขู่ที่คุณชายทั้งหลายใช้ข่มขู่หญิงสาวให้พวกนางเลิกหวังในตัวท่านอ๋องเก้า นับจากนี้ไปเมืองหลวงจะหมดชายหนุ่มที่ดึงดูดจิตใจหญิงสาวไปอีกหนึ่ง ทุกคนล้วนโล่งใจ             ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมาเป็นประธานในงานเช่นเคย งานนี้ชินอ๋องและพระชายาเอกก็มาร่วมงานด้วย บรรดาองค์ชายที่เหลือต่างมาอวยพรอย่างโล่งใจที่ตนรอดพ้นภัยพิบัติไปได้ จึงต่างสรรหาของขวัญงานแต่งงานที่ดีที่สุดให้แก่ ท่านอ๋องเก้า ผู้เสียสละต่อแผ่นดิน             แม้แต่องค์ชายสิบและองค์ชายสิบเอ็ดที่นับเป็นฝ่ายของฮองเฮาก็ยังมอบสิ่งที่ท่านอ๋องเก้าคาดไม่ถึง นั่นคือ เนื้อหยกชั้นดีที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อหลายปีก่อน องค์ชายเก้าเคยเอ่ยขอแลกกับของมีค่าที่ตนมี แต่องค์ชายสิบกลับไม่แยแส มาบัดนี้เพียงเพราะการอภิเษกสมรสกับหมีขาว ข้าวของหายากมากมายที่เคยเอ่ยปากอยากได้กับคนในราชวงศ์ถึงกับมากองอยู่ตรงหน้า ‘การอภิเษกสมรสนี้ก็ไม่เลว แค่เลี้ยงหมีขาวเพิ่มในสวนหลังบ้านอีกตัว ทรัพย์สินเพิ่มพูนทวี’             ในช่วงไหว้ฟ้าดิน องค์หญิงซู่ลี่จึงได้แต่ประหลาดใจที่ท่านอ๋องเก้าเปลี่ยนจากใบหน้าเรียบเฉยเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสฉับพลัน             ‘เอาไว้เสร็จพิธีก่อนเถอะ เจ้าหมีขาว ข้าจะให้เจ้าไปเลี้ยงสัตว์ ปลูกผักที่หลังวังโน่น สวนป่าก็มีมากมาย คงไม่ลำบากนักหรอก’                                 **************************** ไรท์แนะนำ.....นิยายซีรี่ย์นี้มีทั้งหมด 6 ภาคด้วยกัน (เขียนถึงต้นสิงหาคม 2564) ซึ่งแต่ละเรื่องสามารถอ่านแยกกันได้ เพียงแต่ตัวละครจะรู้จักหรือเป็นญาติกันคะ่ เรื่องที่ 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี" เรื่องที่ 2 "ท่านอ๋องเป็นของข้า" พระเอกคือ หมิงเฉินกง เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่่องที่ 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" พระเอกคือ ท่านอ๋องเก้า เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" พระเอก คือ ฟ่านหลี่เจี๋ย เป็นพี่ชายของนางเอกภาค 1 เรื่องที่ 5 "ซือซือ ฮองเฮาพันโฉม" พระเอกคือ ฮ่องเต้หมิง พี่ชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 6 "สายลับจับอ๋องใหญ่" พระเอกคือ องค์ชายจินเสวี่ยหลงพี่ชายของนางเอกภาค 2 ทุกเล่มมี EBOOK จำหน่ายค่ะทางเว็บไซต์ขายอีบุ๊กหลายเว็บนะคะ.....ติดตามข้อมูลนิยายของไรท์ได้ทางเฟสบุ๊กจ้า https://web.facebook.com/Chaomuangtawanok
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม