อันปันและแพมกำลังนั่งรวมอยู่กับพวกปีหนึ่งคนอื่น ๆ เพื่อร่วมกิจกรรมรับน้องที่พวกรุ่นพี่พาทำทั้งร้องเพลง ทั้งเต้นและกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย จนมาถึงเวลาบรรดารุ่นพี่กระจายตัวเดินไปตามแถวของพวกรุ่นน้องปีหนึ่งก่อนที่พวกรุ่นพี่พวกนั้นจะหยุดยืนอยู่ตามจุดต่าง ๆ จนแพมอดสงสัยไม่ได้ถึงกับแอบกระซิบถามอันปันด้วยความสงสัย
“ปันแกว่าพวกรุ่นพี่เขาไปหยุดยืนแบบนั้นทำไมวะ”
“ปันไม่รู้เหมือนกัน แต่ปันว่าเงียบ ๆ ดีกว่ารุ่นพี่เดินมาทางนี้แล้ว” พออันปันพูดจบก็มีรุ่นพี่มาหยุดยืนอยู่ตรงจุดที่อันปันกับแพมนั่งอยู่
“เอาละครับน้อง ๆ พี่รู้ว่าน้อง ๆ คงกำลังสงสัยกันอยู่ว่ารุ่นพี่ไปยืนอยู่ในแถวคู่กับน้อง ๆ ทำไม พี่จะเฉลยให้ก็ได้ครับ คือเรากำลังจะคัดเลือกรุ่นน้องไปประกวดดาวเดือน ดังนั้นรุ่นน้องที่มีรุ่นพี่ยืนประกบอยู่ลุกขึ้นแล้วเดินมาด้านหน้าเลยครับ” สิ้นเสียงของต้นที่เป็นประธานรุ่นพูดจบก็มีเสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งบอกให้อันปันลุกขึ้น
“น้องค่ะลุกขึ้นและเดินออกไปด้านหน้าเลยค่ะ”
“เอ่อ... แต่” อันปันลุกขึ้นยืนด้วยอาการลังเลเธอไม่เคยอยากเข้าประกวดดาวเดือนอะไรนั้นเลยสักนิด หน้าตาเธอก็ไม่ได้สวยพอที่จะไปสู้กับใครเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงความสามารถพิเศษอะไรนั่นยิ่งไม่มีใหญ่เลย อันปันหันหน้าไปมองแพมอย่างขอความเห็นแต่กลับได้รับรอยยิ้มกับการพยักหน้าเป็นกำลังใจกลับมาแทน
“ไปค่ะน้อง คนอื่น ๆ รออยู่”
“ค่ะ” อันปันจำใจเดินตามรุ่นพี่ไปยังด้านหน้าเธอเดินไปต่อแถวหน้าด้านตามที่รุ่นพี่บอกอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เอาละครับตอนนี้เราได้เลือกคนที่มาเป็นตัวแทนไปดาวเดือนเราแล้วนะครับ ต่อไปนี้ก็ให้น้อง ๆ เป็นคนช่วยกันโหวตว่าจะให้คนไหนเป็นตัวแทนของคณะเราเพื่อเข้าประกวดดาวเดือนของมหาลัยแข่งกับคณะอื่น ๆ” หลังจากรุ่นน้องที่ถูกคัดเลือกทุกคนไปยืนอยู่ด้านหน้าครบแล้วต้นประธานรุ่นก็พูดชี้แจงรายละเอียดให้ทุกคนฟังก่อนจะบอกให้รุ่นน้องปีหนึ่งทุกคนโหวตเลือกคนที่ถูกใจที่สุดเพื่อให้เป็นดาวเดือนของคณะ
“เอาละครับเรามาเริ่มลงคะแนนโหวตกันเลยดีกว่า พวกรุ่นพี่ช่วยนับคะแนนกันด้วยนะครับ” จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้น้อง ๆ ออกไปยืนด้านหน้าทีละคนเพื่อนับคะแนนโหวตเริ่มจากคนแรกไปจนถึงคนสุดท้าย ในระหว่างที่ทำการโหวตก็จะมีเสียงพูดคุย เสียงแซวของรุ่นน้องปีหนึ่งที่นั่งอยู่ดังมาให้ได้ยินมาตลอดเวลา
“คนนั้นก็สวยคนนี้ก็น่ารักเลยกูเลือกไม่ถูกเลยโว้ย”
“ไอ้ห่า เลือกไปเถอะ”
“กรี๊ดดด คนนั้นก็หล่อคนนี้ก็เท่ห์ ทำไงดีอยากได้ทั้งคู่”
“พ่อของลูกชัด ๆ”
“แกฉันอยากได้เขา” ฯลฯ
หลังจากการโหวตจบลงฝ่ายชายคนที่ได้รับเลือกให้เป็นเดือนคือเต้ยหนุ่มหล่อที่ชนะคะแนนโหวตแบบขาดลอยและฝ่ายหญิงคืออันปันสาวสวยหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักกับลิลลี่สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงซึ่งทั้งสองคนได้คะแนนโหวตเท่ากันแบบกินกันไม่ลง ทำให้รุ่นพี่ต้องหันหน้าไปปรึกษาหารือกันในจังหวะนั้นเองอันปันก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปเธอเดินออกจากแถวเข้าไปหารุ่นพี่เพื่อขอสละสิทธิ์ในการเข้าประกวด
“เอ่อ พี่คะ หนูขอสละสิทธิ์ไม่เข้าร่วมประกวดดาวเดือนนะคะ พอดีหนูไม่ค่อยสะดวกเรื่องเวลามาซ้อม หนูกลัวว่าจะทำให้พี่ ๆ หรือเพื่อน ๆ ลำบากและเสียเวลากับหนู หนูขอโทษนะคะ”
“น้องแน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ”
“อืม งั้นก็ตามใจน้องแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ” อันปันยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่ที่เข้าใจเหตุผลของเธอทำให้ไม่ต้องเข้าประกวดดาวเดือนในครั้งนี้
เมื่อได้ผลสรุปแล้วต้นประธานรุ่นก็เดินออกไปประกาศผลว่าให้ลิลลี่กับเต้ยเป็นตัวแทนของคณะในการเข้าประกวดดาวเดือนในปีนี้ จากนั้นรุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้อง ๆ แยกย้ายได้
หลังจากเลิกแถวแพมก็ไม่รอช้าที่จะรีบเดินเข้าไปหาอันปันทันที เธออยากรู้และสงสัยเหลือเกินว่าเพื่อนสนิทคนสวยของเธอไปคุยอะไรกับรุ่นพี่ ในเมื่อเธอเชื่อมั่นว่าอันปันต้องได้เป็นตัวแทนในการประกวดดาวเดือนครั้งนี้อย่างแน่นอนเพราะความสวยและความน่ารักสดใสของเพื่อนสามารถดึงดูดคนรอบข้างให้เข้าหาตัวโดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
“ปัน แกไปคุยอะไรกับรุ่นพี่ ทำไมเขาถึงให้ยัยลิลลี่อะไรนั่นไปเป็นตัวแทนแทนที่จะเป็นแก”
“ก็ปันไปบอกว่าปันไม่อยากเป็นและไม่สะดวกเรื่องเวลา ขอสละสิทธิ์”
“โห... แกอ่ะ” แพมทำหน้าตาท่าทางเสียดายแทนอันปันเพื่อนรักเป็นเธอหน่อยไม่ได้เธอจะทุ่มสุดตัวเพื่อการประกวดครั้งนี้เลย
“แพมอย่าลืมสิว่าปันต้องทำงานตอนเย็นจะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมประกวดดาวเดือนอะไรนั้นได้”
“อืม ก็จริงอย่างที่ปันว่า แต่ถ้าปันได้ประกวดจริง ๆ นะเดี๋ยวเจ๊แพมคนนี้จะควักเงินจ่ายเบี้ยเลี้ยงรายวันให้ปันแทนค่าจ้างเอง” แพมพูดออกมาพร้อมกับทำท่าทำทางยืดอกยักคิ้วหลิ่วตาออกอาการเหมือนเจ๊ใหญ่สายเปย์ยังไงยังงั้นจนอันปันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่เอาน่าแพมแค่นี้ปันก็เกรงใจแพมกับครอบครัวจะแย่แล้ว”
“อย่าคิดมากน่า พ่อแม่แพมก็รักปันเหมือนลูกสาวคนหนึ่งเลยนะ”
“ปันเข้าใจและก็ขอบคุณมากเลยนะ”
“ไม่ต้องคิดมาก”
“งั้นปันขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
“ให้แพมไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอกยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะปันขอเดินไปเองดีกว่าถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย”
“เฮ้อ... ตามใจแล้วกันงั้นปันติดรถแพมไปลงหน้ามหาลัยก็แล้วกัน” แพมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับนิสัยขี้เกรงใจของเพื่อนสนิทไม่ว่าจะกี่ปีต่อกี่ปีก็ยังเหมือนเดิม
“อืม งั้นก็ได้” พูดจบทั้งสองสาวก็เดินไปยังรถที่จอดอยู่ในลานจอดของมหาลัยก่อนทั้งคู่จะขึ้นรถไปด้วยกันและขับออกไป
คลอสที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับรูปภาพของอันปันในอิริยาบถต่าง ๆ บนไอแพดหลังจากที่ลูกน้องส่งมาให้ดู ทุกวันนับตั้งแต่วันที่เขาส่งคนไปติดตามอันปันตั้งแต่แรกวันที่เขาไปส่งเธอที่ที่พักแล้วรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยนั่นแหละ ยิ่งมองก็ยิ่งอยากเจอทำยังไงเขาถึงจะได้เจอได้คุยกับเธออีกนะ นี่เขาก็รอมาหลายวันแล้วเธอก็ไม่ยอมโทรติดต่อเขามาสักทีทั้งที่เขาก็ให้นามบัตรไปแล้วแท้ ๆ
“ฮะแอ่ม ๆ ๆ เจ้านายครับ” ไรอัลส่งเสียงกระแอมไอออกมาเพื่อให้คลอสที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองหันมาสนใจเขาสักนิด นี่ขนาดเขาเคาะประตูห้องก่อนเข้ามาจนเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแล้วคลอสก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวสักนิดว่ามีเขาอยู่ในห้องด้วย
“…” คลอสไม่ตอบเพียงแค่ตวัดสายตาดุ ๆ ไปมองไรอัลด้วยความไม่พอใจก่อนจะวางไอแพดในมือลง
“ไม่ต้องมองกระผมด้วยสายตาแบบนั้นหรอกครับ ผมแค่มาเอาเอกสารที่เอามาให้เจ้านายเซ็นเมื่อเช้าคืนเองครับ ไม่ทราบว่าเจ้านายเซ็นให้กระผมหรือยังครับหรือมัวแต่ดูรูปสาวจนไม่เป็นอันทำอะไร หึหึ” ไรอัลพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้ากับสายตาล้อเลียน ก็หลายวันมานี่เจ้านายเขาเหมือนกับจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเขาก็รู้ว่าไอ้อาการที่คลอสเป็นอยู่นี่สาเหตุมาจากอะไรถ้าไม่ใช่แม่ตุ๊กตาตัวน้อยคนนั้น
“...” คลอสไม่ตอบแต่กลับโยนเอกสารไปตรงหน้าไรอัลอย่างแรงแทนจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ยังไม่วายตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ กับท่าทางล้อเลียนอาการไม่พอใจของคลอส
“ขอบคุณครับ”
“ไรอัล!!” คลอสเรียกไรอัลให้หยุดก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบจริงจังเหมือนโหมดทำงานปกติไม่มีการหยอกล้อพูดเล่น
“ครับ”
“ฉันต้องการประวัติของอันปันทั้งหมด อย่างละเอียด”
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดให้”