4
ปกติดวงใจก็ประทับใจคุณพร้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายทั้งหล่อและก็ยังเป็นคนตั้งชื่อให้ดวงใจตั้งแต่แรกเกิดด้วย พอตอนนี้มา…ยิ่งดวงใจได้เห็นและได้สัมผัสถึงความใจดีของคุณพร้อมด้วยตนเอง ไม่ได้ผ่านการบอกเล่าจากปากใคร นั่นก็ยิ่งทำให้ดวงใจรู้สึกประทับใจคุณพร้อมมากขึ้นกว่าเดิมอีก
จนกลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าคุณพร้อมจะทำอะไร มันก็ดูเข้าตาดวงใจไปเสียหมด
“ยังไงวันนี้ใจก็ขอบคุณคุณพร้อมมากเลยนะจ๊ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย” ในช่วงเย็นของวันหลังกลับเข้ามาในไร่แล้ว ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระของใครของมัน ดวงใจก็ได้เอ่ยขอบคุณเจ้านายของพ่ออย่างจริงใจ
“อืม ไม่เป็นไร แต่ว่าหลังจากที่เธอได้โทรศัพท์ไปแล้วก็อย่าลืมลองใช้งานดูนะดวงใจ ช่วงแรก ๆ มันอาจจะยากไปเสียหน่อย แต่เดี๋ยวสักพักก็จะชินเองแหละ”
“ได้จ้ะ คุณพร้อม งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วใจกลับบ้านของตัวเองเลยนะจ๊ะ”
“ครับ แล้วเจอกันใหม่นะ” คุณพร้อมเอ่ยพร้อมพยักหน้าตอบกลับมา แล้วในหลังจากนั้นพวกเขาก็ต่างแยกย้ายกลับที่พักของตนเองทันที โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
“พ่อ! แม่! ใจกลับมาแล้วจ้ะ” เมื่อเดินกลับมาถึงบ้านดวงใจก็ตะโกนบอกผู้เป็นพ่อเป็นแม่ตามความเคยชินทันที โดยหลังจากที่เขาตะโกนออกไปเช่นนั้น พ่อของเขาก็ได้เดินออกมาหาดวงใจด้วยสภาพผ้าขาวม้าผืนเดียว
“เอ็งกลับมาแล้วหรือ ไหนได้โทรศัพท์รุ่นอะไรมา เอามาให้พ่อดูหน่อยซิ” พ่อของดวงใจเอ่ยพลางทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น เพื่อรอให้ดวงใจนำโทรศัพท์ที่ได้มาในวันนี้ไปให้อีกฝ่ายดู
“ทำไมถึงได้ยี่ห้อนี้มาล่ะดวงใจ พ่อให้เงินเอ็งไปแค่พันห้าเองนะ แต่เครื่องนี้มีราคาสูงเป็นหมื่น ๆ เลยไม่ใช่เหรอ” ยังไม่ทันที่ดวงใจจะได้แกะกล่องโทรศัพท์ให้พ่อดูด้วยซ้ำ พ่อของเขาก็ได้พูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์รูปผลไม้ติดอยู่ข้างกล่อง
“ก็…”
“ก็อะไร”
“ก็ใจไปร่วมสนุกกับร้านขายโทรศัพท์มาไงจ๊ะ แล้วก็โชคดี๊โชคดีที่ได้รางวัลใหญ่ของที่ร้านมาเลย” ดวงใจตัดสินใจพูดโป้ปดคำโต แล้วในเวลาเดียวกันนั้นกรอบหน้าของเขาก็เริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“จริงเหรอ?”
“ก็จริงสิจ๊ะพ่อ ก่อนออกจากบ้านใจก็เพิ่งบอกพ่อไปแท้ ๆ ว่าใจมีเงินเก็บเหลืออยู่แค่ไม่กี่บาทเอง เพราะงั้นใจจะเอาเงินจากไหนมาซื้อโทรศัพท์เป็นหมื่น ๆ ได้ล่ะจ๊ะ” ดวงใจเอ่ยพลางส่งยิ้มแห้งให้กับพ่อ แล้วในหลังจากนั้นเขาก็รีบคืนเงินจำนวนพันห้าให้อีกฝ่ายทันที
“แล้วเครื่องสำอางถุงใหญ่นี่ล่ะ ได้มาจากไหน?” พ่อของดวงใจซักไซ้ต่อ
“อ—เอ่อ” คราวนี้ดวงใจเริ่มมีอาการอึกอักอย่างเห็นได้ชัด หลังเขากำลังคิดคำโกหกไม่ทัน
“ดวงใจ…เราเป็นครอบครัวและมีกันอยู่แค่สามคนเท่านั้นนะลูก เพราะงั้นถ้ามีอะไรก็อย่าโกหกกันเลย” พ่อของดวงใจพูดขึ้นทันที หลังอีกฝ่ายเห็นท่าทีอึกอักของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจต้องตัดสินใจพูดความจริงออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“คุณพร้อมเขาซื้อให้จ้ะ”
“….”
“ใจพยายามปฏิเสธเขาแล้วนะพ่อ แต่ว่าคุณพร้อมเขาอยากซื้อให้ใจจริง ๆ” ดวงใจว่าพร้อมเริ่มทำหน้าจะร้องไห้ออกมาทันที เมื่อเขาเห็นว่าพ่อของตนเองมีท่าทีนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด
“นายมั่น…นายมั่นอยู่บ้านหรือเปล่า?” ราวกับมีปาฏิหาริย์…เพราะในจังหวะที่ดวงใจเตรียมใจที่จะถูกพ่อดุ อยู่นั้น จู่ ๆ คุณพร้อมก็แวะมาหาพ่อของเขาถึงที่บ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งนั่นก็ทำให้สองพ่อลูกที่กำลังนั่งคุยกันอยู่หันกลับไปมองผู้เป็นเจ้าของไร่อย่างตกใจทันที
“อ้าว…กำลังสอบสวนลูกอยู่หรือไง? ทำตัวเป็นตำรวจไปได้น่า” คุณพร้อมว่าเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าพ่อกับดวงใจกำลังนั่งจับเข่าคุยกันอยู่ โดยตรงหน้าของพวกเขานั้นก็มีถุงของที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ตั้งเอาไว้ด้วย
“คือฉันจะมาถามเรื่องเอกสารที่ให้ไปติดต่อกับเทศบาลน่ะ ตกลงได้ความว่ายังไงบ้าง” คุณพร้อมเอ่ยถาม
“อ๋อ งั้นรอสักครู่นะครับคุณพร้อม เพราะเขาให้ใบอะไรก็ไม่รู้กลับมา” พ่อของดวงใจเอ่ยพร้อมรีบลุกขึ้นไป เพื่อไปหยิบเอกสารบางอย่างกลับมาให้คุณพร้อม
“นี่ครับคุณพร้อม แล้วเขาก็ฝากมาบอกว่าวันจันทร์หน้าก็ให้แวะเข้าไปอีกครั้งนะครับ เพราะเอกสารที่ขอไปก็น่าจะเสร็จในวันนั้นพอดี” พ่อของดวงใจพูดต่อ เมื่ออีกฝ่ายได้นำเอาเอกสารบางอย่างมาให้คุณพร้อมแล้ว
“โอเค ยังไงฉันก็ขอบใจมากนะที่เป็นธุระให้น่ะ”
“ด้วยความยินดีเลยครับคุณพร้อม”
“อ้อ! แล้วก็อย่าไปดุดวงใจเชียวล่ะ เพราะฉันเป็นคนคะยั้นคะยอจะขอซื้อเครื่องสำอางให้ดวงใจเองแหละ” คุณพร้อมพูดต่อพร้อมหันมาสบตากับดวงใจเล็กน้อย โดยในจังหวะที่พ่อของเขากำลังเผลอนั้น อีกฝ่ายก็ได้แอบขยิบตาให้ดวงใจหนึ่งทีเป็นอันรู้กัน
ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจต้องเผยยิ้มออกมา เพราะคุณเขาอีกครั้ง
“ถึงคุณพร้อมเขาจะบอกว่าอยากซื้อให้แกเองก็เถอะ…แต่เครื่องสำอางราคาหลายร้อยขนาดนั้น ทำไมแกถึงกล้ารับไว้ล่ะดวงใจ แม่ไม่เข้าใจแกจริง ๆ เลยนะ”
“ก็…”
“ก็อะไรล่ะดวงใจ? ลึก ๆ แล้วแกเองก็อยากได้เครื่องสำอางไม่ใช่หรือไง รึจะเถียงแม่?”
“แม่…แต่ว่าตอนนั้นใจก็พยายามปฏิเสธคุณพร้อมแล้วนะจ๊ะ เพราะใจเองก็ไม่ได้อยากให้คุณเขาซื้อให้ขนาดนั้นสักหน่อย” ดวงใจบอกแม่ทั้งคิ้วขมวด พลางยื่นมือเข้าไปรับถ้วยแกงจืดหน่อไม้มาจากเธอด้วย หลังเธอบอกให้ดวงใจนำเอาแกงจืดหน่อไม้ถ้วยนี้ไปให้คุณพร้อมทานเป็นกับข้าวมื้อเย็น เพื่อเป็นการขอบคุณที่อีกฝ่ายอุตส่าห์ใจดีซื้อเครื่องสำอางมูลค่าหลายร้อยบาทให้ดวงใจในวันนี้
“ตอนนั้นแกจะปฏิเสธยังไงแม่ไม่รู้นะ แต่ว่าหลังจากนี้แกห้ามรับของจากคุณพร้อมอีกเด็ดขาด แม้เขาจะเต็มใจอยากจ่ายให้แกเองก็เถอะ แต่ยังไงแกก็ต้องห้ามรับของจากเขา…เพราะเราเองก็มีมือมีเท้าทำงานหาเงินได้เหมือนกัน อย่าไปติดนิสัยชอบรับของจากคนอื่นจนกลายเป็นความเคยชินเข้าใจไหม?”
“….”
“ดวงใจ นี่แกเข้าใจที่แม่สอนหรือเปล่า?” แม่ของเขาพูดต่อเสียงเข้ม เมื่อเธอเห็นว่าดวงใจไม่มีท่าทีที่จะขานรับคำสอนจากเธอแต่อย่างใด
“จ้ะ ๆ ใจเข้าใจแล้วจ้ะ” ฝั่งของดวงใจหลังจากที่เขาเห็นว่าแม่ของตัวเองจี้ถามไม่ยอมหยุด สุดท้ายดวงใจก็ได้แต่ขานรับทั้งหน้ามุ่ย ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะนำเอาแกงจืดหน่อไม้ที่กำลังอุ่นได้ที่เดินไปหาคุณพร้อมที่บ้านหลังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของไร่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“มีใครอยู่บ้านไหมจ๊ะ!!” เมื่อดวงใจเดินมาถึงบ้านพักของคุณพร้อมแล้ว เขาก็จัดการถือแกงจืดหน่อไม้ด้วยมือข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่เคาะประตูบ้านที่เป็นกระจกใสแบบบานเลื่อนเพื่อเรียกเจ้าของบ้าน ซึ่งดวงใจก็ได้ใช้เวลายืนรอคุณพร้อมอยู่ที่หน้าบ้านครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านจะเดินออกมาหากันด้วยหน้าตาตื่น ๆ
“ใจมีอะไรเหรอ?” คุณพร้อมถาม
“พอดีแม่ให้เอาแกงจืดหน่อไม้มาให้คุณพร้อมจ้ะ”
“….”
“ถือเสียว่าเป็นคำขอบคุณที่คุณพร้อมอุตส่าห์ซื้อเครื่องสำอางให้ดวงใจไง” ดวงใจขยายความต่ออีกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าคุณพร้อมหลุบตามองถ้วยแกงจืดที่อยู่ในมือของดวงใจด้วยสีหน้ามึนงง
“อ๋อ งั้นใจก็เดินเข้ามาในบ้านก่อนสิ” หลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นคุณพร้อมก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อให้ดวงใจได้นำเอาแกงจืดหน่อไม้ไปวางบนโต๊ะทานข้าวไว้ให้ โดยนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ดวงใจได้มีโอกาสเดินเข้ามาในบ้านหลังนี้ เพราะโดยปกติแล้วหากคุณพร้อมไม่ได้แวะเข้ามาดูไร่กาแฟ บ้านหลังนี้ก็จะถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาและจะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดให้สัปดาห์ละหนึ่งครั้งเท่านั้น
“เป็นอะไรทำไมหน้าบูดขนาดนั้น” เมื่อดวงใจวางถ้วยแกงจืดไว้ให้คุณพร้อมเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ถามขึ้นทันที
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร” ดวงใจตอบกลับไป
“หรือว่า…เธอยังโดนดุเรื่องเครื่องสำอางชิ้นนั้นอยู่?”
“….”
“นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย? งั้นเดี๋ยวฉันไปคุยให้อีกรอบดีกว่า” คุณพร้อมไม่พูดเปล่า แต่ยังตั้งท่าจะเดินออกจากบ้านเพื่อไปคุยกับพ่อแม่ให้ดวงใจอีกรอบด้วย
“ไม่เป็นไรจ้ะคุณพร้อม! เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่างมันไปเลยดีกว่า” ดวงใจที่เห็นเช่นนั้นรีบรั้งแขนของคุณพร้อมด้วยความตกใจทันที ซึ่งพอเขาตระหนักได้ว่าเพิ่งจะไปสัมผัสร่างกายเจ้านายของพ่อโดยพลการ ดวงใจก็รีบปล่อยมือออกจากแขนของคุณพร้อมโดยพลัน
“ขอโทษจ้ะ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่คนถือตัวอะไรอยู่แล้ว…แล้วนี่เธอโดนพ่อแม่ดุเพราะฉันจริง ๆ เหรอ? แต่ว่าฉันเองก็พูดไปแล้วนะว่าเต็มใจซื้อเครื่องสำอางชิ้นนั้นให้เธอเอง เธอไม่ได้ขอให้ฉันซื้อให้สักหน่อย” คุณพร้อมเอ่ยทั้งคิ้วขมวด
“ใจก็พูดอย่างนั้นแหละจ้ะคุณพร้อม แต่พ่อแม่ของใจเขาเกรงใจคุณพร้อมจริง ๆ แล้วอีกอย่าง…เขาก็ไม่อยากให้ใครมาซื้อของแบบนี้ให้ใจด้วย เพราะเดี๋ยวใจจะนิสัยเสียเอา” ดวงใจอธิบายเหตุผลของพ่อแม่ให้คุณพร้อมฟังแล้วรีบพูดต่อ เพื่อตัดบทเตรียมจะเดินทางกลับบ้านพักของตัวเอง เนื่องจากพ่อแม่กำลังนั่งรอกินข้าวเย็นพร้อมกันอยู่
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ใจขอตัวกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ” ดวงใจบอกคุณพร้อม แล้วเตรียมตัวจะเดินกลับบ้านพักของตนเองทันที ซึ่งในคราวนี้ก็กลับเป็นคุณพร้อมเสียเองที่เป็นฝ่ายรั้งแขนของดวงใจเอาไว้
“คุณพร้อมมีอะไรอีกเหรอจ๊ะ?” ดวงใจเอ่ยถามเจ้านายของพ่ออย่างงุนงง
“นี่เธอกินข้าวหรือยัง?” คุณพร้อมถามกลับมา
“อ๋อ…ยังหรอกจ้ะ แต่ว่าหลังจากที่ใจเอาแกงจืดมาให้คุณพร้อมเสร็จแล้ว ใจก็จะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านต่อเลย” ดวงใจตอบคุณพร้อมไปตามตรง
“ไม่ต้องไป” คุณพร้อมตอบกลับมาทันควัน
“….”
“เดี๋ยวเธออยู่กินข้าวเย็นกับฉันที่นี่แหละ เพราะแม่บ้านกำลังจะตั้งโต๊ะทานข้าวให้ฉันพอดี”
“นี่คุณพร้อมพูดอะไรเนี่ย…เดี๋ยวใจก็โดนพ่อแม่ดุอีกรอบหรอกจ้ะ” ดวงใจว่าพร้อมจ้องหน้าเจ้านายของพ่ออย่างไม่เข้าใจและก็ยังแอบคิดในใจด้วยว่าคุณพร้อมแค่หยอกเขาเล่นหรือเปล่า จนกระทั่งอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพ่อของดวงใจ เพื่อขออนุญาตให้ดวงใจได้มานั่งกินข้าวกับอีกฝ่ายที่นี่นี่แหละ ดวงใจถึงได้รู้ว่าคุณพร้อมไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด
“เอาล่ะ…ตอนนี้นายมั่นอนุญาตให้เธอนั่งกินข้าวเย็นกับฉันแล้วนะ”
“คุณพร้อม…”
“เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับวันนี้ งั้นเธอก็ช่วยกินข้าวมื้อเย็นเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ…ดวงใจ” ขณะที่คุณพร้อมกำลังเอ่ยมันออกมา อีกฝ่ายก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขาด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ดวงใจตัดสินใจยอมทานข้าวมื้อเย็นกับคุณพร้อม
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายเลยก็ตาม….
ความแสนดีของคุณพร้อม เปรียบเสมือนยาชูกำลังชั้นดีให้กับดวงใจ
หลังได้มีโอกาสทานข้าวมื้อเย็นร่วมกับคุณพร้อมในวันนั้น นั่นก็ทำให้ดวงใจได้รู้จักตัวตนของคุณพร้อมมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิสัยใจคอหรือข้อมูลส่วนตัวของอีกฝ่าย
ซึ่งดวงใจก็ได้รู้มาว่าคุณพร้อมเป็นลูกชายคนโตของบ้านและมีน้องชายที่คลานตามกันมาถึงสองคน แต่สองคนนั้นกำลังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศและเวลากลับมาไทยก็มักจะใช้ชีวิตแค่ในกรุงเทพเท่านั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากคนที่นี่จะคิดว่าคุณพร้อมเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลสหเกียรติ
“ดวงใจเธอยังอายุน้อย ๆ อยู่เลยนะ เพราะงั้นเธออยากเรียนต่อไหม?”
“คุณพร้อมถามทำไมเหรอจ๊ะ?” ดวงใจถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าเธออยากเรียนต่อ เดี๋ยวฉันก็จะเป็นคนส่งเธอเรียนเองไง อยากจะเรียนอะไรก็เรียนไปเลย เพราะพอฉันรู้ว่าเธอไม่ได้เรียนต่อเพราะไม่มีเงิน…ฉันก็เสียดายนะ เสียดายโอกาสของเธอ”
“ใจขอบคุณน้ำใจของคุณพร้อมมากเลยนะจ๊ะที่อยากช่วยเหลือกันขนาดนี้ แต่ว่า…อย่าดีกว่าจ้ะ”
“….”
“เพราะใจเป็นคนโลภมาก แล้วถ้าวันหนึ่งคุณพร้อมไม่ได้ใจดีด้วยแล้ว…หรือว่าใจดีน้อยลงกว่านี้ ใจก็คงจะไม่พอใจคุณพร้อมแน่ ๆ”
“….”
“แต่ไม่ว่ายังไงใจก็ขอบคุณน้ำใจของคุณพร้อมมากเลยนะจ๊ะ ที่เมตตาและก็อยากช่วยเหลือกันถึงขนาดนี้”
ขณะที่ดวงใจกำลังยืนเก็บเมล็ดกาแฟอยู่ในไร่พร้อมด้วยคนงานคนอื่น ๆ อยู่นั้น บทสนทนาที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารในวันนั้นก็ได้ผุดขึ้นมาในความคิดเขาอีกครั้ง เมื่อคุณพร้อมได้เอ่ยปากบอกเขาเองว่าจะเป็นคนส่งดวงใจเรียนต่อ หลังก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายเอ่ยถามดวงใจอย่างตรงไปตรงมาว่าทำไมถึงไม่เรียนต่อปริญญาตรี
ซึ่งในวันนั้นดวงใจก็ได้ตอบกลับคุณพร้อมไปตามตรงว่าเขาไม่มีเงินเรียนต่อ
“ปกติแกก็กระแดะอยู่แล้วนะดวงใจ แต่ทำไมเดี๋ยวนี้แกถึงเป็นหนักกว่าเดิมวะ ใส่เสื้อหลายชั้นขนาดนี้แกไม่ร้อนตับแตกหรือไง?”
“นี่มันเรื่องของฉัน”
“แหม…ถ้ากลัวดำขนาดนี้ ทำไมแกถึงไม่ลาออกแล้วอยู่แต่ในบ้านไปเลยล่ะวะ ไอ้ดวงใจ”
“ไอ้ฉัตรชัย! นี่แกฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง หุบปากของแกไปเลยนะ!” ว่าจบ ดวงใจก็เด็ดเมล็ดกาแฟจากต้นแล้วปาใส่หัวเพื่อนอย่างแม่นยำ หลังเขากำลังถูกกวนประสาทจากฉัตรชัยคนเดิม…คนที่เคยแอบเอาเหล้าเข้ามากินในงานแต่งของพี่แพรนั่นแหละ
“นี่แกยังกล้ามาโมโหใส่ฉันอีกนะดวงใจ ที่ฉันพูดไปเนี่ยก็เพราะเป็นห่วงแกทั้งนั้น เพราะเห็นใส่เสื้อแขนยาวหลายชั้นขนาดนั้น แกไม่กลัวตัวเองเป็นลมบ้างหรือไง?”
“ก็ฉันกลัวแดดนี่”
“….”
“แต่ว่าฉันไม่ได้กลัวดำนะ ก็แค่กลัวว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งผิวหนังก็เท่านั้นเอง แกรู้จักบ้างไหมโรคมะเร็งผิวหนังน่ะแล้วอีกอย่าง…แกเองก็หัดกลัวเสียบ้างนะไอ้ฉัตรชัย เพราะใส่แค่หมวกใบเดียวมันจะไปป้องกันอะไรได้กัน”
“ก็ฉันสะดวกแบบนี้นี่” ฉัตรชัยตอบมา
“ฉันเองก็สะดวกแบบนี้เหมือนกัน!” ดวงใจตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน ก่อนที่ในเวลาต่อมาเสียงโวยวายของเขาจะดังขึ้น หลังฉัตรชัยเองก็ปาเมล็ดกาแฟกลับมาทางดวงใจเช่นกันเพื่อเป็นการเอาคืน จนทำให้มีสงครามขนาดย่อมระหว่างพวกเขาขึ้น
“เฮ้ย! คุณพร้อมเดินมาทางนี้ว่ะ”
“ไหน!”
“…..”
“หน็อยแน่!! นี่แกกล้าหลอกฉันเหรอไอ้ฉัตรชัย อยากเจ็บตัวนักหรือไง!” หลังรู้ตัวแล้วว่าถูกเพื่อนแกล้ง ดวงใจก็พูดกับฉัตรชัยทั้งคิ้วขมวด ในขณะที่อีกคนกลับกำลังหัวเราะลั่นเพราะรู้สึกสะใจนักที่แกล้งดวงใจได้สำเร็จ
“เมื่อกี้ท่าทางของแกโคตรตลกฉิบหายเลยว่ะ…เหมือนกับหมาขี้ตกใจเลย นี่แกกลัวว่าคุณพร้อมจะมาเห็นว่าแกถล่มไร่กาแฟของเขาหรือไง” ฉัตรชัยถาม
“ป—เปล่าสักหน่อย” ดวงใจเถียงกลับเสียงแผ่ว
“แหม เชื่อตายล่ะ นี่แกคงอยากเป็นคนโปรดของคุณพร้อมล่ะสิท่า…เพราะเวลาที่คุณพร้อมเดินผ่านแกทีไร ฉันก็เห็นแกรีบเดินตามคุณพร้อมเป็นลูกหมาเชียว”
“แกนี่พูดจาน่ารำคาญจริง ๆ เลยนะ เพราะงั้นหุบปากของแกไปเลยไอ้ฉัตรชัย…อย่ามาสู่รู้เรื่องของฉันนัก” พูดจบ ดวงใจก็ถลึงตาใส่เพื่อนหนึ่งที เพื่อจะบอกเป็นกลาย ๆ ว่าเขากำลังไม่พอใจอีกคนเป็นอย่างมากที่มายุ่งเรื่องของเขาเช่นนี้ แต่ทว่าฉัตรชัยเองก็ไม่ได้เกรงกลัวกันเลยแม้แต่นิด มิหนำซ้ำยังมาพูดจาแทงใจดำดวงใจต่ออีก
“หรือว่าแกกำลังคิดไม่ซื่อกับคุณพร้อม?”
“….”
“ถ้ามันจริงอย่างที่ฉันว่า…ฉันว่าแกก็หยุดคิดไปเลยนะไอ้ดวงใจ หัดมองโลกในความเป็นจริงบ้างเถอะ อย่ามัวแต่ดูละครหลังข่าวและเพ้อเจ้ออยู่ในจินตนาการของตัวเองเลย เพราะแกไม่มีอะไรที่คู่ควรกับเขาเลยสักอย่าง…แกกับเขาน่ะ มันต่างกันเกินไป”
“ไอ้ฉัตรชัย นี่แกชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ!!” ดวงใจเอ่ยอย่างมีน้ำโห แล้วหลังจากนั้นเขาก็ปาเมล็ดกาแฟใส่หน้าเพื่อนอีกครั้งด้วยแรงอารมณ์
“ไอ้ดวงใจ!คุณพร้อมเขาเดินมาทางนี้แล้วนะเว้ย ยังจะมาปาเมล็ดกาแฟใส่กันอีก นี่แกไม่กลัวเขาด่าหรือไง!” ฉัตรชัยโวยวายพร้อมเริ่มใช้มือปัดป้องเมล็ดกาแฟที่ถูกดวงใจปาใส่หน้า
“เฮอะ! ก็คงจะมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะโดนแกหลอกซ้ำสองน่ะ” พูดจบ ดวงใจก็ปาเมล็ดกาแฟใส่หน้าเพื่อนอีกครั้ง ซึ่งในจังหวะที่เขากำลังจะถอยหลังเพื่อตั้งหลัก แผ่นหลังของดวงใจก็ไปชนเข้ากับอีกคนพอดี นั่นจึงทำให้เขาต้องรีบหันไปมองด้วยความตกใจ
“อุ๊ย!!” แล้วพอเห็นว่าตัวเองไปชนกับใครเข้า ดวงใจก็เผลออุทานออกมาเสียงหลงทันที ก่อนจะเอ่ยทักทายคุณพร้อมเสียงแผ่ว หลังคุณพร้อมกำลังมองหน้าดวงใจทั้งคิ้วขมวด คล้ายกับกำลังไม่ชอบใจอะไรบางอย่างอยู่ “ส—สวัสดีจ้ะคุณพร้อม”
“สวัสดีดวงใจ” อีกฝ่ายตอบกลับมาพรอมจ้องหน้าดวงใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยคล้ายกับระอากัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดต่อ “แล้วนี่ปาเมล็ดกาแฟใส่เพื่อนทำไม เล่นกันเป็นเด็ก ๆ เลยนะดวงใจ”
“ใจขอโทษจ้ะ”
“เธอเดินตามฉันมานี่มา” คุณพร้อมว่า แล้วในหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เดินนำดวงใจออกไปจากไร่ทันที ในขณะที่ดวงใจเองก็ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังกว้างของคุณพร้อมที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ด้วยอาการเศร้า
โดยในจังหวะที่เขากำลังจะตามคุณพร้อมออกไปนั้น ดวงใจก็ไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองหน้าฉัตรชัยที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาเพื่อเยาะเย้ยกันอยู่
ฝากไว้ก่อนเถอะ! ดวงใจขยับปากบอกฉัตรชัยแบบไม่มีเสียง แล้วรีบวิ่งตามคุณพร้อมไปทันที หลังเขาถูกอีกคนตะโกนเรียกแล้ว