บทที่ 5

2634 คำ
5                “คุณพร้อมจะดุดวงใจเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ? ถ้าเรื่องเมื่อกี้…ใจอธิบายทุกอย่างได้นะคุณพร้อม” หลังเดินตามคุณพร้อมมายังอีกฝั่งหนึ่งของไร่ซึ่งเป็นโรงงานคั่วเมล็ดกาแฟแล้ว ดวงใจก็รีบพูดขึ้นทันทีเพราะหวังจะแก้ตัวกับอีกคนว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน แต่ที่ทำไปแบบนั้นก็เป็นเพราะดวงใจถูกฉัตรชัยพูดจาไม่ดีใส่ก่อนต่างหาก                “ดุอะไร?” คุณพร้อมหันกลับมาถามทั้งหน้างง                “อ้าว…แล้วคุณพร้อมเรียกใจออกมาคุยเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ? ไม่ใช่จะเรียกมาดุกันเรื่องที่ปาเมล็ดกาแฟใส่เพื่อนหรือไง” ดวงใจถามกลับเสียงแผ่ว พร้อมจ้องใบหน้าของอีกคนด้วยท่าทีงุนงงไม่แพ้กัน                “เปล่านี่ ฉันไม่ได้เรียกเธอมาดุเรื่องนั้นสักหน่อย แต่ฉันเรียกมาคุยเรื่องอื่นต่างหาก”                “งั้นคุณพร้อมเรียกใจออกมาคุยเรื่องอะไรเหรอ?”                “เดี๋ยวฉันขอฝากเอกสารไว้กับเธอก่อนก็แล้วกัน ช่วยถือไว้ที…เพราะฉันจะไปยกของ” คุณพร้อมว่าพร้อมยื่นเอกสารบางอย่างมาให้ดวงใจถือเอาไว้ ซึ่งดวงใจก็ได้รับมันมาพร้อมแอบอ่านข้อความในนั้นเล็กน้อยตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น                “อะไร…สีม่วงงั้นเหรอ แล้วเกี่ยวอะไร”                “หืม? เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” คุณพร้อมที่ได้ยินเสียงพึมพำของดวงใจหันกลับมาถาม                “อ๋อ…ก็นี่ไงจ๊ะใจเห็นคำว่าPurple ที่แปลว่าสีม่วงในเอกสารของคุณพร้อม” พูดจบ ดวงใจก็ชี้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ว่านั้นให้คุณพร้อมดูทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับดวงใจต่ออย่างใจเย็น                “ดวงใจ…นั่นไม่ใช่คำว่าสีม่วง”                “…อ้าว”                “P-u-r-p-o-s-e อ่านว่า เพอร์เพิส แปลว่าวัตถุประสงค์ต่างหาก”                “แหะ…ก็มันเขียนคล้ายกันนี่คุณพร้อม ใจก็เลยมีอาการสับสนนิดหน่อย” ดวงใจเอ่ยพลางส่งยิ้มแห้งให้กับผู้เป็นเจ้าของไร่ หลังเขาเพิ่งจะปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มให้กับคุณพร้อมดู                “เอาล่ะ นี่ฉันเพิ่งได้เมล็ดกาแฟจากประเทศเคนยามาทั้งหมดสี่ชนิด เดี๋ยวใจช่วยลองชิมให้หน่อยสิว่ารสชาติแต่ละชนิดมันเป็นยังไงบ้าง”                “ด—เดี๋ยวนะจ๊ะ! นี่คุณพร้อมจะให้ใจลองชิมจริง ๆ เหรอ แต่ว่าใจไม่มีความรู้เรื่องรสชาติกาแฟเลยนะ” เมื่อได้ยินคุณพร้อมเอ่ยเช่นนั้นดวงใจก็รีบออกตัวทันควัน เนื่องจากเขาไม่ถนัดเรื่องรสชาติกาแฟเสียเลย แต่ไปถนัดเรื่องการดูแลต้นกาแฟและเก็บเมล็ดของมันตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในไร่นี้ต่างหาก                “ไม่เป็นไร เธอไม่มีความรู้เรื่องรสชาติกาแฟก็ไม่เป็นไร แค่พูดตามความรู้สึกของเธอก็พอแล้ว” คุณพร้อมตอบกลับมาราวกับว่าการที่เขาไม่รู้เรื่องรสชาติกาแฟนั้น มันเป็นเรื่องเล็ก                “แต่ถ้าคุณพร้อมให้คุณโอ๊ตได้มาลองชิมเมล็ดกาแฟพวกนี้ดู ก็น่าจะได้คำตอบที่ละเอียดกว่าใจนะจ๊ะ” ดวงใจยังคงแย้งต่อ ซึ่งคุณโอ๊ตที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นก็เป็นผู้จัดการของไร่กาแฟแห่งนี้นี่แหละ มีความเชี่ยวชาญทางด้านรสชาติของเมล็ดกาแฟเป็นอย่างมาก เนื่องจากอีกฝ่ายจะต้องมีการชิมเมล็ดกาแฟทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มคั่ว เพื่อเช็กคุณภาพของมันก่อนที่จะส่งต่อให้กับผู้บริโภค                “ฉันก็ตั้งใจจะให้โอ๊ตลองชิมอยู่เหมือนกัน แต่ฉันก็อยากให้เธอได้ลองชิมด้วย”                “….”                “เอาล่ะ นี่เธอจะลองชิมได้หรือยัง?” คุณพร้อมถาม                “จ้ะ ๆ ใจลองชิมก็ได้จ้ะ” เพราะถูกคุณพร้อมเอ่ยถามเสียงเข้ม นั่นจึงทำให้ดวงใจรีบรับปากอีกฝ่ายและรีบยื่นมือไปหยิบแก้วกาแฟขนาดเล็กที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปขึ้นชิมทันที โดยหลังจากที่เขาได้ชิมรสชาติกาแฟจนมันคลุ้งไปทั่วปากแล้ว ดวงใจก็ค่อย ๆ พูดถึงรสชาติและกลิ่นของมันออกมาตามที่เขากำลังรู้สึก                “ใจว่าแก้วนี้มันมีกลิ่นคล้ายกับน้ำผึ้งเลยจ้ะ คุณพร้อม” ดวงใจพูดแล้วชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเขาเพิ่งตระหนักอะไรบางอย่างได้ “นี่ใจเพ้อเจ้อจัง…เมล็ดกาแฟมันจะไปมีกลิ่นคล้ายกับน้ำผึ้งได้ยังไง”                “มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย”                “….”                “เธอพูดต่อสิ…ฉันกำลังรอฟังอยู่ รสชาติมันเป็นยังไงบ้าง” คุณพร้อมถามต่อแล้วจ้องหน้าดวงใจนิ่ง                “มีรสชาติเปรี้ยวจ้ะ เปรี้ยว…เหมือนผลไม้ตระกูลเบอรี่เลยและก็แอบมีรสชาตฝาดเล็กน้อยด้วย”                “โอเค แล้วแก้วนี้ล่ะ…” เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นคุณพร้อมก็พยักหน้ารับแล้วถามต่อ พลางยกกาแฟอีกแก้วมาวางไว้ตรงหน้าดวงใจ เพื่อให้เขาได้ลองชิมกาแฟแก้วใหม่ ซึ่งดวงใจก็ได้พูดสิ่งที่เขารู้สึกออกไปอีกครั้ง โดยมีคุณพร้อมคอยจดคำพูดของเขาใส่ในเอกสารใบที่อีกฝ่ายเคยให้ดวงใจถือให้อยู่เป็นระยะ ๆ                “คุณพร้อม…ใจขอถามหน่อยได้ไหมจ๊ะว่าทำไมจู่ ๆ คุณพร้อมถึงนึกสนใจเมล็ดกาแฟของเคนยาขึ้นมา” เมื่อได้ลองชิมกาแฟทั้งสี่ชนิดครบทุกแก้วแล้ว ดวงใจก็ถามในสิ่งที่เขาสงสัยทันที                “อ๋อ พอดีฉันตั้งใจจะนำเข้าเมล็ดกาแฟของเคนยาน่ะ”                “….”                “พอดีฉันเห็นว่าพื้นที่ในไร่ที่ไม่ได้ทำการเกษตรเหลือเยอะมาก ฉันก็เลยตั้งใจว่าจะมาสร้างรีสอร์ทที่นี่ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนให้กับนักท่องเที่ยว เธอคิดว่ายังไง” คุณพร้อมถามความเห็นจากดวงใจ ซึ่งนี่ก็คงจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาอยู่ที่ไร่กาแฟแห่งนี้นานกว่าปกติ                “ถ้าถามความเห็นของใจ…ใจก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีนะจ๊ะ เพราะในไร่กาแฟของเราก็วิวดี๊ดีแถมยังมีกิจกรรมหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเมล็ดกาแฟ ลองชิมรสชาติของกาแฟสายพันธุ์ต่าง ๆ ได้พักผ่อนในบรรยากาศที่มีแต่ธรรมชาติ แล้วที่สำคัญพื้นที่ว่าง ๆ ก็จะได้มีกำไรงอกเงยขึ้นมาด้วยแถมยังสามารถสร้างรายได้ให้กับแรงงานในชุมชนอีก” ดวงใจพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาอย่างไม่ติดขัด                “ใช่ไหม ฉันก็คิดว่ามันเวิร์กเหมือนกัน”                “….”                “เอาเข้าจริง…เธอเป็นคนฉลาดนะดวงใจ”                “….”                “ถ้าวันไหนเกิดเปลี่ยนใจอยากเรียนต่อขึ้นมาก็บอกฉันก็แล้วกัน หรือถ้าเธอเกรงใจไม่อยากรับทุนเปล่า ๆ จากฉัน ตอนเรียนจบมาก็ค่อยมาทำงานในไร่เพื่อใช้ทุนคืนก็ได้ เพราะฉันก็ไม่ได้ติดขัดอะไรอยู่แล้ว”                “ใจขอบคุณน้ำใจของคุณพร้อมมากเลยนะจ๊ะ แต่ว่าเราปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตกันดีกว่าเนอะ” ดวงใจว่าพร้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ของตัวเองออกมา แล้วยื่นให้กับคุณพร้อม                “อะไรหรือ?” อีกฝ่ายถามกลับมา                “ค—คือว่าใจขอเบอร์คุณพร้อมไว้หน่อยได้ไหมจ๊ะ”                “….”                “ก็เผื่อว่าในอนาคตใจจะมีธุระกับคุณพร้อมไง” ดวงใจเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความขลาดเขิน หลังหลายวันก่อนหน้านี้เขาอยากจะมีเบอร์ของคุณพร้อมอยู่ในเครื่องโทรศัพท์เหลือเกิน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ขอมันจากอีกฝ่ายเสียที เนื่องจากว่าคุณพร้อมไม่ค่อยจะว่างและพวกเขาก็ยังไม่ค่อยได้เจอกันอีกด้วย                “อ๋อ ได้สิ” ฝั่งของคุณพร้อมหลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับและก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่เลือกที่จะรับโทรศัพท์จากดวงใจ เพื่อไปบันทึกเบอร์ของตัวเองเอาไว้ให้ “ถ้าเธอมีธุระด่วนมากก็โทรเบอร์มานะ แต่ถ้าเธออยากคุยเล่นก็ทักไลน์มาก็แล้วกัน เพราะฉันให้ไปทั้งเบอร์และก็ไลน์ของฉัน”                “นี่ใจทักไปคุยเล่นกับคุณพร้อมได้เหรอจ๊ะ” ดวงใจถามต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น                “ได้ซี่ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” คุณพร้อมยืนยันกลับมา ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นก็มีคนเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่พอดี                “อ้าว…ดวงใจกับคุณพร้อมทำอะไรกันอยู่ครับ?”                “อ๋อ ฉันให้ดวงใจลองมาชิมกาแฟของเคนยาน่ะ นายแวะมาที่นี่ก็ดีแล้ว ช่วยมาชิมกาแฟให้หน่อยสิโอ๊ตว่าฉันควรจะนำเข้าสายพันธุ์ไหนดี” คุณพร้อมเป็นคนตอบผู้จัดการไร่เอง โดยเมื่อดวงใจไม่มีธุระอะไรกับคุณพร้อมแล้ว เขาก็รีบขอตัวกลับเข้าไปทำงานในไร่ต่อด้วยหัวใจที่พองโตทันที หลังเพิ่งจะได้เบอร์โทรศัพท์และไลน์ของคุณพร้อมมาหมาด ๆ                แถมอีกฝ่ายก็ยังบอกกันอีกว่าดวงใจสามารถทักไปคุยเล่นกับเจ้าตัวได้…                                “ข้าวปลาไม่ต้องกินมันแล้วมั้ง แค่นอนยิ้มให้กับโทรศัพท์มันก็อิ่มแล้วใช่ไหมดวงใจ?”            “พ่อก็พูดเกินไป นี่ใจเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเองนะจ๊ะ” ดวงใจแย้งพร้อมรีบวางโทรศัพท์ของตัวเองลงไว้ที่เดิมทันที หลังเขาเพิ่งจะถูกพ่อพูดประชดเรื่องที่ดวงใจเอาแต่นอนยิ้มให้กับโทรศัพท์อย่างไร้สาเหตุ                “ถึงจะเพิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้หยุดเล่นก่อนนะดวงใจ รีบมากินข้าวด้วยกันก่อน เพราะเย็นวันนี้แม่ทำมะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวกับแกงเห็ดโคนที่มันเป็นของโปรดแกทั้งนั้นเลยนะ”                “จ้ะ ๆ  ใจกำลังจะลุกไปกินตอนนี้แหละ” ดวงใจเอ่ยพร้อมนอนบิดขี้เกียจอยู่สองสามที แล้วค่อยลุกขึ้นออกไปกินข้าวมื้อเย็นร่วมกับพ่อแม่ หลังพวกเขาทั้งหมดเพิ่งจะเลิกงานและเดินทางกลับมาถึงบ้านกัน                “พ่อจ๊ะ ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้…คุณพร้อมเขาได้เข้ามาคุยอะไรกับพ่อไหม”                “พ่อกับคุณพร้อมเจอหน้ากันทุกวันก็ต้องได้คุยกันอยู่แล้ว แต่ว่าเอ็งหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ?” พ่อของดวงใจถามกลับทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขา                “เรื่องเรียนของใจจ้ะ”                “….”                “พอดีทุกครั้งที่เจอหน้ากัน…คุณพร้อมเขาก็มักจะพูดเรื่องนี้กับใจอยู่ตลอดเลย ใจก็เลยสงสัยว่าเขาได้ไปพูดอะไรกับพ่อหรือเปล่า”                “พูดสิ…เวลาเจอหน้ากันทีไร เขาก็พูดเรื่องนี้อยู่ตลอดเลย” พ่อของดวงใจให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งดวงใจและแม่ที่กำลังนั่งฟังอยู่ต่างชะงักไปเล็กน้อย                “แล้ว…พ่อบอกคุณพร้อมไปว่ายังไงเหรอจ๊ะ” ดวงใจถามต่อ                “พ่อก็บอกว่าตามใจเอ็ง…ถ้าเอ็งจะเรียนต่อหรือหยุดไว้แค่นี้ก็ตามใจเลย พ่อก็พูดกับเขาไปตรง ๆ นะว่าพ่อไม่มีปัญญาส่งเอ็งจนจบปริญญาตรีได้หรอก พ่อก็มีปัญญาส่งมาได้แค่เท่านี้แหละ แต่ถ้าคุณพร้อมเขานึกเมตตาอยากจะส่งให้เอ็งเรียนต่อจริง ๆ ก็ต้องมาคุยกับเอ็งเอา”                “มิน่าล่ะ ทำไมคุณพร้อมถึงเซ้าซี้ใจไม่เลิกเลย” ดวงใจพึมพำแล้วถามต่ออย่างใคร่รู้ “แล้วถ้าในความเห็นของพ่อ…พ่ออยากให้ใจเรียนต่อไหมจ๊ะ”                “แล้วพ่อแม่ที่ไหนเขาจะอยากให้ลูกได้เรียนน้อย ๆ กันล่ะดวงใจ” พ่อของดวงใจถามกลับบ้าง พร้อมสบตากับเขาเล็กน้อย “พ่อแม่ทุกคนเขาก็อยากให้ลูกได้เรียนสูง ๆ ได้ทำงานอยู่ในห้องแอร์ มีเงินใช้จ่ายแบบไม่ขัดสนกันทั้งนั้นแหละลูก นี่พ่อก็ยังนึกเจ็บใจอยู่เลยว่าถ้าพ่อไม่ถูกเขาโกงไปคราวนั้น เงินก้อนนั้นก็คงจะสามารถทำให้เอ็งได้เรียนจบปริญญาตรีได้”                “ไม่เป็นไรนะจ๊ะพ่อ เพราะยังไง…เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว” ดวงใจเอ่ยเสียงแผ่ว เมื่อพ่อของเขากำลังพูดถึงเรื่องราวเมื่อวันวานที่ถูกคนสนิทโกงเงินไปจำนวนหลักล้านในคราวนั้น ครั้นพอจะขอร้องให้ตำรวจช่วยเหลือเรื่องนี้ คดีความก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ใกล้จะหมดอายุความเต็มทีแล้ว                “นี่ใจไม่คิดเลยนะจ๊ะว่าคุณพร้อมเขาจะใจดีกับเราถึงขนาดนี้” ดวงใจพูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมตักแกงเห็ดร้อน ๆ เข้าปากตัวเองไปด้วย                “ก็เพราะคุณพร้อมเขาเป็นแบบนี้แหละ…เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น พวกคนงานถึงไม่เคยมีใครกล้าคิดร้ายกับเขาสักคน”                “….”                “คนงานมีปัญหาอะไร ถ้าคุณพร้อมเขารู้และช่วยเหลือได้ เขาก็พยายามช่วยอยู่ตลอดนั่นแหละ แล้วอีกอย่างที่คุณพร้อมเขาคะยั้นคะยอเรื่องเรียนต่อกับเอ็งถึงขนาดนี้ ก็เพราะว่าเขาเอ็นดูเอ็งนะนั่น”                “….”                “ดวงใจรู้ไหม…ตอนที่เอ็งเพิ่งคลอดเขาก็รีบให้คนขับรถพาไปเยี่ยมเอ็งที่โรงพยาบาล ก่อนที่บรรดาญาติ ๆ ของเราจะไปถึงกันอีกนะ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุสิบห้าและก็เพิ่งได้รู้จักกับพ่อเพียงไม่นานเอง” พ่อของดวงใจเอ่ย โดยในขณะที่อีกฝ่ายกำลังพูดนั้น ดวงใจก็รู้สึกได้เลยว่าพ่อของเขาทั้งรักและเคารพคุณพร้อมมากแค่ไหน แม้ว่าพ่อของดวงใจจะมีอายุมากกว่าคุณพร้อมหลายสิบปีก็ตาม                “อ้าว…ใครโทรมาหาเวลานี้ล่ะเนี่ย ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลยหรือไง!” ระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันต่ออยู่นั้น พ่อของดวงใจก็ได้พูดขึ้นอีกครั้งด้วยความอารมณ์เสีย หลังจู่ ๆ โทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็มีสายโทรเข้ามาพอดี ทั้งที่เวลานี้มันไม่ใช่เวลาทำงานของพ่อแล้ว นั่นจึงทำให้พ่อของเขาต้องลุกขึ้นไปกดรับสายนั้นด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเล็กน้อย                “ว่ายังไงครับ”                [….]                “จริงเหรอครับ ได้ครับ”                [….]                “ได้ครับคุณพร้อม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะให้ลูกชายเดินไปหานะครับ”                “คุณพร้อมเขาเรียกใช้อะไรหรือจ๊ะพ่อ?” เพราะได้ยินพ่อพูดชื่อของคุณพร้อมออกมาและก็ยังมีการพูดถึงเขาด้วย นั่นจึงทำให้ดวงใจที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้าย รีบเอ่ยถามพ่อด้วยความสนใจทันที                “อ๋อ พอดีไร่องุ่นที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ เรา เขาลองทำไวน์สูตรใหม่กันน่ะ…แล้วเขาก็เอามาให้คุณพร้อมลองชิมพอดี มันมีอยู่หลายขวด คุณพร้อมเขาก็เลยใจดีอยากจะแบ่งให้คนงานเอาไปชิมด้วย ถ้ายังไงหลังจากที่เอ็งกินข้าวเสร็จแล้วก็ช่วยเดินไปเอาไวน์ที่บ้านของคุณพร้อมด้วยนะ”                “อ๋อ ได้เลยจ้ะ!” เมื่อได้ยินพ่อเอ่ยเช่นนั้นดวงใจก็รีบพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจทันที โดยเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่ดีใจจนเนื้อเต้นหรืออาการเคอะเขินที่มีต่อผู้เป็นเจ้าของไร่ เนื่องจากดวงใจกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะล่วงรู้ความลับบางอย่างของเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม