ตอนที่ 8 ประกาศจับ

1372 คำ
ท่ามกลางความเงียบสงัดของหุบเขา บ้านไม้หลังเก่าเงียบงันราวกับไม่มีชีวิต หากแต่ภายในกลับคลาคล่ำไปด้วยความเกรี้ยวกราดของหลี่ฉางเฟย เสียงแส้แข็งฟาดลงบนโต๊ะไม้ สะเทือนก้องไปทั้งเรือน หลี่ฉางเฟยยืนสงบอยู่กลางห้อง หลังจากกลับมาพร้อมกับข่าวคราวที่ว่าภารกิจล้มเหลวเป็นครั้งที่สอง เขาก็จิตใจไม่สงบอีกต่อไป “ภารกิจล้มเหลว” เขาทวนคำเสียงต่ำเย็น ใบหน้าคมคายของเขาไร้แววโกรธเกรี้ยว ทว่าในดวงตากลับทอประกายมืดดำราวกับจะกลืนกินทุกสิ่ง “และเจ้า ยังไม่กลับมา” เขาพึมพำ แส้แข็งฟาดลงบนโต๊ะอีกครั้งด้วยความโกรธ หากไม่ใช่เพราะครั้งก่อนที่เอ็นข้อมือฉีกขาด เขาคงไม่เก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยงดูให้เป็นนักฆ่าเพื่อออกสังหารเป้าหมายแทนตน “จื่อเฟิงของข้าทรยศงั้นหรือ กล้าดีอย่างไร” เสียงของหลี่ฉางเฟยเรียบเฉียบแต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน “เขาเลือกช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง ยอมทำลายภารกิจและเปิดเผยตัวเพื่อช่วยเหลือนาง... สิ้นคิด!” หลี่ฉางเฟยค่อยๆ หมุนตัวไปที่แผนที่ที่กางบนโต๊ะ เขาหลับตาแล้วแสยะยิ้มแผ่ว “ถ้าเจ้ากล้าหนีไปเพราะความรัก ข้าจะเป็นคนทำลายความรักนั้นให้แหลกคามือเอง” อีกฟากหนึ่งของหุบเขา เสียงฝีเท้าบนผืนใบไม้แห้งกลางป่าลึกดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมกริบของสวี่จื่อเฟิงมองไปยังครัวไฟหลังกระท่อมที่เขากับไป๋ซืออวี่ซ่อนตัวอยู่ เสียงลมหายใจของเขาหนักและนิ่งงัน ไป๋ซืออวี่กำลังต้มน้ำ ด้านข้างคือกระต่ายสีขาวที่เขาล่ามาเป็นอาหาร นางกลับขอรับเลี้ยงเอาไว้ แล้วให้เขาหาสมุนไพรมารักษาบาดแผลของมันแทน ความอ่อนโยนและมีเมตตาของนางทำให้เขายิ่งรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ให้ห่างจากนาง เพราะไป๋ซืออวี่หวาดกลัวเขาอยู่มาก แม้จะยอมพูดคุยด้วยแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาเขามากนัก กระต่ายตัวน้อยที่นางตั้งชื่อให้ว่าเสี่ยวไป๋ กำลังกระโดดเล่นแม้จะยังบาดเจ็บอยู่ ไป๋ซืออวี่ยิ้มแล้วลูบหัวมันขณะที่ต้มน้ำเพื่อเตรียมต้มยาสมุนไพรทำการรักษา ความอบอุ่นแผ่วเบาของบรรยากาศควรจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงบ แต่กลับกัน หัวใจเขาเต้นแรงผิดปกติ สัญชาตญาณบอกว่าตอนนี้เขาต้องระวังตัวให้มากขึ้น เพราะบางทีภัยที่เขากังวลนั้นอาจจะเป็นคนที่เขาหวาดกลัวที่สุดในชีวิต เขาตัดสินใจก้าวเข้าไปหานาง ไป๋ซืออวี่คว้ากระต่ายมากอดเอาไว้แล้วถอยหลังออกไปด้วยความหวาดกลัว ทำให้เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “ข้าเพียงนำผลไม้ป่ามาให้เจ้า แล้วก็สมุนไพรที่เจ้าบอก” เขายื่นตะกร้าไม้ไผ่ที่เพิ่งสานเสร็จให้แก่นาง ข้างในมีผลไม้และสมุนไพรรูปร่างลำต้นอย่างที่นางบอก “อืม” นางตอบรับเสียงเบา แววตายังคงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและกลัวเขาอยู่มาก “ยังขาดเหลืออะไรอีกหรือไม่ ข้าจะออกจากป่าเข้าเมืองไปซื้อของใช้มาให้เพิ่ม” เขาถามนางแล้วเห็นแววตาวูบไหวของหญิงสาวก็รู้แล้วว่านางคงหาลู่ทางหลบหนี “ส่วนเรื่องหลบหนีอย่าได้คิด ที่นี่อยู่กลางหุบเขา หากเจ้าออกไปไม่เพียงแต่จะหลงทางออกจากป่าไม่ได้ เจ้าอาจจะถูกสัตว์ร้ายโจมตี หรือไม่ก็ถูกโจรป่าฉุดคร่า ทางที่ดีรอข้าอยู่ที่นี่กับเสี่ยวไป๋ของเจ้าจะดีกว่า” เขากล่าวด้วยความห่วงใย แต่สำหรับนางแล้วนั่นคือการข่มขู่ให้นางหวาดกลัว “ข้าเข้าใจแล้ว” นางกล่าวเสียงสั่น “ข้าอยากได้เกลือเล็กน้อย แล้วก็เสื้อผ้าที่หนากว่านี้” นางกล่าวเสียงเบา มือจับเสี่ยวไป๋เอาไว้แน่นกังวลว่าเขาจะเอามันไปทำเป็นอาหาร “ข้าไปไม่นาน พรุ่งนี้กลับแล้ว” เขาบอกให้นางวางใจ ก่อนจะเดินทางออกไปด้วยจิตใจที่กังวลอยู่มาก ************************ การเดินทางตามลำพังทำให้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า เพียงหนึ่งชั่วยามสวี่จื่อเฟิงก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ตีนเขา เขาเปลี่ยนชุดทหารยามที่สวมใส่ออกไปเป็นชุดชาวบ้านธรรมดา ตอนแรกจะรีบซื้อเกลือและเสื้อผ้าให้แก่นาง ทว่ามีประกาศจับจากทางการติดภาพวาดของเขาที่กำแพงประกาศข่าวกลางหมู่บ้าน แม้จะแกะไฝปลอมออกไปแล้ว แต่ก็ต้องระวังไว้ก่อน และรีบออกจากหมู่บ้านไป ตัดสินใจซ่อนตัวในขบวนสินค้าเกษตรกรรมเพื่อเข้าไปสืบข่าวในเมืองเสียนไป่ รอจนพลบค่ำจึงออกมาจากที่ซ่อน ตัดสินใจไปที่จวนผู้ว่าการมณฑลไป๋เยี่ยเพื่อดูความเคลื่อนไหว เป้าหมายของเขา ไป๋เยี่ยอยู่ตรงหน้า ทหารยามสี่นายอยู่หน้าประตูห้องของเขา ทางเดินก็เต็มไปด้วยทหารที่เดินไปมา แม้อยากจะสังหารบุรุษที่ใคร่รักต่อหลานสาวในสายเลือด แต่เขาจะใจร้อนพาตัวเองไปตายไม่ได้ เพราะตอนนี้มีคนที่กำลังรอเขาอยู่ สวี่จื่อเฟิงไปที่เรือนรองสกุลไป๋ บรรยากาศของเรือนเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเพราะการหายตัวไปของบุตรี ไป๋เยียนนั่งปลอบใจภรรยาที่ร้องไห้ไม่หยุด เช่นเดียวกับบุตรชายคนรองที่เกิดจากภรรยาใหม่ก็กำลังนั่งหน้าเศร้าที่พี่สาวต่างมารดาถูกโจรพาตัวไป สวี่จื่อเฟิงดูแล้ว ครอบครัวของนางอบอุ่นมาก ขนาดแม่เลี้ยงและน้องชายก็ยังรักและห่วงนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ไป๋ซืออวี่โตมาในครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้ นางจึงมีนิสัยที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเมตตา นอกจากข่าวการตายของสามคนที่บิดเบือนว่าถูกโจรสังหารเพราะเข้ามาช่วยคุณหนูไป๋ ไป๋ซืออวี่ถูกทหารยามของนายอำเภอจางวางยาปลุกกำหนัดและลักพาตัวไป ก็ไม่มีข่าวใดเป็นพิเศษให้ใส่ใจ สวี่จื่อเฟิงจึงไปที่ห้องนอนของไป๋ซืออวี่ เขานำยาสมุนไพรของนางกวาดใส่ผ้าแล้วมัดสะพายที่ไหล่ ขณะเดียวกันก็นำเสื้อผ้าของนางอีกสามชุดม้วนใส่ผ้าห่มห่อเป็นห่อผ้าแล้วสะพายไว้ที่บ่าอีกข้าง เขายิ้มออกมาเมื่อจินตนาการว่านางจะพอใจแค่ไหนที่เขาเอาอาภรณ์ของนางไปให้ รวมถึงยาสมุนไพรและครกบดยาพวกนี้ แต่ก่อนที่เขาจะออกไปก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ปลายดาบถูกตวัดชี้ไปที่หน้าประตู เสี่ยวหรูยืนตัวสั่นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ใด “คุณหนูของข้านางอยู่ไหน” สาวใช้ถามเสียงสั่น ทั้งๆ ที่ตนเองก็กลัวตายไม่น้อย “นางสบายดี แต่ข้าปล่อยนางให้อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้” เขากล่าวเสียงเย็น ยังคงไม่ลดดาบลงจากคอของสาวใช้ “อย่าบอกใครเรื่องที่ข้ามา หากข้าถูกจับกุม คุณหนูของเจ้าก็จะไม่รอด” ความหมายของเขาคือหากไม่ได้กลับไป ไป๋ซืออวี่จะต้องไม่มีคนคอยปกป้องและหาอาหารให้ แต่เสี่ยวหรูเข้าใจว่าเขากำลังวางแผนการสังหารคุณหนูของตนเอง “อย่าทำร้ายคุณหนู ข้าสัญญาว่าจะไม่บอกใคร” น้ำเสียงนั่นสั่นเครือ ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึงและห่วงใยนายของตน ดาบนั้นลดลง เสี่ยวหรูเพิ่งสังเกตว่าเขามีห่อผ้าสองห่ออยู่ที่บ่าทั้งสองข้าง เข้าใจว่าเข้ามาขโมยของมีค่าก็ได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไรมาก สวี่จื่อเฟิงกำลังจะก้าวออกไป แต่เขาชะงักเท้าแล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ห้องครัวอยู่ทางไหน” สาวใช้ชี้ไปทางเรือนครัว ก่อนจะหดมือกลับด้วยความกลัว สวี่จื่อเฟิงเดินตรงไปยังห้องครัว ที่นางสั่งไว้ต้องนำกลับไปมิให้ขาด ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม