“เห้ยพวกมึง กูต้องกลับบ้านแล้วว่ะ” ปริญยกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนหรูก็ลุกลี้ลุกลน
“จะรีบกลับไปไหนวะ” ภูเบศเอ่ยถาม เขายังอยากดื่มต่อ
“กูบอกเอื้องฟ้าว่าจะกลับไม่เกินห้าทุ่ม นี่สี่ทุ่มครึ่งแล้วไอ้ห่า กลับช้าเดี๋ยวเมียโกรธ”
“อะไรวะ อยู่กันคนละบ้านมึงยังกลัว”
ธนาคิมส่ายหน้าเอือมระอา เสือร้ายอย่างปริญที่ว่าแน่ก็ยังแพ้เมีย แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาเซ็งได้ยังไง
“กูไม่ได้กลัวเว้ย กูแค่เกรงใจเฉยๆ”
คนถูกกล่าวหาว่ากลัวเมียรีบแย้ง
“เออๆ แค่เกรงใจ แต่เกรงใจมากไปหน่อยนะมึงอะ”
ภูเบศที่แอบหมันไส้ความหวานของคู่เพื่อนซี้มานานรีบสมทบ เขาเองก็อยากจะหวานชื่นมดไต่ให้ได้แบบมันบ้าง แต่แฟนสาวอย่างวราลีเนี่ยสิ ไม่ชอบให้เขาพูดจาหวานๆ ใส่ หล่อนบอกว่าเลี่ยนไม่น่าฟัง เขาเลยต้องสวมวิญญาณซาตานร้ายเล่นบทโหดตลอดเวลา
“แล้วแต่พวกมึงเลย กูไปล่ะ” ปริญไม่อยากอยู่เถียงให้มากความ ตอนนี้ใจของเขาลอยไปหาแม่ดอกเอื้องฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาอยากกลับไปนอนกลิ้งบนเตียงแล้วบอกรักออดอ้อนให้หายคิดถึง
“มึงล่ะ เมียไม่ตามหรือไง” ธนาคิมเอ่ยถาม
“รายนั้นให้กูเที่ยวเต็มที่” ภูเบศพูดยิ้มๆ
“เสียงเป็นไร เมียให้เที่ยวก็ต้องดีใจสิวะ ทำไม น้อยใจเหรอ” ธนาคิมว่าอย่างรู้ทัน ภูเบศหมันไส้เลยปาน้ำแข็งใส่
“ไอ้ห่านี่ มันเย็นนะเว้ย” น้ำแข็งก้อนเล็กหล่นหายเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาต้องรีบลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดออก
“สมน้ำหน้า” ทับถมเสร็จก็คว้าเสื้อสูทมาสวมทับ
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอ”
“เออ พรุ่งนี้มีประชุมเช้า” ไม่ว่าจะดื่มหนักเที่ยวหนักอย่างไรในฐานะประธานบริษัทฯ ภูเบศก็มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานเสมอ
“ขับรถกลับดีๆ”
ธนาคิมโบกมือลาเพื่อน เขาเอนหลังนอนหลับตายกมือก่ายหน้าผากคิดเรื่องในอดีตเรื่อยเปื่อย ฤทธิ์แอลกฮอล์ที่ดื่มเข้าไปส่งผลให้ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ เสริมความหล่อเหลาตามแบบฉบับชายไทยแท้ผู้มีใบหน้าดุดันให้น่ามองยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนฤทธิ์ของมันยังไม่แรงพอให้ชายหนุ่มสาแก่ใจ เขาลุกขึ้นนั่งดื่มคนเดียวท่ามกลางบรรยกาศยามค่ำคืนไร้แสงสี หวังเพียงให้น้ำสีอำพันที่กลืนไหลลงสู่ลำคอหนาช่วยดับความเครียดที่ปั่นป่วนหัวใจอยู่ขณะนี้
ขวดที่สอง ขวดที่สามหมดไปอย่างรวดเร็ว ธนาคิมสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง มือหนาลูบใบหน้าแรงๆ แล้วพรูลมหายใจร้อนออกมา ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟแผดเผาตลอดเวลา ดวงตาคมดุปรือปรอย สันกรามแกร่งเหนือไรเคราขบแน่น มือสั่นเทาพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก
“แม่งเอ๊ย!” พอไม่ได้ดั่งใจก็ปาแก้วเหล้าอัดกับพื้น เศษแก้วแตกกระจายเกลื่อนพื้น ธนาคิมเดินเหยียบเศษแหลมคมโดยไม่สนว่าเท้าจะได้รับบาดแผล เขากระโจนร่างลงสระน้ำในท่วงท่าสง่างาม ผิวน้ำที่นิ่งสนิทมาตลอดทั้งวันแตกกระเพื่อมเป็นวงกว้าง
“ทำไมมันร้อนแบบนี้วะ”
ความร้อนที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือดรุนแรงจนเขาหงุดหงิด จะว่าเป็นเพราะดื่มมากเกินไปก็ไม่ใช่ เขาเองก็สายดื่มพอตัว ดวลดื่มเพียวๆ กับเพื่อนก็เคยลองมาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ร้อนจัดขนาดนี้
“เป็นไรวะ” ธนาคิมลูบเส้นผมเปียกลู่แนบท้ายทอยเปิดเผยใบหน้าหล่อเหลาที่มีหยดน้ำเกาะพราว เขาพิจารณาอาการที่ตัวเองเป็น หัวใจเต้นแรงสูบฉีด ร่างกายเริ่มแสดงปฏิกิริยาบางอย่างที่เขามั่นใจว่ามันผิดปกติ ธนาคิมตัดสินใจกระโดดขึ้นจากสระ พยายามประคับประคองตัวเองเดินเข้าบ้านหมายจะขึ้นห้องนอน ระหว่างทางเขาเดินโซซัดโซเซพร้อมเสียงคำรามทุ้มต่ำฟังดูน่ากลัว
“คุณคิม” ชายหนุ่มหันไปมองต้นตอของเสียงหวานใส ดวงตาของเขาฉ่ำปรือแดงก่ำ
“คุณคิมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
มะลิลา เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง สองเท้าเล็กขยับเข้าไปใกล้รัศมีที่เขายืนอยู่ ธนาคิมรีบคว้าหมอนบนโซฟาปาใส่หน้าเธอ
“อย่าเข้ามา!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตะโกนห้าม
“แต่ว่า…”
“บอกว่าอย่าเข้ามาไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอหะ!”
ธนาคิมตวาดซ้ำเสียงดังกว่าเดิม เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังเรียกร้องความต้องการบางอย่างที่เขารู้ดีว่ามันคืออะไร เขาพยายามไม่มองผู้หญิงหน้าหวานตัวเล็กที่สวมชุดนอนสีชมพูบางพริ้ว เขาพยายามเบือนหน้ามองไปทางอื่น แต่ดูเหมือนสวรรค์จงใจแกล้ง เพราะถึงแม้เขาจะพยายามผลักไสหล่อนออกห่างสายตาแล้วก็ตามที ทว่ากลิ่นกายหอมอ่อนๆ กลับลอยมาตามลมทำให้เขาเผลอสูดดมโดยไม่ได้ตั้งใจ
“คุณคิมไม่สบายหรือเปล่าคะ ให้มะลิโทร. ตามคุณลุงไหมคะ” มะลิลาประเมินจากสายตาคิดว่าเขากำลังไม่สบายหนัก
“อย่า… ไม่ต้อง” ธนาคิมกัดฟันพูด เขาจับราวบันไดแล้วประคองตัวเองเดินขึ้นห้องแต่ก็ลื่นล้มไม่เป็นท่า
“คุณคิม!” มะลิลาปรี่เข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว สองมือนุ่มช่วยประคองร่างใหญ่ “คุณคิมจะขึ้นห้องหรือคะ ให้มะลิช่วยนะคะ”
หอม… หอมมาก หอมเหลือเกิน
ธนาคิมก้มหน้าสูดดมกลิ่นกายของคนตัวเล็ก เขาเผลอประทับริมฝีปากกดแนบลำคอระหงแผ่วเบา มะลิลานิ่งไป
“มะลิ” น้ำเสียงแหบแห้งราวกับขาดน้ำหล่อเลี้ยงนานแรมปี
“คะ?”
“กลับห้องไปซะ ตอนนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่าอยู่ใกล้ฉันตอนนี้”
“แต่มะลิห่วงคุณ” เขาเป็นหนักขนาดนี้จะให้ทิ้งหนีกลับห้องได้อย่างไร
“ไม่ต้อง ไม่ต้องมาห่วงฉัน ห่วงตัวเองเถอะยัยโง่” ธนาคิมหลับตาแน่น ขบสันกรามแกร่งจนใบหน้าบูดเบี้ยวทรมาน
“ถอยออกไป” ใจจริงเขาอยากผลักร่างนุ่มนิ่มให้พ้นตัวแต่มือของเขากลับทรยศคว้าเอวคอดแนบชิด
“ถอยออกไป” ปากบอกให้หล่อนถอยแต่เป็นเขาเองที่กอดร่างหอมกรุ่นเอาไว้ จากตอนแรกหวังเข้ามาช่วยพยุงเขา กลายเป็นว่าตอนนี้มะลิลาตกอยู่ในอ้อมกอดของธนาคิมโดยปริยาย
“ถอยออกไป” เขาเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมผสานกลิ่นบุหรี่ยี่ห้อโปรดของเขาเจือจางมากับลมหายใจ มะลิลาแทบมัวเมาแม้ไม่ได้ร่วมดื่มด้วย
“คุณคิมคะ ปะ ปล่อยมะลิเถอะค่ะ”
เธอพยายามดันอกกว้างไม่ให้เขาเบียดชิด ธนาคิมก้มหน้าซบข้างแก้มนวล สันจมูกโด่งไล้วนเบาๆ ลมหายใจร้อนรินรดผิวแก้มพาหัวใจดวงน้อยสั่นไหว มะลิลารวบรวมความกล้าผลักเขาออกห่าง วินาทีนั้นเองที่สายตาเจ้ากรรมบังเอิญมองเห็นสิ่งนั้น
เป้ากางเกงของเขาชี้ตุงราวกับจะทะลุออกมานอกผ้า!
“มะ มะลิขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” เธอรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร หันหลังวิ่งลงบันไดเตรียมออกจากตึกใหญ่
“อุ๊ย คุณคิม” วิ่งลงไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกมือหนากระชากแขนเรียว
เซถลาชนอกกว้าง มะลิลาหน้าตาตื่นตระหนกเมื่อเห็นรอยยิ้มมาดร้ายบนริมฝีปากหยักสวย
“มันสายไปแล้วมะลิ”
เขาให้โอกาสเธอหนีแล้วแต่เธอไม่ยอมไปเอง ในเมื่อดื้อด้านนักก็สมควรถูกสั่งสอนให้หลาบจำ
“ตอนนี้…”
“…”
“ฉันตื่นตัวเต็มที่แล้ว!”