ตอนที่ 7 รับคำท้า

1837 คำ
ในช่วงเย็นของวันเดียวกันที่นี่ไม่มีแม่บ้าน ดังนั้นอาหารมื้อค่ำจึงเป็นหน้าที่ของตุลย์ที่ทำอย่างง่ายอาทิเช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ผัดกะเพราและอื่นๆ ที่ผู้ชายวัย 26 ปีจะพอทำได้และมื้อนี้ก็เป็นผัดผักบุ้งไฟแดงและทอดมันปลากราย มื้อค่ำถูกจัดเตรียมไว้ที่โต๊ะขนาดเล็กในเวลา 1 ทุ่มโดยมีกับข้าวสองอย่างและจานเปล่าสำหรับใส่ข้าวอีกสองใบ "เฮียทำเองเหรอ" ด้วยความหิวน้ำหนึ่งเดินมาที่ครัวและเห็นว่าทุกอย่างจัดเตรียมไว้แล้ว "ใช่" "เก่งจัง" เธอชื่นชมผู้ชายตรงหน้า น้อยคนจะมาทำอาหารแบบนี้ นอกจากเป็นบอดี้การ์ดอารักขาถือปืนเท่ๆ งานบ้านงานเรือนตุลย์ก็รับบทเป็นพ่อบ้านที่ดี "พอได้ ไม่ถึงกับเก่ง" ถ่อมตัวเองแล้วยิ้มตอบในยามที่ถูกชมเพราะอยู่กับราเชนทร์มาตั้งนานยังไม่ถูกชมแบบนี้เลย "แล้วแม่บ้านไปไหน" "ไม่มีหรอก เป็นบ้านพักส่วนตัวเฮียเชนทร์ไม่ต้องการให้ใครเข้ามา" "ก็เลยใช้งานเฮียตุลย์คุ้มเชียว" คนฟังหัวเราะชอบใจออกมาไม่ใช่ว่าใช้งานคุ้มหรือใช้งานหนัก ทว่าราเชนทร์ดูแลตุลย์รวมทั้งครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวะอย่างดี อะไรที่พอทำได้นอกเหนือจากการเป็นบอดี้การ์ดพวงตำแหน่งคนสนิทก็ยินดีทำ "หนึ่งมาก็ดีแล้ว ช่วยไปเรียกเฮียเชนทร์มากินข้าวหน่อย" "...." คนอายุน้อยส่ายหน้า ไม่สันทัดกับการอยู่ใกล้ราเชนทร์เสียเท่าไหร่ "ไปเหอะน่า มันเลยเวลากินข้าวมาครึ่งชั่วโมง ถ้าเฮียปวดท้องขึ้นมาละก็..." "ไปก็ได้" น้ำหนึ่งหน้าหงิกเมื่อปฏิเสธไม่ได้ หันตัวกลับออกจากห้องเดินขึ้นบันได ยืนมองมันอยู่สักจากนั้นยกมือขึ้นสูงสำหรับการเคาะและตั้งใจจะลงน้ำหนักข้อมือเรียกคนในห้อง แอ๊ด!! "...." ราเชนทร์เปิดประตูออกมาในจังหวะที่น้ำหนึ่งก็กำลังจะเคาะประตูทว่าเจ้าของมือน้อยๆ ก็หยุดชะงัก เมื่อคนร่างสูงเปิดประตูโผล่ออกมา "...." ดวงตารัตติกาลฉายแววคมกริบจ้องคนด้านหน้าประตูโดยไม่มีคำถามว่าขึ้นมาทำไม "คือ เฮียตุลยให้มาเรียกไปกินข้าวเย็น" "อืม" เขาตอบสั้นๆ จากนั้นก็เดินเลยผ่านน้ำหนึ่งลงไปยังห้องครัว น้ำหนึ่งแทบไม่ต่างจากอากาศมีเพียงคำตอบสั้นๆ และถูกเดินเลยผ่านไปแบบนี้ทั้งวันอย่างงงๆ “หล่อตาย เก๊กทั้งวันหน้าไม่เป็นตะคิวหรือไง” บ่นตามหลังกับความหน้านิ่งจนเดาไม่ออกว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ร่างแน่งน้อยเดินตามมาติดๆ ราเชนทร์นั่งเก้าอี้บนโต๊ะมีอาหาร 2 อย่างและข้าวถูกตักเตรียมใส่จานไว้สองจาน เจ้าของบ้านตักผักบุ้งร้อนๆ ลงประกบบนเม็ดข้าวสวยและตักพริกสดที่ซอยใส่น้ำปลาเพิ่มความนัวให้มื้อนี้ ช้อนที่เม็ดข้าวพูนล้นเตรียมจะยัดเข้าปากแต่กลับเกลือบตามองน้ำหนึ่งที่ยื่นกลืนน้ำลายห่างจากโต๊ะไม่กี่คืบ "แล้วไม่กินหรือไง" เขาเอ่ยขึ้นและยัดข้าวเคี้ยวแก้มตุ่ยกลืนลงคอ "หมายถึงหนึ่งเหรอ" "ตาฉันไม่ได้เหล่ถึงขั้นมองเธอแล้วเป็นไอ้ตุลย์" เขาพูดกับคนตัวเล็กที่ยืนกลืนน้ำลายท้องร้องเสียงดังจนได้ยิน ทั้งวันไม่ค่อยได้กินอะไรเพราะบ้านหลังนี้ไม่ค่อยได้สต็อกของกินอะไรไว้ "ไปนั่ง" ตุลย์กระซิบบอกคนเด็กกว่าร่วมโต๊ะกับราเชนทร์ในครั้งนี้ "ไม่ใช่ของเฮียตุลย์เหรอ" น้ำหนึ่งกระซิบตอบ "เฮียลดน้ำหนักไม่กินข้าวเย็น" ได้ยินเช่นนั้นน้ำหนึ่งรีบถอยเก้าอี้อย่างไว พอนั่งได้เท่านั้นคว้าช้อนส้อมและจ้วงผักบุ้งไฟแดงที่เป็นกับข้าวตักเข้าปากอย่างมูมมาม ช้อนในมือหนาที่ยกจ่อปากวางมันลงจ้องคนตรงข้ามที่นั่งกินข้าวโดยไม่สนใจอีกฝ่าย ตักไปไม่กี่คำกับข้าวเริ่มหมด ราเชนทร์ยักคิ้วและมองไปที่เมนูผักบุ้งเป็นการบอกให้ตุลน์ผัดมาอีกเพราะเด็กดื้อตรงหน้าเล่นกินกับมากกว่ากินข้าว บรรยากาศที่มีแต่เสียงช้อนเสียงเคี้ยวนั่งกันอยู่สองคนโดยที่ตุยล์เดินออกไปหลังบ้านไปทำธุระส่วนตัวหลังจากจัดโต๊ะอาหารให้คนเป็นนายเสร็จ “อดอยากมาจากไหน” “เปล่า” แต่ก็ยังตักเข้าปากไม่เลิกทั้งยังลุกไปตักข้าวในหม้อมาอีกสองทัพพีนั่งกินตามเดิมอย่างเอร็ดอร่อย “เดี๋ยวติดคอตาย” คนฟังเลิกสนใจตอบตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ส่วนราเชนทร์กินไปแค่ไม่กี่คำชายหนุ่มก็ยกแก้วน้ำมาดื่ม “อิ่มแล้วเหรอ” “อืม” ลุกจากเก้าอี้ขึ้นห้องนอนตามเดิม ปล่อยคนตัวเล็กนั่งกินข้าวคนเดียวต่ออย่างเอร็ดอร่อย แม้น้ำหนึ่งจะมองตามราเชนท์ทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ดีซะอีกจะได้กินแบบไม่ต้องเกรงใจ ไม่ยอมให้กลับบ้านเลานจ์จะกินให้เกลี้ยงเลยคอยดู แน่นอนว่าคืนนี้น้ำหนึ่งยังคงต้องค้างที่นี่ต่อและจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำของราเชนทร์แต่เธอกับเลือกจะเดินออกจากตัวบ้านไปสักหน่อยแล้วใช้ห้องน้ำของตุลย์แทน “ชั้นบนก็มี” “หนึ่งไม่สบายใจที่จะต้องเดินขึ้นห้องเฮียเชนทร์” ตุยล์พยักหน้าตอบก็คงจะไม่ชอบราเชนทร์เหมือนคนอื่นๆ ความหน้านิ่งดูไม่เป็นมิตรไม่แปลกที่จะมีคนไม่ชอบและมันก็เป็นส่วนใหญ่ตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา “แล้วชุดของคุณรันที่เฮียตุลย์เอามาให้ใส่ หนึ่งก็ไม่สบายใจเหมือนกัน” “กลัวเหรอ” “ใครจะไม่กลัว เสื้อผ้าคนที่ตายไปแล้วมาใส่” เอียงสายตามองรอบๆ กับบรรยากาศช่วงกลางคืนที่มีแต่ความเงียบ จากนั้นตุลย์ก็เดินออกไปห้องข้างๆ ที่เอาไว้เก็บของ ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมเสื้อตัวสีขาวลักษณะเป็นคอกลมและกางเกงตัวยาวลายสก๊อตสีแดงม่วง “ถ้าไม่อยากใส่ของคุณรันก็เอาของเฮียเชนทร์ไปใส่” “ของเฮียตุลย์ไม่มีเหรอ” “ไม่มี เฮียประจำที่กรุงเทพเป็นหลักข้าวของหรือเสื้อผ้าที่มีก็มีแค่ติดตัวมา” น้ำหนึ่งไม่อยากใส่เสื้อผ้าของราเชนทร์ อีกทั้งตัวมันใหญ่โคล่งมากเกินกว่าคนตัวบางๆ จะสวมเข้า เมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องจำยอมรับมันจากมือของตุลย์แล้วเดินกลับไปเปลี่ยนชุดออกมา ทว่ากางเกงคนเอวหนากับคนหุ่นบางเอว 24 นิ้วก็ต้องใช้ยางแดงมัดถุงแกงมัดขอบกางเกงเอาไว้กันมันหลุด “เฮ่อ ดูลำบากไปสะทุกอย่าง ให้กลับไปเลานจ์ยังจะง่ายกว่าการมานั่งหายใจทิ้งที่นี่” เธอบ่นตั้งแต่ยังไม่เปิดประตูห้องน้ำ เมื่อออกมาได้ก็หอบพระพุทธรูปองค์เดิมกลับไปยังที่นอนบนโซฟาตัวแคบและคราวนี้มีตะเกียงโบราณจุดเพื่อเป็นแสงไฟในยามที่ไฟโซล่าเซลล์ถูกตัดในช่วงกลางดึก แน่นอนว่าการอยู่ที่นี่น้ำหนึ่งไม่มีแม้กระทั่งมือถือมันหล่นหายไปตั้งแต่ตอนถูกวิ่งไล่และตัดหน้ารถของราเชนท์ ไม่รู้มันหายไปตอนไหน นอกจากทีวีก็ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่เข้าใจราเชนทร์จะให้เธออยู่ทำไมทั้งที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยสักนิดนอกจากการกินการนอนเท่านั้น ปัก!! ปัก!! เสียงอะไรบางอย่างกระทบกันในช่วงเที่ยงคืน น้ำหนึ่งที่กำลังสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นก็ต้องลืมตาเต็มดวงด้วยความตกใจ “ผี” ตาเบิกโพลงกับการคิดไปต่างๆ นาๆ ทว่าเสียงมันก็ดังต่อเนื่องหลายครั้ง ปัก!! เสียงมันมาจากทางด้านซ้าย น้ำหนึ่งลุกขึ้นทั้งกล้าทั้งกลัวจะลองสักหน่อยเสียงที่ว่ามันจะเป็นผีจริงๆ ไหม เดินหอบพระพุทธรูปย่องไปช้าๆ กันผีรู้ตัว ยืนแอบข้างผนังบ้านแล้วชะโงกหัวพร้อมดวงตาที่ปิดไว้หนึ่งข้างและเปิดอีกหนึ่ง หากเป็นผีจริงก็จะได้เห็นไม่ชัดเจน ทว่าเมื่อเพ่งออกไปปรากฏเป็นผู้ชายร่างโตยืนสวมแค่กางเกงนอนตัวยาวด้านบนเปลือยจนเห็นแผ่นหลังที่ลายสักรูปกะโหลกบริเวณด้านขวา ราเชนทร์กำลังเล่นสนุ๊กเกอร์คนเดียวในช่วงเที่ยงคืนเมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่ผีก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อย ทั้งยังแอบมองชายหนุ่มรูปงามที่เดินรอบโต๊ะพูลเล็งยิงลูกกลมๆ สีแดงสีเขียว ปัก!! ลูกสีน้ำเงินกระเด็นออกนอกโต๊ะตกกระทบไหลมาทางน้ำหนึ่ง เป็นผลให้ดวงตาคมกริบมองตามลูกสนุ๊กแล้วเห็นคนตัวบางยืนแอบมอง น้ำหนึ่งเกิดอาการประหม่าเมื่อราเชนทร์เห็นเธออยู่บริเวณนี้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนเกาหัวและกลอกสายตาไม่มาคล้ายคนเขินถูกจับไว้ว่าเธอแอบดู “เก็บมันมาสิ” เขาสั่งให้เธอเก็บลูกสนุ๊กมาให้ น้ำหนึ่งทำตามอย่างไม่คัดค้านเก็บเจ้าลูกกลมๆ และเดินเอามาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเตรียมจะหันหลังกลับมานอน ทว่าก็มีเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นตามหลัง “อยู่เล่นด้วยกันก่อน" "ว่าอะไรนะ" เธอหันกลับมาทวนคำถาม ทั้งที่ปกติราเชนทร์ไม่เคยเอ่ยปากพูดก่อน "หรือเล่นไม่เป็น" "เล่นเป็น ทำไมจะเล่นไม่เป็น" น้ำหนึ่งมีอาการขึ้นมาเมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น คนอย่างน้ำหนึ่งทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว "ลองมาแข่งกันไหม อยากรู้ฝีมือว่าจะแน่สักแค่ไหน" เป็นการท้าคนตัวเล็กที่ยืนแยกเขี้ยวเป็นแมวขู่ "ไม่มีปัญหา คนแพ้ต้องทำอะไร" ราเชนทร์เช็ดหัวไม้สนุ๊กจากนั้นก้มตัวเล็งไปยังลูกกลมๆ แล้วแทงลูกสีเหลืองลงไปเกือบเกลี้ยงโต๊ะ "ไม่ต้องทำอะไร" เดินมาอีกฝั่งเพื่อยิงลูกที่เหลือลงโต๊ะ ปัก!!! ยิงครั้งเดียวลูกสนุ๊กดีดตัวแตกกระจายไปลงไปทั้งสาม เป็นผลให้คนดูยืนกลืนน้ำลายแต่ยังมั่นใจในตัวเองว่าเก่งพอตัวเหมือนกัน "แค่คนชนะจะทำอะไรก็ได้" "อะไรก็ได้" เกิดความคิดในทันที หากเธอชนะก็จะสามารถออกไปจากบ้านหลังนี้เพราะกติกาของคนชนะคือทำอะไรก็ได้ ฉะนั้นมันก็คงไม่น่ามีอะไรเสียหาย น้ำหนึ่งรีบตกปากรับคำแข่งเล่นสนุ๊กเกอร์กับราเชนทร์โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าชายหนุ่มเคยเป็นนักกีฬาเก่าประจำโรงเรียนไฮสคูลสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม