ตอนที่ 6 ดั่งนกในกรง

1669 คำ
ในช่วงสายหลังจากอาบน้ำเสร็จ ราเชนทร์ย้ายตัวเองลงมาข้างล่างนั่งด้านนอกชมนกชมไม้ปล่อยดวงตาได้มองความเขียวชอุ่มของทัศนวิสัยเบื้องหน้า ส่วนน้ำหนึ่งก็นั่งอยู่บนโซฟาตัวเมื่อคืนมองตุลย์ที่กำลังประกอบกรอบรูปใบใหญ่แทนอันเดิมทที่น้ำหนึ่งตั้งใจทำมันแตก "เฮียตุลย์" น้ำหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นคนในรูปชัดเจนมากกว่าเมื่อคืนในความสงสัย ตลุย์ขานรับอีกฝ่ายในขณะที่นั่งขัดสมาธิบนพื้น ดวงตาก็จ้องกับสิ่งที่จดจ่ออยู่ตรงหน้า "เมียเฮียเชนทร์เหรอ" ได้ยินเช่นนั้นคนฟังหัวเราะออกมาในทันที แต่กระนั้นก็ไม่ตอบอะไรตั้งใจทำสิ่งที่ถือขึ้นในมือขันน็อตประกอบเพื่อยึดโครงกรอบรูปอย่างขะมักเขม้น "สวยดีเนาะ" น้ำหนึ่งเพ่งมองไปยังกระดาษใบใหญ่ที่เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาดีอายุน่าจะราวๆ กับเธอ คนในรูปผมสีดำขริบยาวถึงกลางหลังยกเรียวปากยิ้มเล็กน้อยผิวค่อนข้างขาวและมีดวงตาชั้นเดียวดูเหมือนอาหมวยด้วยซ้ำ "เขาบอกว่าเนื้อคู่กันมักหน้าตาเหมือนกัน" น้ำหนึ่งยังพูดไม่หยุดและชื่นชมผู้หญิงบนแผ่นกระดาษที่มีหน้าตาละม้ายคลายราเชนทร์อย่างมาก "พูดเก่งนะเรา ไม่เหมือนเมื่อวานกลัวเจ้าหนี้จนหน้าสั่นงกๆ" ตุลย์แซวน้ำหนึ่งผู้หญิงในวันนั้นกับวันนี้ช่างต่างกันอย่างกับคนละคน ในตอนนั้นเธอตัวสั่นราวกับผีเข้าแต่ตอนนี้พูดไม่หยุดอย่างไม่กลัวใคร "ใครจะไม่กลัว ถ้าหนึ่งหลุดไปอยู่ในน้ำมือพวกมัน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง" “คงถูกจับไปขายในซ่อง ถ้าจะให้ดีหน่อยคงเอาไปเป็นนางบำเรอขัดดอก ถ้าร้ายหน่อยคงโดนรุมข่มขืนแล้วฆ่าปาดคอ” น้ำเสียงขอตุลย์ที่ฟังแล้วเปลี่ยนไปทำน้ำหนึ่งตะลึงไม่น้อย จากหนุ่มขี้เล่นทำไมดูนิ่งๆ แฝงความร้ายในน้ำเสียงก็ไม่รู้ “….” "ล้อเล่นน่า ก็ต้องขอบคุณเฮียเขามากๆ" โทนเสียงเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิม ทำน้ำหนึ่งแปลกใจทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อพูดถึงราเชนทร์เธอก็ชะงัก ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่ดีทว่าการแสดงออกคำพูดคำจาแม้แต่สายตาที่ถูกผู้ชายคนนี้มองเธออย่างไร้การปราณี ทั้งดูไม่ออกว่าประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย การช่วยเหลือเธอในครั้งนี้มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า "ยังไม่ตอบหนึ่งเลย เมียเฮียเชนทร์เหรอแล้วมีลูกหรือยัง" ตาเหลือกตาลานอยากรู้เรื่องของคนอื่น "เฮียโสด" "โสด?" น้ำหนึ่งขมวดคิ้วจรดย่นเข้าหากันออกอาการงง ทว่าโสดแปลว่าต้องเลิกรากันราเชนทร์ต้องเป็นพ่อหม้าย "เมียทิ้งเหรอ" กระซิบในระยะแค่คืบกับตุลย์ ตาเบิกกว้างในความอยากรู้อยากเห็นเป็นเด็กขี้สงสัยทั้งที่อายุก็ว่ามากกว่า 20 ปีแล้ว "เปล่า" "เมียไม่ทิ้งโสดได้ยังไง" น้ำหนึ่งยิ่งงงไปใหญ่ "คนนี้คือคุณรัน" พอพูดถึงตุลย์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยใบหน้าบนรูปอย่างชื่นชม ตุลย์เองที่เอ็นดูรันราณีไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก "....." มองตุลย์ด้วยความอยากรู้ "น้องสาวของเฮีย" พอได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ ไม่นึกว่าราเชนทร์จะมีน้องสาวน่าตาสะสวยขนาดนี้ แถมดูเป็นคนจิตใจดีอีกต่างหากต่างจากราเชนทร์ดูทรงแข็งกระด้างห่ามๆ ไปเสียด้วยซ้ำ "แล้วน้องไปไหน หนึ่งมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่เห็นเลยหรือว่าคุณเขาไม่อยู่ที่นี่" น้ำหนึ่งยังถามต่อไม่เลิก ทว่าตุลย์ไม่อยากตอบอะไรมากสอดภาพถ่ายเข้าในกรอบรูปที่ประกอบเสร็จแล้วเตรียมแขวนไว้ตามเดิม "อยู่" "อยู่ แล้วอยู่ตรงไหนบ้านก็มีหลังเดียว ห้องก็ยิ่งมีห้องเดียวไปอีก" ดวงตาสีน้ำแกว่งมองหาบริเวณรอบครั้นเผื่อมีห้องด้านล่างแล้วไม่สังเกตเห็น "อยู่ตรงโน้น" ปลายนิ้วมือของตุลย์ชี้ออกไปทางหลังบ้านเป็นผลให้น้ำหนึ่งทอดดวงตาไปตามทิศทางที่ตุลย์เคลื่อนไหวออกไป ปกติเป็นคนสายตาสั้นเมื่อไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์แทบมองอะไรไม่เห็นและมันก็ถูกถอดออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ดวงตาเล็กหลี่มองเห็นพอเลือนรางจากนั้นลุกออกไปยังพื้นระเบียงกว้างขยับเข้าใกล้วัตถุตรงหน้าก็ต้องตาเบิกกว้างกะทันหัน "คุณพระ" ยกมือน้อยๆ ทาบอกสูดหายใจแรง เบื้องหน้าคือหลุมศพของผู้หญิงที่ชื่อรันราณีมันถูกฝั่งตามศาสนาที่นับถือเพราะราเชนทร์นับถือศาสนาคริสต์เลยทำตามพิธีที่มีมานานด้วยการฝั่งร่างของน้องสาวไว้ "เห็นหรือยัง" ตุลย์ตะโกนถามในยามที่น้ำหนึ่งรับรู้ว่ารันน้องสาวของราเชนทร์ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เงียบปากในทันที ความกลัวกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งบ้านหลังนี้มีหลุมศพของคนตายทั้งที่ไม่ควรเอามาไว้ใกล้บ้าน "อย่าบอกนะว่าเมื่อคุณรันมาหลอกเราอ่ะ" คุยกับตัวเองและคิดไปเองจากจินตนาการในความกลัว ร่างเล็กเดินกลับมาดูสงบเสงี่ยมมากกว่าเดิม จนตุลย์อดขำไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นใครกลัวผีเท่าน้ำหนึ่งมาก่อน "เฮียห่วงรูปนี้มาก" คนอายุมากกว่าเอ่ยขึ้น ในขณะที่น้ำหนึ่งกลับมานั่งบนโซฟาตัวเดิมมองตุลย์ที่กำลังยืนแขวนรูปขึ้นฝาผนังโดยไม่ต้องเหยียบโซฟาเพื่อเพิ่มความสูงด้วยใบหน้าเศร้าสลด และเมื่อน้ำหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองคงทำเกินกว่าเหตุมากเกินไปแค่โมโหที่ราเชนทร์ไม่ตอบก็ถึงกลับคว้ารูปใบสวยฟาดลงพื้นอย่างไม่สนใจ ยิ่งพอได้รู้ว่าเป็นน้องสาวของเจ้าของบ้านอีกทั้งเสียชีวิตไปแล้วยิ่งสลดไปใหญ่ ...อยากขอโทษราเชนทร์จัง... "เสร็จละ เฮียจะเข้าไปในเมือง" "หนึ่งไปด้วยสิ" "...." ตุลย์เปรยตามองเมื่อคนเด็กกว่าขอออกไปด้วย ทว่าชายหนุ่มคงไม่สามารถทำตามที่น้ำหนึ่งร้องขอได้ "เฮียเชนทร์" เสียงแหลมแผดเรียกผู้ชายร่างสูงที่กำลังยืนยกมือให้นกพันธุ์คอกคาเทลตัวผู้มีหงอนหัวเสียงเหลืองเข้มไล่เป็นสีอ่อนมาช่วงกลางตัวถึงหาง ราเชนทร์ชอบเลี้ยงนกเป็นชีวิตจิตใจเขาชอบฟังเสียงมันเพราะนกพันธุ์นี้มีความอดทนสูงเลี้ยงง่ายและปรับสภาพตัวเองได้สูงอีกทั้งชอบเลียนเสียงคน เมื่อได้ยินเสียงเรียกราเชนทร์ก็จับเจ้านกที่มีชื่อว่าแฮร์รี่เข้ากรงหรูไว้ตามเดิม ร่างสูงอยู่ในชุดคลุมที่ไม่มีเสื้อผ้าด้านในหมุนตัวกลับมามองเสียงต้นทางด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉย "พูดให้มันเบากว่านี้ นกฉันตกใจ" เตือนน้ำหนึ่งให้ลดเสียงแหลมลงมาหน่อยและทอดมองร่างแน่งน้อยด้วยสายตาเรียบเฉย "เลี้ยงนกพันธุ์อะไร" ดันสนใจสัตว์เลี้ยงของราเชนทร์ ทั้งที่มีจุดประสงค์จะมาขออนุญาตออกไปข้างนอกตั้งแต่แรก ทว่าเป็นแค่การปูทางเกริ่นเรื่องอื่นออกไปก่อน "พูดธุระของเธอมา" "คือ จะขอออก.." "ไม่" พูดยังไม่จบประโยค ราเชนทร์ก็ตัดจบด้วยการปฏิเสธ "จะไม่ฟังหนึ่งก่อนเหรอ จะขอออกไปข้างนอกกับเฮียตุลย์" แค่อ้าปากราเชนทร์ก็เดาได้ว่าน้ำหนึ่งหวังผลอย่างอื่นเธอคงต้องการจะออกไปจากที่นี่ คนอย่างราเชนทร์หว่านพืชก็ต้องหวังผล การจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากอาณาเขตของดิลกก้องเกียรติก็สมองกลวงเต็มทน "ฉันไม่ได้โง่" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทำให้น้ำหนึ่งกลืนน้ำลายพูดไม่ออก ราเชนทร์เดินเลยผ่านคนตัวบางเข้าไปในบ้านกลิ่นตัวหอมจางๆ ปะทะจมูกคนตัวเล็กกว่าแล้วขึ้นห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่น้ำหนึ่งเดินตามมาติดๆ ยืนข้างบันไดด้วยความผิดหวัง "หนึ่งอยู่ที่นี่ ไม่ต้องออกไปไหน" ตุลย์เอ่ยขึ้นและกำชับไม่ให้เธอออกไปไหนทั้งยังถือเป็นการสั่งห้าม "แต่หนึ่ง.." "ไม่ใช่แค่เฮียเชนทร์ที่มองออก เฮียเองก็รู้ว่าหนึ่งคิดอะไร" คนตัวน้อยเม้มปากมองไปทางอื่น ผู้ชายบ้านนี้เดาความคิดเธอออกทั้งหมด อยากจะใช้โอกาสนี้ติดรถเข้าไปในเมืองจะหาโอกาสชิ่งหนีไปเลานจ์ตามเดิมทุกอย่างก็คงล้ม "ถ้าไม่ได้เฮียเชนทร์ช่วยวันนั้น หนึ่งจะเป็นยังไง" ตุลย์ย้ำให้คนตัวบางตระหนัก น้ำหนึ่งนิ่งขึ้นทันตาเห็นเดินกลับไปหลังบ้านบริเวณที่มีกรงนก คนตัวเล็กนั่งมองสัตว์เลี้ยงขนสีเหลืองมีหงอนมันกำลังบินว่อนทั้งเกาะไต่ไปตามกิ่งไม้ขนาดใหญ่ในกรงด้วยสายตาท้อแท้ หากขาดงานที่เลานจ์เกิน 3 วันโดยไม่บอก ผู้จัดการเลานจ์หรือเจ้าของเธอจะถูกไล่ออกในทันที "ขนาดเป็นนกมีปีกบินทะยานขึ้นฟ้ายังไม่มีอิสระเลย นับประสาอะไรกับคนเดินดิน" ไม่รู้ว่าน้ำหนึ่งหมายถึงอะไร เธอยังใช้มือเท้าคางและจ้องแฮร์รี่อยู่อย่างนั้น โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีดวงตารัตติกาลมองผ่านหน้าต่างชั้นบนทอดลงมา ราเชนทร์ยืนสูบบุหรี่มองคนเบื้องล่างพร้อมประมวลความคิดในโสตประสาทที่ไม่มีใครคาดเดาว่าเขาคิดอะไร แต่ที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีทางได้หลุดออกไปจากดิลกก้องเกียรติหรือตัวเขา เว้นแต่จะพอใจและต้องการให้ไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม