ตอนที่ 5 คืนหลอน

2032 คำ
ตุลย์เมื่อได้ยินเสียงสิ่งของตกกระทบอยู่หลายครั้งก็วิ่งถือปืนมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่เพียงตัวเดียว บนหัวมีแชมพูสระผมขาวเป็นฟองทั่วทั้งหัว ทว่าวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางทะมัดทะแมงมือถือปืนเล็งเข้าพร้อมจะยิงกับศัตรูทุกเมื่อ ก็ต้องลดระดับมันลงเมื่อเห็นเจ้านายกำลังนอนทับร่างผู้หญิงที่พามาด้วยกันบนโซฟาจนแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" เมื่อได้ยินเสียงจากตุลย์และโผล่เข้ามา ราเชนทร์ก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองน้ำหนึ่งนอนจมบนโซฟาหลังจากถูกกดจนปวดแขนไปหมด ร่างเล็กดันตัวเองขึ้นทรงตัวนั่งเบ้หน้าจากความเจ็บปวดก่อนจะเอียงหางตามองคนอายุมากกว่าที่อยู่ใกล้ๆ "เด็กมันซนไปหน่อย" พับแขนเสื้อขึ้นแล้วแกะกระดุมปลดลงถึงกลางอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ในขณะที่น้ำหนึ่งก็ยังนั่งนวดแขนตัวเองไปมาไม่พูดไม่จามีเพียงสีหน้าของความเจ็บปรากฏออกมาเท่านั้น "คืนนี้ก็นอนบนโซฟาแล้วกัน" ราเชนทร์บอกคนตัวบางให้นอนบนโซฟาตัวนี้ จากนั้นก็เดินสะบัดคอขึ้นชั้นบนเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่สนใจน้ำหนึ่ง "ไปทำอะไรให้เฮียไม่พอใจ" ตุลย์กระซิบถามทันทีที่ราเชนทร์เลี้ยวตัวขึ้นบันไดจนหายไปชั้นบน "เปล่า หนึ่งแค่โมโหที่เฮียเขาไม่ยอมตอบ" หน้าหงิกในยามที่พูดถึงราเชนทร์ ตุลย์ทำหน้างง มีเรื่องอะไรกันถึงขั้นปาข้าวของโดนเฉพาะรูปภาพใบนี้ ราเชนทร์หวงยิ่งกว่าอะไร "เดี๋ยวเฮียอาบน้ำเสร็จจะเอาผ้าห่มหมอนเสื้อผ้าและของใช้มาให้" "ไม่เอา หนึ่งจะกลับเลาจน์" เธอโวยวายขึ้นและไม่อยากค้างที่นี่ "รู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน" "ไม่รู้" "ที่นี่เคยเป็นจุดพักทหารสมัยสงครามโลก มีคนตายเป็นร้อยๆ ศพเพราะถูกทหารต่างชาติยิงปืนเข้าใส่ ออกไปตอนนี้ไม่กลัวเจอผีหรือไง" ตุลย์ใส่น้ำเสียงบิ้วให้มันดูมีความน่ากลัวขึ้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำหนึ่งตาเบิกโพลงคล้ายเป็นสุสานดีๆ นี่เอง ความกลัวเริ่มเกิดน้ำหนึ่งเป็นคนกลัวผีมาก ยิ่งมารู้แบบนี้ยิ่งทำให้กลัวไปใหญ่ มองซ้ายมองขวาด้านนอกที่เงียบสงัดมันก็ดูวังเวงพอสมควร ทว่ามันเป็นเรื่องโกหก "แล้วเฮีย.." "ชื่อเฮียตุลย์ คนหน้าดุๆ ที่เดินขึ้นขึ้นชั้นบนคือเฮียเชนทร์เป็นเจ้านายเฮียเอง" ตุลย์แนะนำตัวเองและเผื่อไปยังเจ้านายด้วย ทว่าน้ำหนึ่งก็เบะปากเมื่อกล่าวถึงผู้ชายที่ไม่รู้จักถนอมเรือนร่างของผู้หญิงเอาเสียเลย "แปลว่าหนึ่งต้องค้างที่นี่นะสิ" "อยากไปก็ไปเอง ดึกขนาดนี้เฮียไม่ไปส่งหรอก กลัวผี" ย้ำอีกรอบทำน้ำหนึ่งขวัญผวาไปใหญ่ พูดจบตุลย์ก็หันหลังกลับเพื่อจะไปบ้านเรือนด้านหลังอาบน้ำหลังตัวให้สะอาด ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของคนที่เพิ่งสนทนาด้วยเอ่ยตามหลัง "เฮียตุลย์" "...." หันกลับมอง "ยืมพระในคอสักคืนสิ หนึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้" ดวงตาสีน้ำตาลกลอกล่อกแล่กไปมาเหมือนมองอะไรบางอย่าง ตุลย์กำพระในคอที่มีขนาดองค์แค่นิ้วหัวแม่มือมองมาที่ร่างแน่งน้อยบนโซฟา "องค์เล็กนิดเดียวกันผีไม่ได้หรอก เดี๋ยวจัดการให้" จากนั้นตุลย์เดินออกไปอย่างรวดเร็วเพราะเริ่มคันหัวคันตัวเมื่อยังไม่ได้ล้างคราบแชมพูและสบู่ โดยทิ้งน้ำหนึ่งนั่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเพียงคนเดียว ลมเย็นโกรกเข้าทางระเบียงที่ไม่มีผนังกั้น ความเย็นยะเยือกทำขนอ่อนบนร่างลุกพรึบพร้อมกัน ขนหัวก็เริ่มลุกเมื่อบรรยากาศวังเวงเหลือเพียงเธอคนเดียว "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" ยกมือพนมท่วมหัวร้องเรียกหาพระรัตนตรัยออกมาปกป้องคุ้มครองจากภัยของวิญญาณ ฟึบ!!! "ว๊าย!!!" น้ำหนึ่งร้องลั่นในยามไฟฟ้าดับลง กระโดดยกเท้าขึ้นเหยียบโซฟานอนขดหน้ามุดหมอนใบเล็กที่เอาไว้ใช้พิงหลัง ทว่ายิ่งหวีดร้องหนักไปใหญ่เมื่อสัมผัสได้ว่าหัวไหล่กำลังถูกบางอย่างสะกิดสัมผัส "ไปที่ชอบๆ เถอะ อย่ามาหลอกมาหลอนเลย" เสียงสั่นจากความกลัวเอ่ยขึ้นบอกสัมพเวสีกำลังหลอกหลอน "เหนิ่ง" เสียงหย่อนยานทำเอาขนหัวลุกหนัก ยกมือพนมร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วตัวสั่นระริกในยามคล้ายมีวิญญาณมีสนทนาด้วย คำโบราณหากมีใครมาเรียกชื่อในยามดึกสงัดจะไม่ขานรับเด็ดขาด "นะโมตัสสะ ภควโต" เริ่มสวดมนต์ตัวสั่น "หนึ่ง" "อย่ามาหลอกหนู หนูเพิ่งมาไม่รู้เรื่องอะไร ไปหลอกเฮียตุลย์กับเฮียเชนทร์เลยไป" น้ำหนึ่งไล่ผีให้ไปหลอกอีกฝ่ายโดยให้เหตุผลมาเธอพึ่งมาที่นี่ "หนึ่ง" คราวนี้เสียงดังขึ้นไม่หย่อนเหมือนรอบก่อน หันหน้ากลับมามองอย่างเชื่องช้า ทว่าก็ต้องร้องจ๊ากเมื่อคนที่ยืนอยู่คือตุลย์นุ่งสโลงและทาแป้งทานาคาขาวเต็มหน้าราวกับผีโบราณ "ตกใจหมด" ยกมือน้อยๆ ทาบอกหายใจแรง ก่อนจะผ่อนลมหายใจให้เบาขึ้นเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่ผี "เฮียก็ตกใจ ร้องไม่ดูตาม้าตาเรือเลย" บ่นให้น้ำหนึ่งที่เอาแต่ร้องกับร้อง "ใครจะไปรู้ว่าเป็นเฮีย ไฟก็ดันมาดับเอาตอนนี้" "ที่นี่ไฟจะดับอัตโนมัติตอนตี 4 แล้วจะกลับมาเปิดตอน 6 โมงเช้า" เป็นบ้านสไตล์รีสอร์ตที่ใช้ไฟจากแผงโซล่าเซลล์เป็นหลัก ส่วนไฟฟ้าปกติก็จะสลับใช้บ้างยามจำเป็น "ประหยัดกันจัง" "ลดภาวะโลกร้อน" ตุลย์ยื่นหมอนใบใหญ่ผ้าห่มและเสื้อผ้าตัวใหม่ ทว่าอาการศเย็นๆ แบบนี้น้ำหนึ่งคงไม่อาบให้เสียเวลานอน "แล้วมีอะไรมาให้กันผี" ยังไม่ลืมของขลังที่ขอเอาไว้ ตุลย์ยกพระพุทธรูปองค์ใหญ่วางไว้บนโต๊ะข้างโซฟา "กันได้ทุกผี" พอกล่าวออกมาเป็นผลทำให้คนฟังสบายใจขึ้น "ขอบใจเฮียตุลย์มาก เฮียออกไปได้แล้ว หนึ่งจะถอดเสื้อผ้า" มีพระวางไว้ใกล้ๆ ก็สบายใจไปหนึ่งเปราะ เมื่อตุลย์เดินพ้นประตูออกไปบ้านเรือนด้านหลัง น้ำหนึ่งก็จัดการเปลี่ยนชุดโดยไม่ทันได้สังเกตว่าชุดที่เปลี่ยนใส่มันเป็นชุดของผู้หญิง ที่นอนสำหรับคืนนี้ก็เป็นโซฟาตัวแคบ แต่เมื่อเทียบกับร่างบอบบางของน้ำหนึ่งก็ถือว่ากว้างมาก วางศีรษะลงหมอนนิ่มและห่มผ้านอนยังไม่ทันจะหลับ เสียงพื้นไม้ก็ดังเอี๊ยดอ๊าดจนน้ำหนึ่งกลัวอีกครั้ง ลุกขึ้นนั่งคว้าพระพุทธรูปเข้ากอด รู้สึกได้ว่ามีมวลความร้อนมหาศาลกำลังปกคลุม มองไปด้านนอกต้นไม้ก็โย้เย้โยกตัวมองไปมาราวกับผีเปรตไหนจะเสียงกอไผ่ที่เสียดสีกันดังเป็นระยะชวนหลอนไปกันใหญ่ ตั๊กแก!!! ตุ๊กแกร้องพร้อมกันสองตัวสลับไปมาพร้อมสายลมโชยโกรกเย็นยะเยือก น้ำหนึ่งเด้งตัวลอยหวืดเหนือพื้นแล้วกระทบฝ่าเท้าน้อยๆ ลงพื้น จากนั้นวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดไปในความมืด สัญชาตญาณความกลัวทำให้ก้าวขาขึ้นบันไดได้อย่างรวดเร็วทะลุไปชั้นบนของบ้านโดยไม่ตกขั้นบันไดเลยสักนิด ด้านบนมีเพียงห้องนอนห้องเดียวและราเชนทร์นอนอยู่ในนั้น "เฮีย" ปังๆ!! "เฮีย ผีหลอก" กระหน่ำเคาะประตูจนคนด้านในตื่น ราเชนทร์ถือกระบอกไฟฉายที่วางไว้หัวเตียงออกมาเปิดเห็นน้ำหนึ่งหน้าตื่นตกใจกลัวทั้งยังหอบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นมาด้วย "มีอะไร" "ผีหลอก ขอหนึ่งนอนด้วย" มุดตัวลอดหว่างแขนที่ราเชนทร์จับประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่มกระชับตัวและยังนอนกอดพระพุทธรูปไม่ปล่อย ราเชนทร์ไม่มีโอกาสได้ถามหรือปฏิเสธ มีแต่ยินแต่เสียงสวดมนต์พึมพำอย่างบางเบาภายใต้ผ้าห่มที่ดึงขึ้นมาคลุมทั้งศีรษะ เจ้าของห้องฉายไฟส่องด้วยท่าทีประหลาดใจ เตียงขนาดเล็กมันเหมาะกับการนอนคนเดียวมากกว่า แม้น้ำหนึ่งจะตัวบางสามารถเบียดได้ ทว่าก็คงไม่อยากเบียดให้นอนไม่สบายตัว "ลงมานอนข้างล่าง" จับข้อเท้าอยู่ภายใต้ผ้าห่มกระตุกดึง เขาสั่งให้น้ำหนึ่งลงมานอนพื้นเพราะตอนนี้เธอกำลังแย่งเตียงนิ่มและกำลังหลับสบายๆ "ไม่เอา เดี๋ยวผีอยู่ใต้เตียง" ยังสวดมนต์พึมพำอยู่แบบนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมลงและเหมือนไม่มีสติจากความกลัว คนที่ต้องสละลงมานอนพื้นแข็งๆ เองก็คงต้องเป็นราเชนทร์ หยิบหมอนโยนลงพื้นจากนั้นก็เอนกายนอนมือขัดไว้หลังท้ายทอยหนึ่งข้าง อีกหนึ่งข้างวางไว้ที่หน้าท้องแล้วหลับตาลง เสียงสวดมนต์ยังพึมพำเข้ารูหูในยามที่ราเชนทร์ก็ง่วงจนไม่อยากลุกมาโวยวายและหลับไปจนเช้า นกกระจิบบินยามเช้าส่งเสียงประสานระงมวนรอบบ้าน ทั้งแสงแดดอ่อนสาดกระทบเปลือกตาหนาของราเชนทร์ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวขึ้น แต่เหมือนกับว่าจะปวดแขนข้างซ้ายเข้าอย่างมาก ในยามลืมตาก็ตกใจพอสมควรร่างแน่งน้อยของน้ำหนึ่งกำลังหนุนหลับบนแขนของเขาอย่างสบายใจ "ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เขาคุยกับตัวเอง เด็กคนนี้ลงมานอนกับเขาตอนไหนได้แต่มองคิ้วขมวดและจ้องใบหน้าสวยของคนหลับในระยะแค่คืบ น้ำหนึ่งลงมาเพราะกลัวผีจัดและไม่กล้านอนบนเตียงคนเดียวเลยแอบย่องลงนอนข้างๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว บนหัวไหล่ยังมีศีรษะทุยหนุนอยู่หากผลักออกก็คงเลือดเย็นมากเมื่อน้ำหนึ่งหลับใหลอยู่ห้วงนิทราทั้งมุมปากยกยิ้มขึ้นเป็นครั้งคราวราวกับกำลังฝันดี "คนบ้าอะไรนอนยิ้ม" ว่าแต่เขาราเชนทร์กลับยิ้มตามเองอย่างงๆ ทว่าก็มีกลิ่นตุลอยปะทะเข้ามา ราเชนทร์ย่นจมูกดมหาว่ามันคือกลิ่นอะไรจนกระทั่งโน้มจมูกเข้าใกล้น้ำหนึ่ง สูดดมมันอยู่แบบนั้นเพื่อความแน่ใจเป็นผลให้ปลายจมูกคลอเคลียอยู่บริเวณข้างแก้ม "ทำอะไรอ่ะ" ราเชนทร์สะดุ้งเมื่อน้ำหนึ่งรู้สึกตัวขึ้นมา "...." "แอบหอมแก้มหนึ่งเหรอ" พอตื่นได้ก็โวยวายขึ้นมันที คนตัวโตรีบลุกดึงแขนที่ถูกหนุนมาตั้งนานออกทำให้ศีรษะของคนตัวบางโขลกลงกับพื้นดัง ปัก! "อย่ามากล่าวหาฉัน" "ไม่ได้กล่าวหา ก็เห็นอยู่ว่าเอาจมูกกับปากมาใกล้" ลุกขึ้นนั่งบ้าง โดยทั้งสองคนกำลังนั่งเถียงบนพื้นไม้แข็งๆ ราเชนทร์ย่นจมูกโน้มเข้าใกล้และสูดอีกรอบ น้ำหนึ่งเอียงตัวหลบทว่าก็หลบไม่พ้นเพราะหัวดันชนเข้าขอบเตียงไม่สามารถหลบไปมากกว่านี้ได้ "เหม็น" ราเชนทร์พูดขึ้น ทำให้น้ำหนึ่งยกแขนตัวเองขึ้นมาดมและมันก็มีกลิ่นเป็นผลมาจากการไม่อาบน้ำเมื่อคืน เจ้าของเรือนร่างมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ก็เขินอายในทันที "เมื่อคืนมันหนาวอ่ะ เลยไม่ได้อาบน้ำ" พูดไปก็อับอายไป ทั้งยังมีกลิ่นตัวจากเหงื่อไคลตั้งแต่เมื่อวาน ราเชนทร์ใช้ปลายนิ้วมืออังจมูกบ่งบอกว่าคนตรงหน้าเหม็นมาก "ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย" เอ่ยปากขอมัน น้ำหนึ่งต้องรีบทำความสะอาดร่างกายเป็นผู้หญิงปล่อยตัวเหม็นจนผู้ชายหยีแบบนี้รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้น จากนั้นราเชนทร์เดินไปหยิบมาให้แล้วให้น้ำหนึ่งใช้ห้องน้ำในห้องนอนเพราะมันมีอยู่ห้องเดียวทั้งบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม