ร่างเล็กเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้อง ก่อนจะทิ้งสายตาไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา จากนั้นจึงเลื่อนสายตามาหาอีกคนที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่บนที่นอน
โดยสายตาของทุกคู่ต่างก็มากองรวมกันอยู่ที่เจ้าจันทร์เพียงคนเดียว
เพียงแค่มองตากัน พวกมันก็รู้ดีว่าหญิงสาวจะพูดอะไรออกมา
“พวกแกบอกว่าถ้าฉันสอบเข้ามันฑณศิลป์ได้ พวกแกจะพาฉันไปเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นแพงๆ ไม่ใช่?” หญิงสาวเอ่ยทวงรางวัลที่พวกมันเดิมพันกันไว้ ตอนที่ยังไม่ได้ประกาศผล
คนอย่างเจ้าจันทร์สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คงจะเป็นเรื่องกินของมันนั่นละ
ผู้หญิงห่าอะไรวะ? กินจุยังกับถูกปอบสิงร่าง ตัวเล็กบอบบางขนาดนั้น ไม่รู้ว่ามันเอาของที่กินเข้าไป ยัดใส่ไว้ตรงไหนบ้าง?
“เออตามนั้น..มื้อนี้ฉันจะเป็นเจ้ามือให้เอง” โชกุนตอบรับ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับใต้ฝุ่น แล้วเลื่อนสายตามาพูดกับคันศร “เดี๋ยวกูกับไอ้ฝุ่นจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้อง อีกครึ่งชั่วโมงค่อยเจอกัน” จากนั้นจึงหันมาพูดกับร่างบางที่ยืนอยู่ข้างตัว “ส่วนแกก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องของแกได้แล้วละมั้งไอ้เจ้า ไอ้ศรมันจะได้อาบน้ำแต่งตัว”
“อื้อ...เดี๋ยวฉันก็จะไปเหมือนกัน แต่ขอคุยกับไอ้ศรมันหน่อยหนึ่งก่อน...” เจ้าจันทร์หันไปบอกโชกุน ในขณะที่พวกนั้นเดินออกไปจากห้อง หญิงสาวก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งตรงข้างเตียงฝั่งที่คันศรนอนอยู่
“มีไร?” คันศรเอ่ยถามสั้นๆ ออกไป โดยไม่ละสายตาจากหน้าจอมือถือ ที่กำลังกดเล่นเกมส์อยู่ของเจ้าตัว
“ดูแกไม่พอใจเท่าไหร่ที่เห็นฉันสอบได้” เจ้าจันทร์เอ่ยถามร่างใหญ่ออกไปตรงๆ ตามนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์
“ไม่ใช่แค่ไม่พอใจ!” คันศรกดปิดเกมส์ในโทรศัพท์แล้ววางมันไว้ข้างตัว ก่อนจะพูดต่อ“แกก็รู้นี่ว่าเรื่องอะไร?”
“.......”
“เป็นงั้นก็ไม่ต้องมาถาม แกรีบไปอาบน้ำเถอะ...ฉันหิวแล้ว”
คันศรตัดบทจบ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนู แล้วพาร่างใหญ่ของตัวเองเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ โดยปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งทำหน้าเซ็งอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนจะออกจากห้องของคันศร แล้วเดินเข้าห้องของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
เจ้าจันทร์รู้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่มันก็อดถามไม่ได้ไง...
ไม่ใช่อยากจะปิดบังอะไรกับคนในครอบครัวของตัวเองหรอกนะ เพราะถึงยังไงสักวันหนึ่ง หญิงสาวก็จะต้องบอกความจริงทุกอย่างให้แม่และพี่ชายใด้รู้อยู่แล้ว เพียงแต่มันช้าต่อจากนี้ไปอีกแค่สามปีเท่านั้น
ความจริงเจ้าจันทร์เป็นคนที่รักงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าประกวดแข่งขันวาดภาพ จนได้รับรางวัลมากมาย ตั้งแต่ชั้นประถมมาจนถึงมัธยมปลายนั่นแล้ว สิ่งนั้นมันก็เป็นการการันตีให้ทุกคนได้เห็นว่าเจ้าจันทร์เหมาะสมกับอะไรมากที่สุด แต่มันก็พูดกับใครไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงเข้ามาเรียนวิศวะ...แทนที่จะเป็นหมอ...
หรือแม้แต่การสอบเข้ามาเรียนมันฑณศิลป์ ตามที่เจ้าจันทร์ได้ไฝ่ฝันเอาไว้ตั้งแต่ทีแรก...
ใช่...
นั่นเป็นเพราะ...เธอชอบมัน...
คันศร...
ถึงได้ยอมตามมันมาเรียนในคณะเดียวกัน ทั้งที่ไม่ชอบเรียนวิศวะอะไรนั่นเลย...
ยอมเสียเวลากับความรู้สึกนั้นมาตั้งสามปี...แต่ทุกอย่างยังคงที่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน...
แล้วตอนนี้หญิงสาว ก็ต้องการจะทิ้งความรู้สึกนั้นออกไปจากหัวใจของเธอให้ได้เท่านั้นเอง...
เจ้าตัวยอมซิ่วทั้งที่กำลังจะขึ้นวิศวะปีสาม แล้วกลับมาสอบเข้ามันฑณศิลป์ตามที่ตัวเองต้องการ
หญิงสาวอยากให้งานศิลปะช่วยบำบัดรักษาสภาพจิตใจที่มันกำลังจมดิ่งลงไปทุกที...
เพราะคำว่าเพื่อน...มันถูกตีกรอบเอาไว้จนทำให้เจ้าจันทร์ขยับขาก้าวออกมาไม่ได้เลย หรือเป็นเพราะคันศรเองกันแน่ที่พยายามกันตัวเองเอาไว้ จนเจ้าจันทร์ไม่สามารถทะลุกำแพงโปร่งใสนั่นเข้าไปหามันได้เลย...
และไม่เคยอยู่ในสายตา...
เป็นงั้นก็ไม่ต้องไปถาม ตามที่คันศรได้พูดออกมานั่นละ ทุกอย่างมันคงจะถูกต้องตามแบบฉบับของมันที่สุดอยู่แล้ว...