[18] หญิงสาวปริศนาวางตะเกียงและเปิดฮู้ตออก หน้าตาของเธอดูเด็กกว่าน้ำเสียงมากแต่ก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายบนนั้น จังหวะที่ฉันกำลังจะยกมือขึ้นเพื่อบอกว่าไร้อาวุธหญิงสาวคนนั้นก็ทำอะไรบางอย่างกับร่างกายฉันจนขยับไม่ได้ ฉันเริ่มสติแตกเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาพร้อมกับมีดเล่มหนึ่ง แต่มีดเล่มนั้นเฉือนข้อมือฉันบางๆ อะไรกัน?
"เธอไม่ใช่พวกแวมไพร์นี่" หญิงสาวดีดนิ้วอีกครั้งจนร่างกายฉันเป็นอิสระ "พวกเธอเข้ามาได้ยังไง?"
ฉันส่งสร้อยเครื่องรางให้เธอ หญิงสาวรับมันไว้ก่อนจะมองเซตที่หมดสติในอ้อมแขนของฉัน "โดนพวกธานาทอสเล่นงานมาใช่มั้ย?" ฉันพยักหน้า "พาเขามานี่เร็ว"
เธอถือตะเกียงนำทางฉันมาถึงห้องในชั้นใต้ดินและเริ่มจุดไฟเตา ห้องพยาบาลที่ถอดแบบจากสมัยกลาง ฉันลากเซตไปจนถึงเตียงและใช้ผ้าห่มปิดช่วงล่างที่เปลือยเอาไว้ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาไปเจออะไรมาบ้างตอนที่โดนจับไป แต่ความทรมานที่ฉันรู้สึกนั้นมันเจ็บปวด...ทรมาน ถ้าฉันอยู่ในนั้นคงจะเสียติอย่างที่เซตเป็น เป็นหญิงสาวผู้แตกสลายไม่ต่างจากตัวเขา
เซตเริ่มชักโดยไร้สาเหตุจนฉันต้องกดตัวเขาไว้ "เซต! อย่าทำให้ฉันกลัวแบบนี้นะ" หญิงสาวในชุดฮู้ตหยิบสมุนไพรจากชั้นวางของออกมาบดอย่างรวดเร็วก่อนจะป้ายบนแผลกัด อาการคลั่งของเซตค่อยๆ สงบลง
"พระเจ้า...เขาเป็นอะไร?"
"พิษเขี้ยวของพวกธานาทอส" หล่อนใช้มือแตะหน้าผาก "ไข้ขึ้นสูง อาการไม่ดีแน่"
"เขาจะไม่ตายใช่มั้ย?"
"กรณีแย่สุดคือเพื่อนเธอตายเพราะพิษที่อยู่ในกระแสเลือด แต่ถ้าไม่" เธอลังเลที่จะบอกคำตอบกับฉัน และสุดท้ายก็ต้องพูดออกมา "เพื่อนเธอจะกลายร่างโดยสมบูรณ์"
"ปล่อยให้เธอเดินเข้าไปในป่าได้ยังไง!" จอห์นซึ่งโกรธจัดมองผู้สร้างของตนที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาว "ถ้าพวกนั้นจับเธอไปได้ คุณรู้ดีนี่ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง"
"รู้สิ รู้ดีจนกว่าจะเสี่ยงเปิดวงเวทย์ให้นายเข้าไปช่วยเธอ" อีเลียตเดินเข้าไปใกล้วงเวทย์จนเกิดประกายไฟบนมือของเขา เดนน่าที่เห็นเช่นนั้นถอนหายใจก่อนจะพูดกับจอห์น
"เขาพูดถูกนะ นายจะเอาชีวิตของคนทั้งเมืองไปเสี่ยงไม่ได้ ไหนจะพวกธานาทอสที่รอแหกกรงเข้ามาอีก นายอยากใช้ทางเลือกแบบนั้นจริงๆ หรอ"
"เธอไม่มีวันเข้าใจหรอก"
"น้องชายฉันโดนพวกมันจับไปนะ ฉันจะไม่เข้าใจความรู้นายได้ยังไง"
สาวผมแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนจะหันไปสบตากับจอห์นที่กำลังเดือดดาล แวมไพร์หนุ่มร่างสูงเห็นเพียงเท่านั้นจึงกลืนน้ำลายและเลือกที่จะเบือนหน้าหนีเดนน่า จนกระทั่งลูอิสและจาเวียร์เดินเข้ามารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตา หนุ่มเม็กซิกันร่างใหญ่มองหาตัวอเลสซ่าและเริ่มตั้งคำถามด้วยสีหน้า
"อเลสซ่าล่ะ?"
"หายเข้าไปในป่าแล้ว แถมแตกแถวหายไปอีกต่างหาก"
"เธอมองไม่ห็นพวกคุณหรอกครับ ใครที่หลงเข้าไปไม่มีทางได้กลับออกมา"
เดนน่าที่รับรู้ถึงคนอื่นที่ส่งเสียงพูดจากในป่ายิงหน้าไม้ในมือเข้าไปโดยไม่ลังเล จนเมื่อแวมไพร์เจ้าของขอบตาดำคล้ำจะโผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอ คนอื่นๆ ส่งสายตาแปลกใจยกเว้นจาเวียร์ที่พอจะจำเขาได้ถึงแม้สภาพในตอนนี้ของเขาจะแตกต่างไปมากก็ตาม
"ฉันจำนายได้...ในโรงงานนั่น"
"ผมรู้ๆ ไม่ใช่สถานที่เดทที่ดีว่ามั้ย" เมื่อเห็นว่ามุขตลกไม่ได้ผลเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ผมชื่ออาร์และผมรู้ว่าคุณสาวน้อยผู้น่าสนใจของคุณอยู่ที่ไหน และผมเป็นคนเดียวที่จะช่วยคุณได้"
"เธอปลอดภัยใช่มั้ย? ได้โปรดบอกทีว่าเธอปลอดภัย"
"แค่ตอนนี้ ผมไม่มีเวลามาตอบคำถามงี่เง่าของพวกคุณหรอกนะหรอกนะ ถ้าไม่รีบเข้าไปเธอตายแน่คุณมนุษย์หมาป่า"
และจากนั้นสายตาของทุกคนก็จ้องจาเวียร์ด้วยความเห็นที่ตรงกัน "โอเค...ฉันต้องเข้าไปสินะ"
"ให้ฉันไปเป็นกำลังเสริมสิ" เดนน่ากล่าวขึ้นก่อนจะเก็บหน้าไม้พาดไว้ด้านหลัง "อย่างน้อยถ้าโดนล้อม ฉันก็เป็นตัวล่อที่ดีได้นะ"
เมื่อไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของนักล่าสาวหนุ่มเม็กซิกันจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นจนกายเปลือยเปล่าท่ามกลางแสงจันทร์ คืนพระจันทร์เต็มดวงช่วยเพิ่มพลังของเขาให้มากกว่าการเปลี่ยนในวันอื่นๆ "ไม่ลองมองวิวข้างนอกบ้างหรอ ฉันกลายร่างไม่ได้นะถ้า-" สายตาทุกคนยังจับจ้องเหมือนกำลังรอชมโชว์แปลก "งั้นก็ฝากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยล่ะ"
จาเวียร์กล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะคุกเข่าลงอีกครั้ง ร่างกายของมนุษย์หมาป่าหนุ่มตอบสนองต่อแสงจันทร์อย่างรวดเร็ว มือทั้งสองหลอมละลายและกลายสภาพเป็นอุ้งเท้าขนาดใหญ่ เล็บมือและเท้าหลุดออกและแทนที่ด้วยกรงเล็บแหลมคม ชายหนุ่มกัดฟันข่มเสียงร้องจนศีรษะของเขาหลอมละลายและเกิดเป็นโครงร่างของหมาป่า...ขนาดสองเมตร
"ว้าว..." แมทและลูอิสที่ไม่คุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้อุทานออกมาพร้อมกัน "นั่นคุณจริงๆ หรอจาเวียร์?"
หมาป่าร่างยักษ์หันมองแมทที่เป็นฝ่ายตั้งคำถามและส่งเสียงหอน เดนน่าที่ประหลาดใจเล็กน้อยลูบขนสีน้ำตาลแซมดำของจาเวียร์ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งด้านบน "ไม่เจ็บใช่มั้ย?" จาเวียร์ส่งเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะทำท่าออกตัว "ไปกันเถอะ"
ฉันกลับมาพร้อมขันใส่น้ำและผ้าเช็ดตัวผืนเล็กโดยที่เซตนั้นยังมีอาการหวาดกลัวตลอด...ทุกครั้งที่ฉันสัมผัสเขา เหมือนสติของเซตจะเตลิดไปทีละน้อย ฉันไม่อยากจินตนาการหรอกว่าแวมไพร์พวกนั้นทำอะไรกับเขาบ้างจนทำให้ความทรงจำของเซตย่ำแย่ขนาดนี้ แต่หลังจากที่ฉันเริ่มเช็ดคราบเลือดบนตัวเขา ฉันบอกได้เลยว่าภาพที่เห็นนั้นน่าสะเทือนใจเสียยิ่งกว่า
นอกจากรอยกัดเกือบๆ สิบและรอยเชือกบนข้อมือข้อเท้า ทวารของเขายังมีบาดแผลฉีกขาดด้วย
"น่าเศร้านะ" หญิงสาวในชุดคลุมกลับเข้ามาพร้อมกับกำใบไม้ในมือ "ไม่มีใครสมควรเจอเรื่องแบบนี้"
"คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงช่วยฉัน"
"แอนนาเชีย เรียกฉันด้วยชื่อนั้น ที่จริงก็ไม่อยากช่วยหรอก...แต่ดูท่าที่อาร์พูดคงเป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอช่วยเขาไว้ ฉันติดหนี้หมอนั่นไว้ด้วยสิ"
เซตเริ่มมีอาการอีกครั้งไม่นานหลังจากที่แอนนาเชียให้ยาเขาไป ผิวขาวนวลของเขาเริ่มปรากฏเส้นเลือดสีดำสนิทขึ้นมา สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินจากปากของเขาคือศัพท์ที่พอจับใจความได้ว่า 'ได้โปรดฆ่าผม' มันทำให้ฉันรู้สึกสงสารเขาจับใจ เนตรอันแสนเยือกเย็นจ้องมอง แต่ฉันกลับไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า จนเมื่อสติที่หลุดลอยของฉันกลับมาเพราะแอนนาเชียสะดุ้งเฮือกขึ้นมา
"เกิดอะไรขึ้น?"
"เขามาแล้ว" เธอหันมาหาฉันพร้อมดวงเนตรคลอหยาดน้ำ "เดเมียนมาแล้ว"
แอนนาเชียหายตัวไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ให้คำแนะนำอะไร ฉันทั้งสงสัยและตกใจในเวลาเดียวกัน...ประตูด้านบนเริ่มส่งเสียงดังขึ้นคล้ายกับมีสัตว์ร้ายจะพังเข้ามา ฉันกำสร้อยเครื่องรางและมือของเซตไว้แน่นหวังจะหายตัวไปจากที่นี่ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาจเป็นเพราะตอนนี้ฉันอยู่ในวงเวทย์อยู่แล้ว ทางเลือกสุดท้ายที่ฉันมีคือขวดเลือดของอาร์ที่สำรองไว้ สำหรับคนเดียว เซตที่ยังไร้ความทรงจำมีท่าทีหวาดกลัวจนฉันรู้สึกได้
"เซต" ฉันลูบไหล่เขาก่อนจะยื่นขวดเลือดและแขวนสร้อยไว้ให้ "ยานี่จะทำให้นายหายตัวได้ อยู่รอจนกว่าฉันจะกลับมาได้มั้ย?"
"หายตัว...เหมือนมายากลรึเปล่า"
"ใช่" ฉันค่อยๆ กรอกเลือดเข้าปากเซต เขาเหมือนเด็กน้อยที่ให้ฉันป้อนขนม "หลับตาไว้จนกว่าฉันจะบอกให้เปิดนะ สิ่งที่นายได้ยินคือฝันร้าย ไม่ต้องลืมตาดูนะเซต"
ฉันไม่คิดว่าตัวเองกำลังจะไปตาย ไม่เลยแม้แต่น้อย ฉันมองร่างของนักล่าหนุ่มที่ค่อยๆ เลือนหายไป พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเอง จนฉันเดินถอยหลังจนชนเข้ากับบางอย่าง สิ่งนั้นคว้าตัวฉันที่กำลังล้มลงก่อนจะแนบลมหายใจอันแสนหนักหน่วงและน่ากลัวข้างหู เสียงหายใจเหมือนสัตว์ที่กำลังดมกลิ่นของเหยื่อ
"อืม...กลิ่นเธอจริงๆ ด้วย" ฉันนึกให้ตัวเองล่องหนได้บ้าง แต่ชายด้านหลังบีบคอฉันไว้ "แม่จอมล่องหน"
สิ้นเสียงน่ากลัวฉันก็ถูกลากขึ้นมาด้านบน ตอนนี้ยังเป็นเวลากลางคืน ฉันเห็นเงาคนไม่ต่ำกว่าสิบยืนล้อมไว้ก่อนจะถูกโยนเข้ากลางวงแวมไพร์ แสงจันทร์ที่โผล่พ้นเมฆส่องสว่างจนเห็นได้ชัดเจน ฉันเห็นเดเมียนอีกครั้ง
"ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้แฮะ แถมกลิ่นยังยั่วยวนอีก เธอรอดจากสายตาฉันไปได้ยังไงกันนะ?"
"โชคล่ะมั้ง"
แวมไพร์ร่างสูงย่อตัวลงมา บนนิ้วชี้ข้างขวาของเขามีกรงเล็บเหล็กแบบเดียวกับที่วิกเตอเรียมี ปลายใบมีดลาผ่านซอกคอฉันขึ้นมาจนถึงคาง เดเมียนบังคับให้ฉันมองหน้าเขา
"เพื่อนนักล่าของเธออยู่ที่ไหน? ฉันจะถามแค่ครั้งเดียว" ฉันปิดปากเงียบ "โอ้ เธอเป็นแม่สาวแกร่งสินะ งั้นฉันจะทำให้มันง่ายขึ้นละกัน"
เดเมียนใช้มือซ้ายบีบหัวฉันไว้ ความทรงจำทั้งหมดของฉันกำลังทะลักออกมา พวกแวมไพร์ตัวอื่นๆ เข้ามาล็อกฉันที่ดิ้นพล่านไว้ จนในที่สุดเดเมียนก็ปล่อยมือ
ฉันนึกถึงเขา...แวมไพร์ผมบลอนด์ร่างสูงคนนั้น แต่ฉันกลับนึกชื่อเขาไม่ออก
"แกทำอะไรกับหัวฉัน?"
"แค่รื้อลิ้นชักในสมองเธอ มันอาจจะมีแฟ้มหายไปบ้างแหละ" เดเมียนวางมือไว้บนหัวฉันอีกครั้งพร้อมกับใช้เล็บจ่อบนคอไว้ "กลิ่นความเจ็บปวดของเธอยั่วฉันยิ่งกว่าของไอ้หัวแดงนั่นอีกนะรู้มั้ย"
"ก็กินซะสิ"
แวมไพร์หนุ่มรูปหล่อแยกเขี้ยว ฉันกำลังจะถูกกัดอีกครั้ง...สภาพคงไม่ต่างจากเซตนักหรอก แต่ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บจะกัดเข้ามาสัตว์สี่ขาขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงใส่พวกธานาทอส ลูกศรปักเข้ากลางอกพวกมันจนต้องแตกหนีไป เดเมียนที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นผลักฉันออก ก่อนจะไปเขาส่งรอยยิ้มอันแสนน่าขนลุกเป็นการบอกว่าฉันจะได้พบกับเขาอีกครั้ง
กองทัพแวมไพร์นั้นจากไป จาเวียร์ที่เป็นมนุษย์หมาป่านั้นยังคงแทะซากของแวมไพร์ที่ตายไปแล้วอย่างหิวโหยก่อนจะหันมองฉัน ท่าทางน่ากลัวในตอนแรกหายไปทันใดหลังจากที่เขาเลียหน้าที่เขรอะเลือดแวมไพร์ให้ฉัน ส่วนเดนน่าที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าโผล่ออกมาก่อนจะดึงลูกดอกออกจากศพตัวดูดเลือด และแอนนาเชีย...ที่ทิ้งฉันไปดื้อๆ เดาว่าเธอคงไปหาความช่วยเหลือจนเจอสองคนนี้ซักแห่งในป่านี่ล่ะ หญิงสาวในชุดฮู้ตยื่นมือช่วยฉัน
"ขอบคุณ" ฉันดึงตัวเองขึ้นมา "ฉันนึกว่าคุณจะทิ้งเราไปจริงๆ"
"เซต!"
เดนน่าวิ่งเข้าไปในกระท่อม ฉันลูบหัวจาเวียร์อย่างเอ็นดูก่อนจะรีบวิ่งตามเข้าไป เดนน่าที่เข้าไปไม่เจอเซตตกใจพอๆ กับฉันที่ไม่เจอเขา แอนนาเชียหยิบผงสีน้ำตาลจากในชั้นวางยาเทใส่มือก่อนจะเริ่มท่องคาถา สะเก็ดสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีทองก่อนที่ร่างของเซ็ตจะโผล่มาตรงหน้าเราสองคน สายตาที่เซตมองเดนน่านั้นไม่ต่างจากคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน
"อ๋า พี่สาวคนสวยคนนี้คือใครหรอครับ?"
"...เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายฉัน?"
"เดเมียนเป็นคนทำ ไอ้แวมไพร์สารเลวนั่นดึงความทรงจำเรื่องคาถาในหนังสือเล่มนั้น ฉันคิดว่าเซตคงไม่รู้จริงๆ ถึงโดนดึงความทรงจำออกจนเละเทะแบบนี้"
เดนน่ายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงตัวน้องชายเข้ามากอดไว้ เซตที่ไร้ความทรงจำทำหน้างุนงง ฉันรู้ว่ามันเจ็บปวดกับการถูกลืม เหมือนการตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากใต้น้ำ ไร้ซึ่งเสียงที่จะเล็ดลอดสู่ด้านบน นักล่าผมแดงคนพี่เช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาและถอดแจ๊กเก็ตหนังให้คนน้องใส่ ยาวพอที่จะปิดท่อนล่างเอาไว้ได้
"กลับบ้านกันเถอะนะ"
เซตเพียงยิ้มและพยักหน้า ก่อนที่พี่น้องดรูอิคทั้งสองจะพากันออกจากกระท่อม ฉันมองแอนนาเชียที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป มีหลายอย่างในตัวเธอที่ฉันสงสัย ทั้งเรื่องที่ต้องมาปลีกตัวอยู่ในกระท่อมกลางป่าแบบนี้ เรื่องที่รู้จักเดเมียน แถมเรื่องแผลเป็นบนใบหน้าของเธอ...ไม่อยากเชื่อว่าในยุคแบบนี้ยังมีแม่มดที่ดูเด็กขนาดนี้อยู่ แต่ก็นั่นแหละ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
"เธอจะเอายังไงต่อ?"
"ไม่รู้สิ ฉันคงหนีไปอยู่บ้านย่าที่นิวเม็กซิโก ที่ไหนก็ได้ที่เดเมียนจะตามมาไม่ถึง..."
'รอฉันนะ แอนนาเชีย'
เศษเสี้ยวความทรงจำของอเล็กซ์ที่วิ่งพล่านเปล่งเสียงแผ่วในความทรงจำของฉัน มันมีสายสัมพันธ์บางอย่างที่ลึกซึ้งและผูกพันมากกว่านั้น ฉันลองนึกย้อนจนจำได้ว่าสัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนโลงศพของแวมไพร์อัลฟาเป็นอันเดียวกับจี้คอของแอนนาเชียที่ฉันได้มาจากอาร์
"คุณควรไปเจออเล็กซ์ อย่างน้อยก็ไปทักทายเขา" แอนนาเชียทำหน้าแปลกใจ "เขาตื่นแล้ว"
"...ขอบคุณนะ"
แอนนาเชียกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง ฉันเดินตามเดนน่าและเซตมาจนถึงด้านบน เซตดูตื่นเต้นกับการที่เห็นจาเวียร์ในคราบหมาป่าตัวใหญ่เป็นอย่างมากจนพี่สาวของเธอต้องช่วยดันก้นน้องขึ้นไปนั่งด้านบน ฉันหยุดละสายตาไปจากพ่อมนุษย์หมาป่าหนุ่มคนนี้ไม่ได้จริงๆ เขาทั้งแข็งแกร่งและสง่างาม น่าแปลกที่ว่าจำนวนของประชากรแวมไพร์นั้นมีมากกว่ามนุษย์หมาป่าพวกนี้ ฉันนึกสงสัยว่าเกิดอะไรกับพวกเขาบ้าง
เราทั้งสี่เดินทางลัดเลาะมาจนใกล้ถึงทางเข้าเขตตัวเมือง ในหัวยังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงต่อทั้งเรื่องที่คนครึ่งเมืองถูกจับไปและเรื่องของคนครึ่งเมืองที่ยังอยู่ปลอดภัย ฉันไม่รู้หรอกว่าเดเมียนจะจับคนไปมากขนาดนั้นเพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ใช่แผนน่าอภิรมณ์ใจต่อแวมไพร์อเล็กซ์แน่ ไม่มีเรื่องน่าเซอร์ไพรส์จนเราเดินข้ามกลับมายังในเมือง ตอนนี้เหลือเพียงลูอิสและแวมไพร์หนุ่มผมบลอนด์ที่รออยู่
"อเลสซ่า!" ฉันที่ลงมาจากหลังจาเวียร์ถูกกอดไว้แน่น เขาคงกลัวว่าฉันจะเป็นอะไรไป "ฉันห่วงเธอแทบแย่เลยรู้มั้ย"
"ฉันไม่เป็นไร...แล้วคนอื่นล่ะ? น้องชายฉัน"
"ไปช่วยดูแลรายชื่อคนหาย ไอ้บ้านั่นได้ทำอะไรเธอรึเปล่า?"
"นายชื่ออะไรนะ?" แวมไพร์ร่างสูงทำหน้าสงสัย "บอกมาเถอะน่า ฉันโดนหมอนั่นล้วงสมองไป"
"จอห์น แวมไพร์เฮงซวยของเธอไง"
จอห์นพูดเท่านั้นก่อนจะส่งรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น นั่นทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้เจอเขา กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งบนเสื้อสเวตเตอร์ของแม่ และทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง...วิธีนี้อาจจะได้ผลกับเซต ฉันขอให้เป็นแบบนั้น คิดได้แล้วฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาเซตที่อยู่ภายใต้การดูแลของเดนน่า แน่นอนว่าเธอไม่มีทางให้ฉันเฉียดเข้าใกล้เซต
"จะทำอะไรยัยดวงซวย"
"ฉันรู้วิธีดึงความทรงจำเขากลับมา ตอนนี้สมองของเซตเหมือนห้องสมุดที่โดนคุ้ยจนเละ ดึงความทรงจำเขากลับมา"
"แล้วรู้ได้ไงว่ามันได้ผล?"
"ลองดูก็ไม่เสียหาย อีกอย่างฉันจะไปรู้ได้ยังไงถ้าไม่โดนมากับตัวเอง"
แม่สาวผมแดงเงียบไปหลังจากได้ยินคำตอบจากฉัน เธอหันหลังกลับไปมองน้องชายที่ยังไม่มีความทรงจำใดๆ อยู่ในหัว ฉันยังจำวันแรกที่เจอเขาได้ เซตคือขั้วตรงข้ามของพี่สาว ทั้งอ่อนโยนและจิตใจดี แต่นี่คือสิ่งที่เขาได้รับจากการเป็นคนประเภทนั้น ฉันถอยออกมาเงียบๆ และปล่อยให้พี่น้องตระกูลดรูอิคได้คุยกัน
"น้องรัก จำพี่ได้มั้ย?" เดนน่าลูบหัวน้องชายด้วยความเอ็นดูก่อนจะยื่นตราสัญลักษณ์ตระกูลให้น้องชาย "พี่เดนน่าเองนะ"
"พี่เดนน่า...ผมจำได้" เซตเผยรอยยิ้มแรกออกมาหลังจากที่ฉันได้เจอเขาอีกครั้ง "พี่เคยพาผมไปที่นึง ผมจำกลิ่นขนมที่พี่ให้ผมกินได้ และมันอร่อยมากๆ เลยครับ"
"แล้วจำตอนที่พ่อพาพี่ออกล่าครั้งแรกได้รึเปล่า ตอนนั้นแกแอบตามมาแล้วก็เห็นพ่อฟันหัวแวมไพร์ขาดต่อหน้าต่อตา แกกลัวจนฉี่ราดเลยรู้มั้ย"
เซตหัวเราะออกมา ฉันตัดสินใจปล่อยให้พวกเขาได้คุยกันและเดินกลับไปหาจอห์นที่กำลังทำท่าคิดหนัก มีบางอย่างเกิดขึ้นในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ลูอิสที่สบตาฉันพอดีเลี่ยงความอึดอัดนี้โดยการหันหลังใส่
"มีอะไรรึเปล่า?"
"พวกแวมไพร์เริ่มหิวกันแล้ว อีเลียตต้องกลับไปเจรจาพวกแวมไพร์ในคลับไม่ให้ออกไปล่ามนุษย์แต่...พวกนั้นทนไม่ได้จริงๆ"
เสียงการเคลื่อนไหวในพงหญ้าทำให้เดนน่าและฉันต้องหันกลับไปในป่า แวมไพร์หนุ่มร่างสูงในชุดสูทกลับมาพร้อมกับเหล่าแวมไพร์ตัวอื่น เดนน่าเล็งหน้าไม้โดยไม่เกรงกลัว
"เพิ่งรู้ว่าพวกนักล่ามีทริคใหม่ๆ ด้วยแฮะ น่าปรบมือให้นะเนี่ย"
"ไอ้สารเลว กล้าดียังไงมาทำร้ายน้องฉันแบบนี้!" เดนน่าเดินเข้าหาเดเมียนด้วยโทสะ ฉันรีบเข้าไปห้าม "น้องฉันไปทำอะไรให้แก! ไอ้โรคจิต"
"เราเริ่มต้นได้ไม่ดีเลยนะสาวน้อย เข้าเรื่องเลยละกันนะ ฉันอยากได้หนังสือคาถาที่ปู่เธอลงเอาไว้ เธอรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและฉันต้องการมัน ถ้าเธอให้สิ่งที่ฉันต้องการ ฉันจะปล่อยคนที่จับมากลับบ้านไปหาครอบครัวและจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับที่นี่อีก"
"ไม่ ปล่อยให้พวกแกโดนแดดเผานั่นแหละสวมควรแล้ว"
ฉันหันขวับไปหาเดนน่าและอยากจะแย้งให้เธอคิดก่อนจะพูดออกมาซักนิด นี่มันชีวิตของคนทั้งเมืองเลยนะ วิธีที่เธอพูดออกมานั้นเย็นชาไม่ต่างจากพวกแวมไพร์เลย เดเมียนกระตุกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา
"ฉันรู้ว่าเธอจะต้องตอบแบบนั้นเลยเหลือทางเลือกแค่ทางเดียว สามวันต่อจากนี้ ถ้าฉันไม่ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ...คนในเมืองนี้ได้จัดงานศพทุกสามชั่วโมง" เดเมียนกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะมองเซต "ลาก่อนนะไอ้หนุ่ม"
กลุ่มของธานาทอสหายตัวเข้าไปในป่าอีกครั้ง การเจรจาไม่ได้นานอย่างที่คิดนัก อาจเป็นเพราะพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าด้วยล่ะมั้ง เราทั้งหมดแยกย้ายไปทำเรื่องที่ต้องจัดการโดยที่จอห์นจะกลับไปรายงานข่าวให้อีเลียต ลูอิสจะไปตามหาอเล็กซ์ที่น่าจะยังอยู่ในเมือง เดนน่าจะไปพักที่โมเต็ลของเธอกับเซต ส่วนฉันและจาเวียร์จะกลับไปดูเรื่องคนสูญหายในเมือง
จาเวียร์ที่ไม่กล้าเดินกลับมาในสภาพเปลือยพร้อมฉันเพราะให้เสื้อผ้ากับเซตไปแล้วต้องกลับมาที่บ้านในสภาพหมาป่า น่าแปลกที่เห็นมนุษย์หมาป่าออกมาเดินเล่นกลางวันแบบนี้ ไม่เอาน่า แค่พาหมาน้อยขนาดเท่าบ้านสองชั้นออกมาเดินเล่นเอง ฉันพาเขามาที่บ้านตัวเองเพราะมันใกล้กว่าบ้านของจาเวียร์ เสื้อผ้าของพ่อน่าจะใส่พอดีตัวอยู่ พ่อกับแม่ที่เปิดประตูมาเห็นภาพตรงหน้าทำท่าเหมือนจะเป็นลม จาเวียร์ทำท่าก้มหมอบเป็นการทักทายก่อนจะเดินไปยังสวนหญ้า
"พ่อคะ พาแม่เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ"
พ่อพยักหน้ารับและพาแม่กลับเข้าไป ขนสีดำแซมน้ำตาลของเขาหลุดออกมาพร้อมชิ้นเนื้อก่อนที่ร่างจะหลอมละลายลงอีกครั้ง พ่อที่น่าจะเห็นจากหน้าต่างว่าเกิดอะไรขึ้นเดินออกมาหาฉันพร้อมกับผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน และจาเวียร์ก็นอนหมดแรงอยู่บนพื้น ฉันคว้าผ้าเช็ดตัวที่พ่อส่งให้และห่มตัวจาเวียร์ไว้ พ่อเข้ามาช่วยพยุงจาเวียร์เข้าไปในบ้าน แต่ก่อนจะเข้าบ้านฉันหันกลับไปและเห็นชายในเสื้อฮู้ตยืนอยู่หน้าถนน เป็นแบบเดียวกับที่คนของวิกเตอเรียใส่มาตอนที่ฉันโดนลักพาตัวไปครั้งแรก
"นึกว่าจะตายกันหมดแล้ว ไม่มีที่ให้มุดหัวแล้วรึไง?"
แวมไพร์ตัวนั้นดึงฮู้ตที่ปิดหน้าเอาไว้จนฉันได้เห็นว่าสภาพของหมอนี่แย่แค่ไหน ไม่ต่างจากจอห์นที่โดนบังคับให้ขาดเลือด ดวงตาสีแดงเลือดและแผงเขี้ยวนั้นทำฉันกลัวได้อีกครั้ง และหมอนั่นก็พุ่งเข้าใส่ฉันทันทีโดยไร้ความลังเล ฉันพยายามนึกถึงการนับแกะหรืออะไรก็ตามที่ช่วยลดความเจ็บปวดก่อนถูกกัดลงได้ และคำตอบเดียวที่สมองฉันสั่งการออกมาคือคำว่า
เฮงซวยจริงๆ
[To Be Continued...]