bc

I'm [Not] A Vampire!

book_age16+
241
ติดตาม
1K
อ่าน
แนวดาร์ก
werewolves
แวมไพร์
ซูเปอร์เนเชอรัล
vampire's pet
like
intro-logo
คำนิยม

ชีวิตฉัน... บัดซบกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ทำไมน่ะหรอ?

ฉันไม่สามารถสัมผัสแดดได้

ฉันต้องดื่มเลือดเพื่อรักษาโรค

และเพื่อนทุกคนบอกว่าฉันเป็นแวมไพร์

มันอาจจะไม่บัดซบ ฉันรู้พวกคุณคิดแบบนั้น ใช่...มันยังไม่หมด เพราะฉันไปเจอแวมไพร์ตัวเป็นๆ เข้าให้น่ะสิ

แค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว

เรื่องราวของ 'อเลสซ่า' สาวน้อยผู้โชคร้ายที่มีโรค "แวมไพร์' เป็นปัญหาทำให้เธอใช้ชีวิตด้วยความลำบาก และด้วยความโชคร้ายนี้เองทำให้เธอถูกรังเกียจจากคนในสังคม เป็นแกะดำในเมืองเล็กๆ ที่คนไม่เห็นหัว กระทั่งในวันหนึ่งที่เธอได้พบกับชายปริศนาที่เข้ามาเจอเธอโดยบังเอิญ ชายหนุ่ม 'แวมไพร์' ที่เปิดโลกอีกด้านที่อเลสซ่าไม่เคยรู้จัก พร้อมด้วยความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองนี้จากสิ่งมีชีวิตมืดที่นอกเหนือเหล่าจากแวมไพร์...

จะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องติดตาม...

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
[1] - การพบกันครั้งแรก
    สาวน้อยผมบลอนด์วัยหกขวบนั่งมองเหล่าเด็กตัวน้อยที่อยู่ตรงข้ามกำลังเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน และหนึ่งในนั้นก็มีน้อยชายวัยสามขวบของเธออยู่ด้วย เธอนั่งหลบอยู่ในเงามืด เดียวดาย...     เธอมองมือทั้งสองข้างที่เกิดรอยพุพองเหมือนโดนไฟเผา แผลไหม้นี้มีอยู่ทั่วร่างกายของเธอ ดีที่ใบหน้าที่น่ารักเหมือนตุ๊กตานั้นยังไม่ถูกเผาไปด้วย เด็กน้อยมองแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ยื่นมือไปเหมือนอยากจะสัมผัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโหยหา     "อเลสซ่า!"เธอหันไปเมื่อสาวสวยหุ่นนางแบบเดินเข้ามาในห้อง แม่แท้ๆ ของเธอเดินเข้ามาและห้ามอเลสซ่าไว้ได้ทันก่อนเธอจะสัมผัสแสงแดด ใช่แล้วล่ะ เธอเป็นแวมไพร์     "ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ!"     'อ่าว...ไม่ใช่ แล้วเธอเป็นตัวอะไรกัน?'     "เดี๋ยวฉันเล่าเองก่อนเปิดเรื่อง เดี๋ยวคนอ่านเข้าใจผิดกันหมด"     'โอเค เชิญ'     "อะแฮ่ม! ฉันชื่ออเลสซ่า มาร์สัน ฉันเป็นโรคโพรพีเรีย หรือถ้าเรียกง่ายๆ โรคผีดูดเลือด นั่นแหละ ฉันเข้าใจว่าทุกคนงง แต่เดี๋ยวคงเข้าใจล่ะ...มั้้งนะ และเราควรกลับเข้าเรื่องได้แล้ว"     'ขอบคุณมากอเลสซ่าสำหรับข้อมูล คราวหลังอย่าพังกำแพงคนอ่านแบบนี้อีกล่ะ'                                                                                            [1]    "พี่ ตื่นเร็ว"     "อืม...ค่ำแล้วหรอ?"     ฉันหยีตามองน้องชายตัวแสบ สงสัยเพิ่งกลับจากโรงเรียนแน่ๆ ฉันหยิบแว่นทรงกลมที่วางอยู่บนหัวเตียงและมองแมท ไอ้น้องฉันมันร้ายไม่เบา...ฉันมองรอยม่วงที่ขึ้นเป็นจ้ำตรงต้นคอของเขา และดูเหมือนแมทจะเพิ่งรู้ตัวด้วยว่ามีรอยเขียวอยู่บนคอ     "หึ! ได้มาจากใครล่ะคราวนี้" ฉันแกล้งแซว     "กัปตันเชียร์ลีดเดอร์น่ะ ผมขอยืมเสื้อคอเต่าพี่นะ"     "หยิบไปสิ"     เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของฉันและหยิบเสื้อสเวสเตอร์คอเต่าสีดำมาสวมปิดรอยดูดไว้ ฉันว่าน้องฉันคงนอนกับผู้หญิงทั้งโรงเรียนแล้วล่ะมั้ง นี่ขนาดอายุสิบเจ็ดยังซ่าได้ขนาดนี้ ถ้าฉันไปบอกพ่อมีหวังเขาตีน้องก้นลายแน่     "พี่ลงไปเถอะ พ่อเรียกตั้งนานแล้วรู้มั้ย" เจ้าน้องตัวแสบพูดก่อนจะมุดหัวเข้าผ้าห่ม     'อเลสซ่า! ลงมาซักทีสิลูก เดี๋ยวไปทำงานสายนะ'     "ค่ะพ่อ"     ฉันเดินลงไปโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน แค่หยิบติดมือไปเท่านั้นแล้วไปเปลี่ยนที่ร้าน คงจะโดนจาเวียร์บ่นอีกตามเคย ฉันรีบลงไปที่ห้องนั่งเล่นและมองพ่อที่กำลังเตรียมถุงเลือดที่ได้จากในโรงพยาบาล วันนี้ได้มาตั้งสองถุง     ฉันมองถุงเลือดกรุ๊ปเอบีที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวเหมือนมื้อค่ำไม่ผิด ฉันเบื่อเลือดพวกนี้เหมือนกัน แต่ที่จริงฉันกินอย่างอื่นได้นะ ก็ฉันไม่ใช่พวกผีดูดเลือดจริงๆ ซักหน่อย เรื่องเล่าแบบนั้นมันไม่มีจริงหรอก     "เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก" พ่อพูดระหว่างเตรียมเข็มและจัดการอุปกรณ์ทุกอย่าง     "แม่ล่ะคะ?"     "ยังไม่กลับมาเลย สงสัยทำงานกะเย็นนั่นแหละ" พ่อที่วุ่นกับการเตรียมถุงเลือดหันมองฉัน "แล้วน้องเป็นอะไรรึเปล่า? พ่อเห็นแมทไม่พูดอะไรซักคำแล้วก็เดินขึ้นห้องไปเลย"     "อ๋อ...สงสัยเรื่องที่โรงเรียนล่ะมั้งคะ หนูว่าเรารีบจัดการให้เสร็จเถอะ"     พ่อต่อเข็มกับถุงเลือดอย่างชำนาญและแขวนถุงไว้บนราวเหล็กที่ติดกับกำแพง เขาเป็นหมอผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลและเก่งมากๆ จนแทบจะเป็นหมอมือหนึ่งที่นั่น การที่พ่อแอบขโมยเลือดออกมาให้ฉันทุกๆ อาทิตย์ก็เสี่ยงทำให้เขาถูกไล่ออกเหมือนกัน แต่พ่อเคยพูดไว้ พูดไว้ว่าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันหายจากโรคบ้าๆ นี่ ฉันเอนตัวลงบนเก้าอี้ก่อนที่พ่อจะเสียบเข็มที่ข้อพับของฉัน ฉันหลับตาลง ความรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในร่างกายมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง     "แล้ว...ชีวิตลูกล่ะ เป็นยังไงบ้าง?"     "โถ่พ่อคะ! พ่อก็รู้นี่ว่าหนูเป็นอะไร คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากออกเดทกับหนูตอนเที่ยงคืนหรอกค่ะ"     พ่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มันเป็นเรื่องตลกจริงๆ นั่นแหละ ไม่มีใครรับได้หรอกว่าฉันเป็นตัวอะไร ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้...ฉันไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีแม้กระทั่งเบอร์โทรของเพื่อนสมัยมัธยมอยู่ในโทรศัพท์ คิดแล้วมันก็เศร้าดีนะ     "ฉันกลับมาแล้วนะที่รัก" แม่โผล่หน้าเข้ามา "อ้าวอเลสซ่า ยังไม่ไปทำงานอีกหรอลูก?"     เสียงแม่ดังมาแต่ไกล เธอเดินและยิ้มแบบมีความสุขสุดๆ ก่อนจะแปลกใจที่ฉันยังไม่ออกไปเป็นสาวเสิร์ฟอยู่ที่ร้านซะที สงสัยวันนี้ได้โบนัสพิเศษแหงๆ พ่อที่ยืนเฝ้าฉันอยู่เดินไปจูบแม่อย่างดูดดื่ม รักกันมากก็อย่างนี้แหละ     "แม่คะ มดไต่หมดแล้วค่ะ" ฉันแกล้งแซวแม่ที่กำลังจูบพ่อกลับ     "เห็นมั้ย! ลูกแซวแล้วเนี่ยนิค"     แม่พูดอย่างเขินอายและตีแขนพ่อซะเต็มแรง พ่อมองนาฬิกาและมองถุงเลือดที่หมดไปแล้วหนึ่งถุง เขาดึงเข็มออกและติดพลาสเตอร์ให้ฉันแน่น โทรศัพท์ของพ่อดังขึ้นขัดจังหวะเราสามคนพ่อแม่ลูก     "ฮัลโหล? อ่าใช่ครับผมว่างอยู่ ได้ครับ"     พ่อกดวางสายและหยิบกระเป๋าที่เขาเตรียมพร้อมไว้ทุกๆ วันเตรียมจะออกไปผ่าตัดด่วนอีกครั้ง บางทีฉันก็สงสารพ่อเหมือนกันที่ต้องมารับงานเร่งแบบนี้แทนหมอคนอื่น แต่พ่อไม่ได้เป็นคนทำเพื่อเงิน เขาทำเพราะอยากช่วยผู้คนจริงๆ นั่นล่ะว่าทำไมทุกคนในเมืองถึงรักเขา     "ที่รัก ผมไปก่อนนะ คราวนี้เจอเคสหนักเลย"     "เคสฉุกเฉินหรอคะ?"     พ่อพยักหน้า ดูเหมือนเขาจะรีบมากๆ พ่อจูบบอกลาแม่และออกจากบ้านไปทันที ดูท่าฉันคงต้องกลับบ้านเองอีกแล้วสิ     "งั้นหนูไปนะคะแม่" ฉันหยิบกระเป๋าสะพายข้างและยัดเสื้อผ้าเข้าไป จากนั้นก็สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวและเตรียมพร้อมที่จะออกจากบ้าน     "วันนี้ไม่ต้องไปได้มั้ยลูก แม่กลัวจังเลย"     "ไม่ได้หรอกค่ะ หนูหยุดงานมาสามวันแล้วเดือนนี้ จาเวียร์ด่าหนูเละแน่"     "งั้นเดี๋ยวแม่ไปคุยให้มั้ย ตานั่นเจอแม่ไปก็หงอยแล้ว"     มีครั้งนึงที่แม่แวะมาหาฉันที่บาร์และเจอตอนที่เขาด่าฉันไฟแลบเพราะเรื่องที่ฉันเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าผิดคน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ความผิดฉันหรอก เพราะสาวเสิร์ฟอีกคนที่แวะไปเข้าห้องน้ำดันแยกใบออเดอร์และใบโต๊ะที่นั่งเป็นคนละใบ และเบอร์โต๊ะที่จริงมันเป็นเลขเก้า แต่ฉันเห็นเป็นเลขหกนี่ แม่ที่เข้ามาเห็นฉันถูกจาเวียร์ด่าฉอดขนาดนั้นก็เลยสวนกลับไป แล้วก็ใช้เวลานานเลยกว่าจะเข้าใจกันได้ พอพ่อหนุ่มเจ้าของร้านรู้ความจริงเข้าก็โดนแม่ฉันตวาดกลับเป็นการปิดท้าย จาเวียร์ไม่เคยบ่นฉันต่อหน้าลูกค้าอีกหลังจากนั้น     "ไม่เป็นไรค่ะ หนูดูแลตัวเองได้ ไปแล้วนะคะ"     ฉันรีบนั่งรถประจำทางมาจนถึงหน้าร้านอาหารเม๊กซิกันชื่อดังในเมืองบราวส์วัลลี่ย์รัฐเท็กซัสของเรา...อันที่จริงมันก็อวยไปหน่อยแฮะ ร้านที่บอกตรงตัวเลยว่าเป็นอาหาร 'เม็กซิกัน' เห็นแล้วก็คงไม่ต้องสงสัยหรอก ฉันเปิดประตูเข้ามาในร้าน ลูกค้าเต็มไปหมดเลย     "เฮ้จาเวียร์ ขอโทษที่มาสายนะ"     "ไม่เป็นไร รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ"     ดูเหมือนเขาไม่ได้ว่างพอจะมีเวลามาด่าฉันเลยแค่โบกมือไล่ ฉันรีบไปที่ห้องแต่งตัวและเปลี่ยนเป็นชุดสาวเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ฉันมองกระโปรงที่ดูสั้นกว่าปกติ ตายห่า…ฉันอ้วนไปงั้นหรอ? สงสัยฉันคงหยิบผิดมาแน่ ฉันมองรอยแผลที่ต้นขาและมองหาอะไรก็ตามที่จะช่วยฉันได้จนเจอกล่องปฐมพยาบาลในห้องนั่งเล่นของจาเวียร์ ฉันเปิดกล่องก่อนจะคว้าผ้าพันแผลมาปิดแผลไปพลางๆ และรีบเดินออกมา     จาเวียร์ เบนวิเดซ คนเม็กซิกันแท้ๆ ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในสหรัฐเพราะการรลี้ภัยของครอบครัว เขาเป็นคนตัวสูง มีหุ่นล่ำบึกแบบทหารนาวิกผ่านศึก เขารู้ดีว่าการเป็นทหารไม่ใช่ทางของเขา และจาเวียร์ก็ดูจะชอบอาหารในบ้านเกิดตัวเองมากซะด้วย สุดท้ายเขาก็มาเปิดร้านทาโก้อยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ แต่ยอมรับเลยว่าซอสสูตรพิเศษของเขาสุดยอดไปเลยล่ะ     "วันนี้กระโปรงสั้นดีนี่ เรียกทิปงั้นหรอ?"     "...เปล่า หยิบมาผิดตัวน่ะ"     ซินดี้ สาวเสิร์ฟอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันทักขึ้นลอยๆ เธอเป็นเจ้าแม่นุ่งสั้นของแท้เลยล่ะ และแน่นอนว่าเธอได้ทิปสูงสุดแทบจะทุกเดือน ฉันล่ะอิจฉาจริงๆ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นห่วงฉัน เป็นเพื่อนที่น่าคบคนนึงล่ะ     "ตายแล้ว ขาไปโดนอะไรมาน่ะ?!" ซินดี้ปรี่เข้ามาหาฉันแทบจะทันทีหลังจากเห็นผ้าพันแผลที่ปกปิดรอยไหม้จากแดด     "ก็...แผลถูกแดดน่ะ ฉันไม่เป็นไร"     เธอรู้ว่าฉันเป็นอะไร รู้เป็นคนแรกๆ เลยล่ะ ซินดี้พยักหน้าและลากฉันกลับไปที่เคาท์เตอร์ เล่นลากฉันมาแบบนี้มันน่าขนลุกชะมัดเลยแฮะ "เห็นผู้ชายคนนั้นรึเปล่า?" ยัยนี่เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้เลย เธอส่งสายตาให้ฉันหันกลับไปดูว่าพ่อหนุ่มคนนั้นหล่อและดูดีสำหรับเธอขนาดไหน     "ไหน? คนไหน"     "สิบสองนาฬิกา"     ฉันหันหลังกลับไป ว้าว…นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่ฉันได้มองชายหนุ่มผมบลอนด์ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ดูแล้วน่าจะแก่กว่าฉันสักห้าหรือหกปี ผิวขาวจนซีดแต่ยังดูมีน้ำมีนวลอยู่ ตาสีฟ้าครามแบบที่เห็นกันได้ทั่วไป แต่กรามเขามันดูได้รูปจริงๆ หล่อเป็นบ้าเลย...ฉันรีบหันกลับมาเมื่อชายคนนั้นจับได้ว่าฉันกำลังแอบมองอยู่     "ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไรอยู่ ไปสิ!" ซินดี้กระซิบยุให้ฉันไปจีบเขาและตบก้นจนฉันสะดุ้งโหยง     "ล-แล้วเขาไม่ได้เป็นสเปคเธอหรอ?"     "ไม่เอาน่า ฉันมีแฟนอยู่แล้ว อีกอย่างฉันเห็นตานั่นจ้องเธอตั้งแต่เธอเข้ามาในร้านแล้ว นี่มันโอกาสเหมาะเลยนะเพื่อน!"     "ก็ได้ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะ..." คำพูดฉันขาดช่วง ความลังเลเกิดขึ้นเพราะรอยแผลเป็นที่ฉันมีอยู่     "เธอยังไม่ลองเลย เลิกทำตัวเหมือนพวกสาวเนิร์ดซะทีเถอะ" ซิ้นดี้ยังไม่ละความพยายาม "ฉันว่าเธอก็น่ารักอยู่นะ เขาอาจจะชอบเธอก็ได้"     เธอพยักหน้าและยิ้มให้กำลังใจ นี่ฉันน่ารักหรอ? ฉันพยายามหายใจให้ปกติ ไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นเกินไปจนอาจทำเขากลัวได้ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น เดินไปหาเขาพร้อมกับใบเขียนรายการอาหารและเมนู เขาเงยหน้ามองฉันที่เดินมาหยุดตรงหน้าด้วยความสนใจ     "เอ่อ...ไม่ทราบว่า คุณต้องการรับอะไรคะ?" ฉันพูดด้วยเสียงอ่อนหวานแบบที่ไม่เคยใช้ ไม่เคยสุภาพขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ     "ผมได้ข่าวว่าทาโก้ที่นี่อร่อยขึ้นชื่อเลย มีอะไรที่คุณพอจะแนะนำผมได้เกี่ยวกับ...ทาโก้บ้างมั้ย?"     "ก็แล้วแต่ว่าคุณอยากได้แป้งแบบไหน ใส่อะไรบ้าง ต้องการเผ็ดมากรึเปล่า"     "ผมว่าจะดีกว่านี้ถ้าได้ดูเมนูนะ"     เขาพูดและมองใบเมนูที่ฉันเหน็บไว้ที่แขนขวา เหม่ออีกแล้วสิ...ฉันยื่นกระดาษเมนูแข็งไปให้ เขายังยิ้มให้ฉันอยู่ก่อนจะอ่านรายการอาหารอย่างตั้งใจ ฉันยืนอยู่ตรงนั้น มองซินดี้ที่ทำท่าทางอะไรซักอย่างเหมือนเป็นการบอกให้ฉันเผด็จศึกกับเขาซะที และฉันก็เห็นจาเวียร์ที่กำลังผัดเนื้อวัวส่ายหน้าเอือมระอากับสิ่งที่เราสองคนกำลังทำอยู่ แต่ฉันก็เห็นเขายิ้มนะ     "งั้นผมขอทาโก้แป้งกรอบ ใส่เนื้อวัว ไม่ใส่หัวหอมกับพริก แล้วก็ขอเป็นซอสครีมผสมชีส"     "แค่นั้นใช่มั้ยคะคุณ...ต้องการเครื่องดื่มอะไรมั้ยคะ?"     "มีอะไรที่เป็นน้ำแดงๆ รึเปล่า ผมชอบเลือดน่ะ"     ฉันชะงักไป ชอบเลือดเนี่ยนะ? ไม่ใช่คำตอบที่ฉันคาดหวังเลย พอเขาเห็นสายตาพิลึกที่ส่งไปให้เขาก็กระเอมครั้งหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันคงตกใจกับคำตอบของเขา     "ผมขอโทษที อย่าตกใจเลย ช่วยแนะนำให้ผมหน่อยจะได้มั้ย?"     "เรามีเบียร์ต้มที่น่าจะพอเข้ากับ 'เลือด' ที่คุณหมายถึงนะคะ...แต่ถ้าคุณยังไม่อยากเมาตอนนี้ฉันก็ขอแนะนำเป็นน้ำแครนเบอรี่จะดีกว่า"     "งั้นผมขอเบียร์ น่าจะแค่นี้..."     เขาพูด เสียงทุ้มแหบแบบนั้นมีเสน่ห์เป็นบ้า ถึงแม้ฉันจะเริ่มกลัวกับคำว่าเลือดที่เขาพูดถึงอยู่ก็เถอะ ฉันพยักหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนจะเดินกลับมาหาซินดี้พร้อมใบจดเมนูในมือ ฉันยื่นใบจดไปให้หนุ่มจาเวียร์จัดการต่อ     "เป็นไงบ้าง เขาดีรึเปล่า!?"     "ก็...เสียงเพราะน่าฟังดี มีเสน่ห์ สุภาพ ฉันว่าเขาก็โอเคนะ" ฉันไม่พูดเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับเลือดหรอก     "ฉันว่าเขาคงชอบเธอล่ะ"     "ฉัน...ไม่รู้สิ แต่ขอเป็นอย่างนั้นเลย"     ฉันมองมองชายหนุ่มคนนั้นที่เหม่อมองออกไปด้านนอก และฉันขออย่าเจอเขาอีกเลยนะ...พูดจากใจ     "ไปแล้วนะอเลสซ่า กลับบ้านดีๆ ล่ะ"     ฉันโบกมือบอกลาซินดี้ที่แฟนหนุ่มของเขามารอตั้งแต่สามทุ่ม จนตอนนี้ก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว เพราะแฟนเธอน่ารักอย่างนี้ไงมิน่าซินดี้ถึงรักเขาขนาดนี้ เธอกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ของเขาและหายลับตาฉันไปในที่สุด ตอนนี้มีเพียงฉันและจาเวียร์ที่ยืนอยู่หน้าร้าน วันนี้อากาศหนาวชะมัด     "ให้ฉันไปส่งมั้ย?"     "ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอรถเมล์ก็ได้ นายกลับไปเถอะ"     "งั้น...กลับบ้านดีๆ นะ"     ฉันโบกมือลาจาเวียร์ที่ขี่จักรยานหายไปอีกทางก่อนจะหยิบสเว็ตเตอร์มาสวมหลังจากลมเริ่มพัดกระหน่ำมาหนักขึ้นเรื่อยๆ และฉันก็พาตัวเองมาถึงป้ายรถเมล์จนได้     านไปครึ่งชั่วโมง...ตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว ฉันไม่เห็นวี่แววของรถเมล์ซักคัน แทบจะไม่มีรถผ่านแล้วในเวลาแบบนี้ ฉันอยากจะโทรหาพ่อแต่ก็กลัวเขาจะติดเคสผ่าตัดอยู่ ถ้าพ่อรู้ว่าฉันกลับบ้านเองได้ด่าฉันหูชาแน่ แต่ยังไงฉันมีทางเลือกซะที่ไหนล่ะ     ฉันเดินวกกลับมาที่ร้านและเข้าซอยอีกทางที่สามารถใช้เป็นทางลัดกลับบ้านฉันได้ มันก็ไม่ได้มืดมากนักหรอก ติดตรงที่ว่ามันไม่มีคนเดินผ่านไปมาเฉยๆ แถมยังง่ายต่อการโดนล่อลวงอีกต่างหาก ฉันรีบเดินดุ่มไปโดยไม่มองหันซ้ายหันขวา แต่สายตาฉันก็ไปหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่กำลังวุ่นกับการซ่อมอะไรบางอย่างที่กระโปรงหน้ารถ ฉันเลือกที่จะไม่สนใจเขา แต่เขาดันเห็นฉันน่ะสิ     "เฮ้! คุณครับ ช่วยอะไรผมหน่อยสิ" ไม่เอาน่า ฉันอยากเดินหนีใจจะขาด     "...มีอะไรหรอคะ?"     ฉันหันหน้าไปสบตาเขา หนุ่มผมน้ำตาล ดูท่าจะมีฐานะพอตัว เขาผิวขาวจนซีดไม่ต่างกับคนที่ฉันเจอในร้าน วันคนผิวซีดแห่งชาติรึไงกัน?     "คุณช่วย...มองตาผมทีสิ"     ฉันไม่ได้คิดอะไรและตัดสินใจทำตามที่เขาขอ อาจจะมีอะไรติดตาเขา แต่ทันใดนั้นทุกอย่างก็ไม่อยู่ในอำนาจร่างกายฉันอีกต่อไป ฉันขยับไม่ได้...ฉันพยายามต้านความรู้สึกนั้น แล้วจู่ๆ ฉันก็เป็นอิสระ นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?     "เธอเป็นตัวห่าอะไรเนี่ย...แกเป็นตัวอะไรวะ!?" เขาดูโกรธน่าดู     "ถ-ถอยไปนะ"     ฉันรีบเดินหนี แต่ดูเหมือนเขาคงจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ และฉันก็ต้องตกใจ...เขาขู่คำราม ฉันเห็นเขี้ยวขนาดเท่านิ้วก้อยงอกขึ้นตรงฟันบนของเขา แวมไพร์ นั่นเป็นสิ่งแรกที่ฉันนึกได้ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนการเดินเป็นการวิ่งไม่คิดชีวิต ฉันหันหลังกลับไป เขาหายไปแล้ว...     "เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก สาวน้อย"     ฉันหันกลับไป และเขาก็โผล่มาระยะประชิด แยกเขี้ยวใส่ฉันอีกครั้ง ตอนนี้ความรู้สึกฉันมันตีกันในหัวไปหมด     กลัว...สับสน...ประหลาดใจ แต่มันไม่สำคัญแล้วในตอนนี้     เขาผลักฉันลงบนพื้นคอนกรีต กดมือทั้งสองข้างของฉันไว้ด้วยแรงมหาศาล ฉันรู้สึกถึงความร้อนเหมือนเหล็กลนไฟที่ค่อยๆ ฝังลงที่ต้นคอ...ถึงพยายามผลักเขาออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล แถมเขายังฝังเขี้ยวเข้ามาลึกกว่าเดิม ใจนึงฉันก็หายข้องใจซะทีว่าแวมไพร์มันมีอยู่จริง รู้เลยว่าการโดนสูบเลือดออกจากร่างมันเป็นยังไง เจ็บชะมัด     "หยุดนะ!"     ชายร่างเล็กปล่อยเขี้ยวออกอย่างแรงหลังจากเขาได้ยินเสียงห้ามจากนอกถนน และเลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด เขาวาร์ปหายไปต่อหน้าฉันและไปหยุดที่รถของเขา ฉันใช้สเว็ตเตอร์ห้ามเลือดไว้ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันไม่วิ่งหนีนะ? และฉันก็ตอบคำถามข้อนั้นได้ ถึงหนียังไงเขาก็ตามฉันทันอยู่ดี     "เธอ?"     "คุณ? ในร้านทาโก้นี่?"     ใช่แล้ว ชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ฉันได้เจอเขาในร้าน ฉันและเขายืนมองหน้ากัน และฉันก็เพิ่งจะเป็นอาหารให้กับแวมไพร์อีกคนที่ไม่เคยจะเห็นหรือรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ และฉันก็ยืนมองแวมไพร์หนุ่มผมน้ำตาลที่ยังมีเลือดฉันติดมุมปากเขาอยู่ สลับมองหนุ่มหน้าคมเรียวที่ฉันเพิ่งจะชมเขาไปว่าหล่อลากไส้ขนาดไหน     'วันนี้มันวันห่าอะไรวะเนี่ย?' [To Be Continued...]

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

สงครามรักในเงามืด

read
1K
bc

ข้าก็แค่ภูตน้อยจอมเกียจคร้านคนหนึ่ง

read
1.5K
bc

สร้างเนื้อสร้างตัวในยุคจีนโบราณ

read
19.2K
bc

เกิดใหม่มีสามีตาบอด

read
2.4K
bc

เก็บขยะจนรวย ด้วยระบบรักษ์โลก

read
1K
bc

เซียนสาวเกิดใหม่ขอไลฟ์สดทำนายดวง

read
1K
bc

เสมือนหนึ่งใจเคยรัก

read
2.0K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook