"อีกแล้วเหรอลูกตาล!"
"ตาลขอโทษจริง ๆค่ะ"
"แต่ตาลจำเป็น"
"เฮ้อ...ถามจริง ๆไม่เหนื่อยบ้างรึไง"
"อ่ะ...ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกตาลพี่ไม่ให้เบิกนะ"
"ขอบคุณค่ะพี่เดียร์"
"ไปๆ ไปทำงานได้แล้ว มีอะไรก็บอกพี่" พี่เดียร์เจ้าของผับที่ทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนทุก ๆเดือนคือขอเบิกเงินล่วงหน้าเพราะต้องเอาไปให้พ่อ
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ฉันยกมือไหว้พี่เดียร์แล้วออกไปทำงาน ถึงจะไม่อยากทำงานในผับแบบนี้แต่มันก็จำเป็นเพราะลำพังเงินเดือนเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่ทำอยู่คงไม่พอเลี้ยงพ่อเลี้ยงน้อง แต่ดีที่พี่เดียร์ใจดีและเมตตาให้รับเข้าทำงาน
ฉันทำงานที่นี่ได้ไม่กี่เดือนเองและพ่อก็ขู่เอาเงินตลอด ถ้าไม่ให้พ่อก็จะทำร้ายน้องๆ เลยต้องยอมพ่อตลอด
You don’ t call me baby
You call me my name
But I keep on hoping
Nothing has changed
Yeah yeah
We keep on touching
But we don’ t feel
Feels like you’ re letting
Your hands off the wheel
Yeah
What if I just hold on for a while
Baby there’ s no drug quite like denial
Oh my, if this is goodbye
Don’ t leave me loving you
But whatever you do
Don’ t leave me loving you
If you tip toe out in the morning
I need a warning
If you don’ t feel it too
But whatever you do
Don’ t leave me loving you
If you’ re out of this when I’ m all in
I need a warning
ฉันเดินเข้าไปในผับเพื่อทำงานตามหน้าที่เหมือนทุกวัน ตอนนี้DJ เปิดเพลงเสียงดังลั่นเพราะวันนี้ลูกค้าจองร้านเพื่อฉลองวันเกิด วันนี้คนเลยมากเป็นพิเศษ
หน้าที่ของฉันแค่ยืนยิ้มหวานๆพูดคุยกับลูกค้าบ้าง เป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง ที่จริงถ้าดื่มเหล้าเป็นรายได้คงจะดีกว่านี้ เหมือนพี่เปียโนที่ทำหน้าที่ชงเหล้าคอยเชียร์นั่งดื่มกับลูกค้าแต่สำหรับฉันแค่นี้ก็พอแล้วเพราะต้องทำงานตอนกลางวันด้วย
"น้องครับ!" ระหว่างที่กำลังจะเดินไปหาเพื่อนๆคนอื่นที่ยืนถ่ายรูปกับลูกค้าก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินถือแก้วเหล้าเข้ามาหา
"ค่ะ" ฉันยิ้มให้เขา
"พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ย" และนี่คืออีกหนึ่งหน้าที่
"ได้ค่ะ" ฉันก็ได้แต่ฉีกยิ้มหวานและถ่ายรูปกับเขา
"ขอแบบถ่ายใกล้อีกนิดได้มั้ย" กฎของที่นี่คือห้ามถูกเนื้อต้องตัวพนักงาน
"นะครับพี่แค่อยากถ่ายรูปกับน้องนิดเดียว" แต่ผู้ชายคนนี้ดูเขาจะมีมารยาทต่างกับคนอื่นๆที่ไม่มีหรอกที่จะขอแบบนี้
"ได้ค่ะ" เขาขยับเข้ามาหาแล้วถ่ายรูปต่อ
"ขอบคุณนะน้อง" เขายิ้มๆแล้วเดินออกไปหาเพื่อนเขาทันที
ส่วนฉันก็เดินไปหาเพื่อนๆ คือรู้คนเยอะเลยเหนื่อยหน่อยเพราะต้องเดินไปเดินมาก กว่าจะ. เคลียร์ร้านเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็ตี 2 และมันก็เป็นแบบนี้วนไปทุกวัน
ตอนเช้า
06:00น.
"พ่ออยู่มั้ย" ฉันตื่นแต่เช้าแวะไปที่บ้านเพื่อจะเอาเงินไปให้พ่อ
"อยู่ มีไร" ลูกกวางน้องสาวคนละแม่ ตอนนี้เธออายุ 16
"แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ไม่ไปเรียนเหรอ" ฉันเดินเข้าไปในบ้าน
"เรียนทำไมขี้เกียจ"
"สู้หาผัวรวยๆดีกว่าจะได้สบายไม่ต้องทำงานงกๆเหมือนพี่" ลูกกวางพูดอย่างหน้าตาเฉยแล้วทิ้งตัวลงนอนที่โซฟากลางห้อง
"ทำไมคิดอะไรแบบนั้น รู้มั้ยถ้าไม่มีความรู้จะโดนหลอกเอาง่ายๆ" ฉันก็พูดเตือนน้องแบบนี้ทุกครั้ง
"เป็นแค่พี่! ไม่ใช่แม่อย่างมาสอน!"
"เอาเงินมาจะไปเที่ยว!"
"นี่!!ลูกกวาง!หยุดนะ!"
"หยุดก็โง่ดิ จะเรียนไปทำไมนั่งๆนอนๆอยู่บ้านก็มีคนหาให้ใช้" ลูกกวางแย่งเงินในกระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน
แว้นๆๆแง้นๆ
"ไปกันที่รัก!!"
"มาช้าอ่ะ!"
แง้น!!!!!
"ละ...ลูก" ฉันเดินออกไปจะเรียกน้องแต่ไม่ทันแล้วลูกกวางซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ออกไปกับผู้ชายท่าทางน่ากลัวๆ แล้วดูแต่งตัวเข้า เสื้อเกาะอกกาวเกงขาสั้น แต่งตัวแบบนั้นมันอันตรายไม่รู้รึไง
"อีตาล!!!"
"ไหนเงินกู!"
พ่อตะโกนเสียงดังลั่นบ้านเดินโซเซออกมาจ้องหน้าตาเขม็ง
"พ่อตาลบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เพลาๆลงบ้าง" นี่คงจะเมาข้ามวันอีกแล้ว
"เสือก!!"
"เรื่องของกู!!" พ่อเดินมาเอามือจิ้มหน้าผากอย่างแรง
"ที่ตาลบอก ตาลเป็นห่วงพ่อนะ" ฉันได้แต่ถอนหายใจ
"เป็นห่วงก็เอาเงินมา" พ่อแย่งกระเป๋าจากมือ
"พ่อ!!เอามา!" ฉันรีบแย่งคืนแต่พ่อไม่ให้
"มีแค่นี้เองเหรอว่ะ?" พ่อนับเงินแล้วมองหน้าฉันอย่างไม่พอใจ
"มีแค่นี้แหละ"
"นี่พึ่งจะกลางเดือนเองนะ"
"พ่อก็ใช้ประหยัดๆหน่อยแล้วกัน" เงินหมื่นกว่าบาทฉันใช้ได้สองเดือนเลยนะ
"แล้วลูกอมกับลูกเกดละ" ฉันมองหาน้องๆอีกสอง ปกติถ้ามาลูกอมกับลูกเกดต้องวิ่งมากอด
"ไม่รู้!" พ่อไม่สนใจยิ้มกริ่มกับเงินในมือ
"เงินที่ตาลให้ตาลไว้ให้พ่อไว้ซื้อข้าวซื้อน้ำเลี้ยงน้องนะไม่ใช่ให้พ่อเอาไปกินเหล้า" ฉันก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้หรอกแต่นับวันพ่อยิ่งดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
เพล้ง!!
"อีตาล!! มึงเป็นลูกมีหน้าที่หาเงินให้กูใช้ไม่ใช่มาสอนกูแบบนี้!"
"กูเป็นพ่อมึง!!ม่ต้องมาเสือกสอนกู!!" พ่อคว้าขวดเหล้าที่วางเกลื่อนอยู่เต็มหน้าบ้านขว้างใส่
"อึก!!"
"ที่ตาลพูด เพราะตาลเป็นห่วงพ่อนะ!" ฉันได้แต่ยืนร้องไห้
"ตาลแต่อย่างให้พ่อเลิกกินมัน " นับวันพ่อก็แก่ขึ้นเรื่อย ๆทำไมพ่อไม่รักตัวเองบ้างก็ไม่รู้
"ตาล มีพ่อคนเดียวนะ อึก.."
"แม่ก็ทิ้งตาลไปแล้ว ตาลไม่อยากเสียพ่อไปอีกคน" ฉันพูดพลางสะอื้น ทำไมพ่อไม่เข้าใจกันบ้าง ไม่ว่าตัวเองจะทำงานเหนื่อยแค่ไหน ก็ทนได้ แค่ได้เห็นครอบครัวกินดีอยู่ดี แต่ดฤสิ่งที่พ่อทำสิ บางทีมันก็เหนื่อยนะ
"โวยวายอะไรแต่เช้า!" ระหว่างที่กำลังทะเลาะกับพ่อ น้าแพรวแม่ของลูกอดและลูกเกดก็เดินนุ่งกระโจมอกออกมา
"แล้วมึงเป็นบ้าอะไร มาด่าผัวกูฉอด ๆ "ทันทีที่เห็นหน้า น้าแพรก็ด่าสาดเสียงดังเสียจนชาวบ้านที่เดินไปเดินมาต่างมุงดู
"เจ้าข้าเอ๊ย!!! "
"มาดูอีลูกเนรคุณมันยืนชี้หน้าด่าพ่อด่าแม่!!"
"อุตส่าห์เลี้ยงมาอย่างดี ถ้ารู้ว่าโตมาปีกกล้าขาแข็งแล้วจะมาชี้หน้าด่ากูแบบนี้กูไม่น่าเลี้ยงมึงมาเลย อีตาล!!" ฉันได้แต่ยืนร้องไห้กับคำสถบที่น้าแพรวพูดพร้อมตะโกนเสียงดังโวยวาย
"อีหนูลูกไปเถอะอย่าไปสนใจเลย มีพ่อแม่แบบนี้" ยายข้างบ้านที่รู้จักครอบครัวฉันดี เดินมาจูงมือออกจากตรงนี้
"อึก!! "
"ยายล่ะสงสาร เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย" ยายพาฉันไปนั่งที่เก้าอี้ตรงสวนสาธารณะเล็กทางเข้าหมู่บ้าน ฉันได้แต่กอดยายแล้วร้องไห้โฮออกมา
"ตาลเหนื่อยจังค่ะยาย" บางทีก็แอบคิดว่าจะมีชีวิตไปเพื่ออะไรในเมื่อไม่มีใครรักสักคน
"เห็นนั้นมั้ย" ยายชี้ไปที่หมาจรจัดตัวหนึ่งที่ตัวผอมโซ
"ยายจะพาไปดูอะไร" ยายพาฉันเดินไปที่พุ่มไม้เล็กๆ
แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับลูกหมาตัวเล็กๆ 2-3ตัว
"เอ้ายายจันทร์วันนี้มากับใคร" ตาหันมายิ้มให้ฉันกับยาย
"แล้วแม่หนูเป็นอะไรลูกร้องไห้ทำไม" ตาพูดและแสดงความเป็นห่วงเป็นใย
"ปะ..เปล่าค่ะ" ฉันเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มให้คุณตา
"วันนี้ตามีให้กินแค่นี้ไว้พรุ่งนี้ตาจะไปขอที่วัดมาให้ใหม่" คุณตาพูดและยิ้มให้กับลูกหมาพวกนั้น ที่กำลังแย่งกันกินเศษอาหาร
ฉันนั่งคุยกับคุณตาคุณยายพักหนึ่งก่อนจะขอตัวกลับเพราะต้องไปทำงาน
คำพูดของคุณตามันทำให้มีกำลังใจ คุณตาไม่มีลูกไม่มีหลานแกอาศัยอยู่คนเดียวเก็บขวดขายเลี้ยงชีพ
แกบอกเมื่อก่อนแกเคยคิดจะฆ่าตัวตายแต่แกเปลี่ยนใจเพราะขนาดหมามันยังรักชีวิตเราเป็นคนแท้ๆแล้วทำไมต้องคิดทำร้ายตัวเอง
คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำดีได้และตาก็เลือกที่จะอยู่เพื่อทำความดี
ได้ยินแบบนี้แล้วมันมีกำลังใจขึ้นเยอะ อย่างน้อย ๆ ตัวฉันเองยังมีโอกาสทำดีหาเลี้ยงครอบครัว ถึงจะไม่มีใครเห็นแต่มันก็เป็นความภูมิใจ ถ้าไม่มีฉันสักคนพ่อกับน้องๆจะอยู่ยังไง เธอต้องคิดในแง่บวกนะลูกตาล ห้ามท้อ ห้ามคิดสั้น
ขนาดยายไม่ได้เป็นอะไรกันท่านยังรักและห่วงใย แล้วเธอล่ะเธอต้องรักตัวเองให้มาก ๆ อย่างที่ตากับยายบอกใครไม่เห็นแต่เราเห็น ความสุขของเธอคือไม่เห็นคนในครอบครัวมีความสุขไม่ใช่รึไง
ถึงพ่อจะดุด่าตบตีบ้าง แต่พ่อก็คือผู้มีพระคุณเป็นคนให้กำเนิดให้ชีวิตเธอมา ส่วนน้าแพรวถึงจะไม่ทำงานทำการอะไรเอาแต่เล่นพนันแต่ตอนที่แม่จากไปก็ได้ น้าแพรว ไม่ใช่รึไงที่ช่วยดูแลเธอกับน้องและก็พ่อตลอดมา
"สู้ๆลูกตาล!" ฉันบอกกับตัวเองแล้วเดินหน้าทำงานหาเงินให้ได้มาก ๆ เพราะแค่มีเงินพ่อก็จะไม่ดุไม่ด่าและพ่อก็จะมีความสุขรวมถึงน้องๆด้วย.
ตอนเย็น
"จะแต่งงาน!" ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน ฟ้าน้องที่ทำงานด้วยกันบอกจะแต่งงาน คือที่ตกใจคือรู้จักกันมาตั้งนานไม่ยักรู้ว่าฟ้ามีแฟน
"ค่ะ" แต่ฟ้าดูไม่สดใสเลย ดูกังวลใจยังไงไม่รู้
"มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้นะ" ฉันจับมือฟ้าแน่นถึงเราพึ่งจะรู้จักกันแต่ฉันรักและเป็นห่วงเธอเหมือนฟ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ มาตลอดไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
"พี่ตาล!" อยู่ ๆฟ้าก็ร้องไห้แล้วโผล่เข้ากอดแน่น
"ฟ้าไม่อยากเป็นแบบนี้เลย" ฟ้าพูดพลางสะอื้นไห้
"ใจเย็นๆมีอะไรรึเปล่า" ฉันได้แต่กอดปลอบฟ้าอยู่แบบนั้น
10 นาทีผ่านไป
"คือฟ้า!" ตอนนี้ฟ้าหยุดร้องไห้และเอาแต่ก้มหน้าเงียบ
"คือฟ้าต้องแต่งงานกับคุณอาทิตย์ตามพินัยกรรมของคุณท่าน" ฟ้าเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอยู่เหมือนกัน คือฟ้าเป็นเด็กกำพร้าแล้วครอบครัวนั้นรับอุปการะเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี
แต่หลังจากคุณท่านเสียลูกๆหลานๆของท่านก็ไม่อยากให้ฟ้าอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกต่อไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพินัยกรรมได้ระบุไว้ต้องให้ฟ้าแต่งงานกับหลานชายคนโตของบ้านคือคุณอธิศ
"ฟ้าไม่อยากแต่ง แต่ฟ้าก็ทำอะไรไม่ได้" เฮ้อ..ได้ฟังแบบนี้แล้วชีวิตฟ้าดูจะสุขแสนจะสบายแต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะแม่ของคุณอธิศอะไรนั้นไม่ยอม ถ้าฟ้าไม่แต่งสมบัติจะถูกแบ่งครึ่ง แต่ถ้าฟ้าแต่งและมีทายาทสมบัติที่เป็นของฟ้าจะเป็นของลูกและแน่นอนของลูกก็ต้องเป็นของพ่อเพราะจากที่ฟังๆคุณแม่ของคุณอธิศคงไม่ยอมให้ฟ้าได้อะไรไป
"ฟ้าไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะฟ้าเลยพี่ตาล"
"ฟ้าเลย!" ฟ้าจับมือฉันแน่น ฟ้าบอกมีคนจะช่วยคือหลานชายอีกคนของคุณท่านที่เขารักฟ้ามาตั้งแต่ยังเด็กจะดูแลและปกป้องฟ้า
แต่เขากลับถูกคุณอธิศที่มีพ่อเลี้ยงเป็นถึงพวกยากูซ่าเล่นงาน ฟ้ากลัวทุกคนจะเดือดร้อนเลยรับปากตกลงจะแต่งงานและมีลูกให้กับพวกเขาตามที่พินัยกรรมระบุ
คนรวยนี่ก็แปลกทำไมถึงคิดแต่เรื่องสมบัติไม่สนใจความรู้สึกกันเลยรึไงกัน
"ขอบคุณนะคะที่รับฟังฟ้า"
"พอได้ระบายมันออกไปฟ้าก็รู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ" ตอนนี้ฉันกับฟ้ากำลังเดินไปรอรถจะกลับบ้าน
"พี่ยินดีรับฟังฟ้าเสมอ"
"มีอะไรบอกพี่ได้ถึงพี่จะช่วยอะไรไม่ได้แต่พี่พร้อมที่จะรับฟังฟ้าเสมอ" ฉันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
ปรี๊ก! ปรี๊ก!
"ฟ้าจะกลับเหรอขึ้นรถเดี๋ยวพี่ไปส่ง" ระหว่างที่เราเดินๆกันอยู่ก็มีรถบีบแตรและจอดก่อนเขาจะลดกระจกแล้วเรียกฟ้า
"พี่หมอ" ฟ้าเดินไปหาเขาคงจะรู้จักกัน
"พี่ตาลกลับด้วยกันมั้ย" ฟ้าหันมายิ้มให้
"ไม่เป็นไรฟ้าไปเถอะ" ดูจากรถหรูขนาดนี้เจ้าของรถคงจะรวยน่าดู ฉันคงไม่มีวาสนาได้ขี่มันหรอก
"ไปด้วยกันค่ะ" ฟ้าเดินมาจับมือดึงร่างบางไปขึ้นรถ
"พี่หมอไปส่งพี่ตาลด้วยได้มั้ย" ฟ้าหันไปถามผู้ชายในรถ ฉันไม่เห็นหน้าเขาหรอกเขาใส่แว่นดำไว้ แต่ดูถ้าเขาจะไม่สบอารมณ์กับฉันเท่าไหร่
"ไม่เป็นไร"
"นั่นไงรถมาแล้วพี่ไปก่อนนะ" พอดีรถเมล์แล่นมาพอดี เลยถือโอกาสรีบเดินไปขึ้นรถเมล์ทันที
"พี่ตาลนะพี่ตาล..เฮ้อ" ….ฟ้าได้แต่ถอนหายใจกับความขี้เกรงใจของลูกตาลทั้ง ๆที่ชวนให้นั่งรถไปด้วยกันสบายๆแต่กลับขึ้นรถเมล์ให้มันลำบาก
ห้องเช่า
ดีที่วันนี้เป็นวันหยุดไม่ต้องไปทำงานที่ผับจะได้นอนแบบเต็มอิ่มสักที
"ว่าไงลูกกวาง" แต่พึ่งจะถึงห้องทิ้งตัวลงนอนยังไม่ทันหายเหนื่อยลูกกวางก็โทรมาพอดี
"ว่าไงนะ!!"
"ได้ๆพี่จะรีบไป" ลูกกวางบอกว่าลูกอมถูกรถชนเพราะออกไปขายพวงมาลัย ฉันลืมบอกไปว่าน้าแพรวแกขายพวงมาลัยอยู่ตามสี่แยก แต่หลังๆให้ลูกอมกับลูกเกดออกไปขายแทน และน้องๆยังโดนรถเฉี่ยวบ่อย ๆอีกด้วย
ทันทีที่รู้เรื่องก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล
"น้องอยู่ไหน" ฉันวิ่งเข้าไปหาลูกกวางที่นั่งอยู่กับผู้ชายคนเมื่อเช้า
"ใครวะลูกกวาง สวยยังกับนางฟ้า" ผู้ชายคนนั้นส่งสายตาเจ้าชู้ใส่ แต่ฉันไม่สนใจ
"ใน..ห้อง!"
"เดี๋ยว!!!" แต่กำลังจะเดินเข้าห้องแต่ลูกกวางดึงแขนไว้ก่อน
"เอาเงินมาก่อน 3000 ค่าพาลูกอมมาส่ง"