"เอามา!"
"ใช้ให้มันประหยัดๆหน่อยพี่มีแค่นี้!" ที่ยอมให้ง่ายๆเพราะไม่อยากมีปากเสียงกับลูกกวางที่นี่ ฉันรีบหยิบเงินให้น้องแล้วรีบเข้าไปดูลูกอม
"แค่ถลอกนิดหน่อยทำอย่างกับอีลูกอมมันจะตาย!" ...ลูกกวางเบะปากมองบนใส่พี่สาวก่อนจะเดินควงแขนแฟนหนุ่มออกไปเที่ยวเตร่
"พี่ลูกตาล ฮื่อ!!!" พอลูกอมเห็นพี่ก็ร้องไห้ใหญ่
"น้องคงตกใจค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วนะคนเก่ง" คุณหมออุ้มลูกอมเดินมาหาฉัน
"ไม่ต้องกลัวนะพี่มาแล้ว" ฉันกอดปลอบน้องลูกอมอายุพึ่งจะ 10 ขวบแต่มีความรับผิดชอบกว่าผู้ใหญ่หลายๆคน
"ไม่เป็นไรแล้วนะเดี๋ยวพี่พากลับบ้าน" ลูกอมยังร้องไห้สะอื้น คงจะตกใจเด็กอายุแค่นี้เอง
"กลับบ้านได้เลยนะคะน้องแค่มีแผล ถลอกเล็กน้อย" พยาบาลเดินเอายาทามาให้พร้อมกับรอยยิ้ม
"ขอบคุณค่ะ คุณหมอยังค่ะ" ฉันวางลูกอมลงกับพื้น
"ขอบคุณค่ะ" ก่อนเราสองพี่น้องจะเดินออกจากโรงพยาบาล
"หิวมั้ยพี่พาไปกินข้าว" นี่ก็เย็นแล้วลูกอมคงจะยังไม่ทานอะไร
"ลูกอมอยากกลับบ้านลูกอมเป็นห่วงลูกเกด" ตอนนี้ลูกเกดคงจะอยู่บ้าน
"งั้นพี่ไปส่งแต่ก่อนกับ เราไปซื้อของกินก่อนจะได้เอาไปให้น้องด้วย" ที่จริงใจอยากเอาทั้งลูกอมและลูกเกดไปอยู่ด้วย แต่ก็อย่างที่รู้น้าแพรวแกไม่ชอบหน้าฉันเท่าไหร่
เวลาเห็นน้องๆอยู่กับฉันน้าแพรวแกก็จะพูดดุด่าน้องๆและตีน้องๆ เหมือนเป็นการประชดเลยได้แค่มองดูเด็ก ๆ อยู่ห่างๆ
"ส่วนนี่เงิน เก็บไว้ให้ดีอย่าให้พ่อกับแม่รู้เอาไว้ไปโรงเรียน" ฉันจะแอบให้เงินกับน้องแบบนี้ประจำเพราะถ้าให้พ่อหมดมีหวังเด็กไม่ได้ไปโรงเรียนแน่ ๆ
"ค่ะพี่ลูกตาล"
"ขอบคุณนะคะ" ลูกอมกอดฉันแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านคงกลัวแม่จะมาเห็น
"เฮ้อ!!" ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินกลับไปที่ห้องเช่า ตั้งแต่เรียนจบก็1ปีเต็มที่อยู่คนเดียวต้องทำงานส่งตัวเองเรียน หาเลี้ยงน้อง ๆ ตั้งแต่อายุ 15 จนตอนนี้อายุ 23 ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะนับวันพ่อยิ่งดื่มเหล้าและตอนนี้เหมือนจะติดการพนันด้วย…
หลายวันผ่านไป
วันนี้เป็นวันแต่งงานฟ้า ฟ้าเลยต้องลางานยาวไม่มีกำหนด ฉันเองก็อยากไปแสดงความยินดีนะแต่อย่างที่รู้ๆ ใครจะกล้าไปล่ะ
"ลูกตาล"
"ไปทานข้าวกันมั้ย" เป็นคุณเตชินท์เจ้าของบริษัทที่ทำงานอยู่เอ่ยขึ้น
"ห้ามปฏิเสธ " ฉันกำลังจะปฏิเสธเขาแต่เขากลับพูดขึ้นก่อน
"แต่..คือตาล" คุณเตชินท์เขาตามจีบฉันอยู่ แต่คือไม่อาจเอื้อมหรอก ฉันรู้ตัวเองดีและเจียมตัวเสมอ
"ไม่มีแต่ " พูดจบเขาก็เดินมาจูงมือฉันไปขึ้นรถทันที
ร้านอาหาร
"ผมว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่ผมจะบอกคุณ" ตอนนี้มันรู้สึกอึดอัดมากกับสายตาคุณเตชินท์ที่เอาแต่มองแล้วส่งยิ้มให้
"คือผม...ผมรักคุณ" เขาจับมือฉันแน่น
"ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร"
"ผมรู้แค่ว่าผมรักคุณรักตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอกับคุณ" ฉันได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ไม่นึกว่าเขาจะมาสารภาพรักกลางร้านอาหารแบบนี้
"ขอบคุณนะคะที่รู้สึกดีกับลูกตาล" ฉันรีบขยับมือออก
"แต่ตาลไม่มีอะไรเหมาะสมกับคุณ"
"คุณเป็นคนดี ทั้งรูปร่างหน้าตาอย่ามาเสียเวลากับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรอย่างตาลเลย"
"ยังมีผู้หญิงดี ๆที่เหมาะกับคุณมากกว่าลูกตาล" ฉันยิ้มให้เขา ตอนนี้ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้เพราะยังมีครอบครัวให้ต้องดูแล ยังมีภาระหน้าที่มากมายไม่อยากคิดเรื่องรักๆ เลิกๆ ให้มันปวดหัว
"ผมไม่สนใจ ผมรู้แค่ผมรักคุณ!" แต่ดูคุณเตชินท์จะไม่ยอมฟังที่ฉันพูดเลยสักนิด
"เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะค่ะ"
"สำหรับตาลคุณคือเจ้านายที่ดีที่สุด"
"ขอตัวนะคะ " ฉันยิ้มให้เขาแล้วรีบเดินออกจากตรงนั้นทันที
"ทำไม!!!"...เตชินท์กำหมัดแน่นก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ แต่เขาไม่ยอมแพ้และจะเอาชนะใจลูกตาลให้ได้
หลังจากที่ออกมาจากร้านอาหาร ฉันก็กลับไปทำงานต่อ จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไงไม่รู้
ผับ20:00น.
แล้ววันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่ต้องทำหน้าที่เหมือนเช่นทุกวัน
"ตาล! วันนี้ทำงานแทนพี่ที พอดีพี่ปวดท้อง" พี่เปียโนเดินมือกุมท้อง ทำหน้ามุ่ยเดินเข้ามาหา
"แต่ตาลดื่มไม่เป็นนะคะ"
"ไม่เป็นไรแค่นั่งเป็นเพื่อนแขกพี่บอกเขาไว้แล้ว"
"เขาบอกไม่เป็นไรขอแค่มีสาวๆสวยๆนั่งเป็นเพื่อน เขาก็พอ"
"ค่ะ…ว่าแต่พี่ไหวมั้ย" ดูถ้าแล้วพี่เปียโนคงจะปวดท้องหนักอยู่เหมือนกัน
"เป็นผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ปวดฉิบหาย" ฉันก็เคยปวดท้องประจำเดือนนะแต่ก็คงไม่ปวดมากเหมือนพี่เปียโนตอนนี้
"พี่ไปก่อนนะไม่ไหวแล้ว"
"กลับบ้านดีๆนะ"
ฉันได้แต่ยืนมองพี่เปียโนเดินออกไป วันนี้ที่ผับคนเยอะเหมือนกับทุกวันแต่วันนี้ดูคนจะแน่นเพราะเป็นวันศุกร์โดยเฉพาะนักศึกษาหนุ่มๆสาวๆที่มากันเป็นแก๊งๆ
ถ้าจะพูดตามตรงฉันไม่เคยไม่มีชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นหรอก นอกจากเรียนและทำงานก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ 2คน แก้วตา กับ เมจิ ตอนนี้สองคนนั้นมีการงานที่ดีอีกหน่อยคงได้บรรจุเป็นคุณครูและพยาบาลตามความฝัน
ส่วนฉันเหรอ ความฝันคืออะไรตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไร
ฉันก็ยืนรับแขกตามปกติเพราะแขกพิเศษที่พี่เปียโนบอกไม่เห็นจะมาสักที
"ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยสิวะ" ผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี 2 คนเดินเข้ามาในร้าน" เห็นมั้ยสาวๆที่นี่สวยๆทั้งนั้น" ผู้
ชายคนหนึ่งหันมายิ้มให้ ส่วนอีกคนฉันเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนแต่นึกไม่ออกแต่เขาดูเย็นชาและน่ากลัวมาก
ส่วนหน้าตาไม่ต้องพูดถึงถือว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้หัวใจดวงน้อย เต้นแรงได้ขนาดนี้ในตาคมเข้ม จมูกโด่ง ผิวขาว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันฉันถึงไม่อาจละสายตาจากผู้ชายคนนั้นได้ทั้ง ๆที่เขาไม่แม้แต่จะมองฉันสักนิด
"น้องครับ" ผู้ชายอีกคนเดินมาเรียก
"น้องใช่มั้ยที่เปียโนบอกจะมานั่งเป็นเพื่อนพี่"
"พอดีเพื่อนพี่มันอกหักน้องช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนมันให้พี่ที" เขาพูดพร้อมกับมองไปที่เพื่อนเขาที่ตอนนี้เอาแต่ยกแก้วไม่สนใจใคร
"แต่เมื่อกี้พี่เปียโนพึ่งทักมาบอกว่าพี่ยกเลิกไปแล้วนิคะ" ฉันมองไปที่โต๊ะนั้น
"คือพอดีตอนแรกมันบอกว่าอยากอยู่คนเดียวพี่เลยยกเลิกไป"
"แต่อยู่ ๆไอ้คิน " น่าจะเป็นชื่อเขา
"มันบอกอยากให้น้องไปนั่งดื่มด้วย พี่เข้าใจกฎของร้านนะแต่ช่วยพี่หน่อยตอนนี้พี่จนปัญญาแล้วจริง ๆ"
"ตั้งแต่มามันก็ดื่มเอาๆ" เขาพูดอย่างเกรงใจเพราะพี่เบียร์เจ้าของร้านเป็นลูกก็นายตำรวจใหญ่ที่ทุกคนรู้จักดีเลยไม่กล้าลองดี และที่เลือกทำงานที่ผับนี้เพราะมันปลอดภัยไม่ต้องกลัวลูกค้าจะลวนลามนอกจากเด็กในร้านจะเต็มใจเอง
"...อืม" ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง
"นะน้องนะมันบอกอยากคุยกับน้องแค่ไปนั่งเฉยๆก็ได้ไม่ต้องดื่ม"
เพล้ง!!!
"กรี๊ด!!"
"ว้าย!!"
"ฉิบหาย!!ไอ้คิน!"
"บอกว่าอย่ามายุ่ง!!" ระหว่างที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนเขาก็ได้ยินเสียงแก้วแตกพร้อมสาวที่ร้องโวยวายด้วยความตกใจ
"มีอะไร" พี่เดียร์เดินออกมา
"พี่มาก็ดีแล้ว" ผู้ชายคนนั้นรีบพาพี่เดียร์ไปที่โต๊ะ ฉันเป็นห่วงพี่เดียร์เลยตามไปด้วย
"หมอวาคิน?" พี่เดียร์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วนั่งลงข้างผู้ชายคนนั้น เขาชื่อวาคินงั้นเหรอ
"ผมขอโทษแต่ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผม!" เขาไม่ได้ดูว่าเมาสักนิด แล้วสายตาที่เขามองมาที่ฉันมันทำให้ฉันรีบก้มหน้าหลบตาเขาทันที
"เด็กพี่เหรอ?" เขาลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้
"อืม แต่ไม่ได้"
"ผมเข้าใจแค่" พี่เดียร์ยังไม่ทันจะได้พูดจบเขาก็พูดขึ้นก่อน
"สนใจฉันเหรอ" เขาก้มหน้ากระซิบเบาๆ ทำเอาถึงกับตกใจได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
"ตาลดูแลเพื่อนพี่ให้หน่อยแล้วกัน พอดีพี่มีงาน" พี่เดียร์พูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงานทันที
"ไอ้คิน!!"
"น้องมันกลัว!" เพื่อนเขาดึงตัวเขาออกไปจากฉัน
"หึ..." เขาหัวเราะหึ หึ แล้วนั่งลงที่เดิมส่วนฉันได้แต่ยื่นนิ่งไม่รู้จะทำไงต่อ
"เฮือก!!"
"มานี่!" แต่อยู่ ๆเขาก็ลุกขึ้นแล้วดึงตัวไปนั่งข้างๆ
"ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไง!"น้ำเสียงเข้มพร้อมพูดดุๆแล้วแบบนี้จะไม่ให้กลัวได้ไง
"ปะ...เปล่าคะ" ฉันพูดกับเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ
"หึ.." เขาไม่พูดอะไรต่อแล้วก็เอาแต่ดื่มเหล้า
"น้องพี่ฝากดูเพื่อนพี่หน่อยนะพอดีพี่มีนัด" พูดจบเพื่อนเขาก็เดินออกไปทันที
"......" ตอนนี้ในผับ DJ ก็เปิดเพลงเสียงดัง ทุกคนต่างสนุกเต้นไปตามจังหวะเพลง แต่ฉันกลับรู้สึกยังไงไม่รู้มันบอกไม่ถูก ได้แต่แอบมองเขาที่เอาแต่ดื่มไม่พูดอะไร
"มองอะไร" เสียงทุ้มต่ำพร้อมสายตาดุๆดุจพญาเหยี่ยวจ้องมาที่ฉัน มองก็รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิด
"คุณคงอยากอยู่คนเดียว" ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยรีบลุกออกจากตรงนี้
หมับ!!
พรึบ!!
"เฮือก!!!" ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเขาคว้ามือแล้วดึงตัวให้กลับไปนั่งที่เดิมแต่บังเอิญมันเสียหลักแล้วปลายจมูกไปโดนแก้มเขาพอดี
"คะ...ขอโทษค่ะ" ฉันรีบขยับตัวออกจากเขาทันทีแต่...
"อืม!!" แต่เขากลับดึงฉันเข้าไปจูบและจูบแรงมาก ๆ มันแรงจนทำให้ริมฝีปากมันชาและคงจะบวมเอามาก ๆ ฉันได้แต่เม้มปากแน่นและพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง
พรึบ!
"เฮือก!"
สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยพร้อมกับฉันที่กำลังจะขาดอากาศหายใจ แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาดื่มและเขาก็เอามือโอบเอวไว้อยู่แบบนั้น
และฉันก็นั่งอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่กล้าลุกไปไหน ได้แต่แอบมองเขา เขาคงจะรักผู้หญิงคนนั้นมากถึงได้เสียใจมากขนาดนี้ แต่สายตามันแอบเห็นที่มือเขามีแผลอยู่ด้วย ฉันจะมีโอกาสได้เจอผู้ชายที่รักฉันแบบนี้มั้ยนะ
"คะ...คุณคะ" ตอนนี้ผับจะปิดแล้วและเขาก็นั่งเอาหัวพิงไหล่ฉันอยู่
"คือผับจะปิดแล้ว" แต่เขากลับนิ่งไม่แม้แต่จะขยับตัว
"คุณคะ! คุณ!" ฉันเรียกยังไงเขาก็ไม่ยอมตื่นแถมยังเอามือกอดเอวไว้แน่น และเพ้ออะไรไม่รู้มันฟังไม่ถนัด
ห้องเช่า
สุดท้ายฉันก็ต้องพาเขากลับมาที่ห้องเพราะติดต่อใครไม่ได้ พี่เดียร์ก็กลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
"เอาไงดีทีนี้" ฉันถึงกับต้องปาดเหงื่อก็เขาตัวโตกว่าตั้งเยอะ แล้วห้องก็อยู่ชั้น 3 แล้วที่นี่มันไม่มีลิฟต์ ต้องแบกเขาตั้งแต่ข้างล่างจนถึงห้อง
"ทำไม!! ทำไมไม่เลือกพี่!" เขาเพ้อละเมอออกมาอีกแล้ว
"คุณคะ!"
"คุณ!" ฉันพยายามปลุกถามเขาว่าบ้านอยู่ไหนแต่เขาก็ไม่รู้เรื่อง
"หล่อจัง"
ฉันถอดรองเท้าแล้วเอาผ้ามาเช็ดตัวให้เขา ไม่ว่าคิ้ว ตา จมูก ปาก ของเขามันได้รูปเข้ากับโครงหน้าเรียวยาว ผิวขาวใสเนียนกว่าผิวผู้หญิง แถมกล้ามยังแน่นด้วยคงจะเป็นคงที่ชอบออกกำลังกาย
"จะเช้าแล้วเหรอ"
มัวแต่นั่นจ้องเขาจนลืมว่าตัวเองต้องไปทำงาน ตอนนี้ก็ตี3 จะตี4แล้ว ฉันห่มผ้าให้เขาก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
สำหรับฉันได้พักสายตาสัก 30 นาทีก็ดีกว่าไม่ได้นอน
"นอนนี่แล้วกัน"
ฉันเอาผ้าห่มปูที่พื้นก่อนจะนอนลงและค่อยเคลิ้มหลับไป
"หึ..เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะถึงพาคนไม่รู้จักขึ้นห้อง"....วาคินที่รู้สึกตัวตั้งแต่ลูกตาลเดินเข้าไปอาบน้ำเอาผ้าห่ม ห่มให้สาวน้อย ก่อนจะกลับไปนอนที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนเช้า
"ยังไม่ตื่นอีกเหรอ" ฉันตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะออกไปทำงานแต่เขายังไม่ตื่นอีก ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเลยทำอาหารไว้ให้แล้วรีบออกไปทำงานดีนะคืนนี้เป็นวันหยุดจะได้นอนอย่างเต็มอิ่มสักที...