แค่คำถามแรกก็เจอหมักฮุกทำเอามาลินแทบสลบกลางอากาศ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วเมื่อมันเป็นสาระสำคัญของเรื่องในวันนี้
มาลิน : “ไม่จริงค่ะ หลินไม่ได้ท้อง ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่หลินทำให้ตกใจ”
เสียงนักข่าวคุยกันเซ็งแซ่ บ้างอุทานออกมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย บ้างหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนเพราะคิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
นักข่าว : “หมายความว่ายังไงคะ ข่าวนี้หลินเป็นคนปล่อยออกมาเองหรือเปล่า”
เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนวงในซึ่งไม่รู้เป็นใคร ไม่สามารถระบุตัวได้ออกมาโพสต์เรื่องนี้ เมื่อคนแชร์กันไปอย่างแพร่หลายจนเป็นข่าวใหญ่โต คนนั้นก็ระเบิดตัวเองหายไป จึงไม่มีใครฟันธงได้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนออกมาปล่อยข่าวเป็นคนแรกกันแน่
มาลิน : “หลินไม่ได้เป็นคนปล่อยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้หลุดออกมาได้ยังไง อาจมีการเข้าใจผิดกันเพราะก่อนหน้านี้หลินไม่สบายบ่อย เป็นโรคกระเพาะค่ะ มีอาเจียนบ้างตามที่สาธารณะ แล้วก็อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่หลินคบกับปัณณ์พอดี”
แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันตามนั้น ก็เลยต้องซักไซ้อีกหน่อย
นักข่าว : “แล้วถ้าไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว ก่อนหน้านี้หลินหายไปไหนมาคะ ปล่อยให้ปัณณ์โดนชาวเน็ตโจมตีจนแทบไม่เหลือที่ยืนในสังคม ยิ่งมีคลิปหลุดออกมายิ่งแย่ใหญ่ ทั้งปัณณ์ทั้งน้องลูกจันโดนด่าเละเลยค่ะ เพราะคนเข้าใจผิด”
มาลิน : “หลินป่วยค่ะ หลินกลับไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด ไม่ได้เล่นโซเชียล เลยไม่ได้รู้ข่าวพวกนี้เพราะนอนอยู่แต่ในห้อง พอดีขึ้นก็ได้เห็นคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ และรู้ว่ามันมีข่าวอะไรออกมาบ้าง เลยรีบกลับมาค่ะ”
นักข่าว : “ตอนนี้สองคนนั้นโดนเละเลยนะคะ เพราะคนคิดว่าปัณณ์ทำหลินท้องแล้วไม่รับผิดชอบจนหลินหนีไป ส่วนปัณณ์กับลูกจันก็มาคบกัน”
มาลิน : “ทุกคนกำลังเข้าใจผิดค่ะ หลินกับปัณณ์ อันที่จริงเราไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำค่ะ แค่คุยกันเฉย ๆ ใช้เวลาสั้น ๆ ก็ไม่ได้คุยกันอีก ส่วนปัณณ์กับน้องลูกจันหรือผู้หญิงคนอื่นที่มีข่าวซุบซิบอันนี้หลินไม่รู้ค่ะ ปัณณ์เขาไม่ได้ทำหลินท้อง เขาเป็นคนโสด ไม่ได้มีแฟน เขาจะคบใครหรือยุ่งเกี่ยวกับใครก็เป็นสิทธิของเขาค่ะ หลินขอยืนยันว่าเรื่องทุกอย่างของหลินกับปัณณ์มันเป็นความเข้าใจผิดเท่านั้นค่ะ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ให้ไปถามเจ้าตัวเอาเองนะคะ หลินไม่ทราบ วันนี้ขอตอบคำถามแค่นี้นะคะ หลินยังไม่ค่อยหายดี อาจจะกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดสักพักแล้วค่อยกลับมารับงานค่ะ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมากค่ะ”
ผู้จัดการส่วนตัวและบอดี้การ์ดเข้ามาพาเธอเดินฝ่าฝูงนักข่าวที่ยังคงเดินตามและจ่อไมค์ยิงคำถามแสลงใจจนเธอขึ้นรถตู้ออกไปจากบริเวณนี้
“เฮ้อ จบสักที”
มาลินทิ้งแผ่นหลังพิงเบาะรถตู้ หลับตาลงช้า ๆ ดูก็รู้ว่าพวกนักข่าวไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว แม้จะหาต้นตอคนปล่อยมายืนยันไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้ในวงการมายามีให้เห็นบ่อยไป
“รอดตายแล้วเรา พี่ไม่น่าเล่นบ้า ๆ กับเธอเลย เกือบตายหมู่ คราวหลังไม่เอาแล้วนะหลิน จะจับใครเราต้องดูตาม้าตาเรือหน่อย”
“นี่หลินก็ดูดีแล้วนะคะ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่านอกจากปัณณ์เขาจะไม่รีบออกมารับผิดชอบหลิน เขายังไม่เชื่อด้วย จ้างนักสืบตามหาตัวหลินอย่างกับพวกมาเฟีย”
“รอดตายมาได้ก็บุญแล้วย่ะ ไปใส่ความลูกชายเขา ตระกูลนั้นมีอิทธิพลและมีเงินขนาดไหนเธอไม่รู้หรือไง”
“ก็เพราะรู้ไงคะ ถึงอยากจับมาเป็นสามี ปัณณ์เขาเพอร์เฟคที่สุด หลินไม่อยากเป็นแค่คู่นอนแล้วโดนเขาเขี่ยทิ้ง หลินทำใจไม่ได้”
“เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นแบบนี้ ลงไปเล่นกับไฟเอง พี่ไม่รู้จะพูดยังไง แต่คราวหน้าพี่ไม่ช่วยเธอแล้วนะ และอย่าคิดจับผู้ชายด้วยการท้องจริง ๆ เด็ดขาด ถ้าเขาไม่รับผิดชอบ อนาคตเธอจบสิ้นแน่”
หลังจากคลิปสัมภาษณ์ถูกปล่อยลงโซเชียลก็มีกระแสคนชอบเสพดรามาแยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่ามาลินไม่โกหกและให้กำลังใจที่เธอกลายเป็นหนึ่งในของเล่นไฮโซ ส่วนอีกฝ่ายไม่เชื่อว่ามาลินจะพูดความจริง ทั้งยังมีภาพถ่ายที่เธอไปเที่ยวผับและอาศัยอยู่ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ป่วยหรือกลับไปอยู่ต่างจังหวัดแต่อย่างใด จึงมั่นใจกันว่าเธอต้องการจับลูกชายมหาเศรษฐีด้วยการโกหกว่าท้องแน่นอน
แม้ข่าวของมาลินจะเป็นที่พูดถึงอย่างออกรสสนั่นโซเชียล แต่ข่าวเรื่องคลิปหลุดที่เห็นหน้าหนุ่มสาวชัดเจนก็ถูกพูดถึงมากมายไม่แพ้กัน เช้าวันต่อมา ปัณณธีจึงต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวด้วยตัวเองเพื่อจบเรื่องราวฉาวโฉ่นี้เสียที
นักข่าว : “คลิปที่หลุดมาคือปัณณ์กับน้องลูกจันจริง ๆ ใช่ไหมคะ”
ปัณณธี : “ครับ เป็นผมกับลูกจันจริง ๆ”
แม้จะชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเองกับปากก็ยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยในความสัมพันธ์ของเขากับนางเอกสาว
นักข่าว : “ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นได้คะ”
ปัณณธี : “หมายถึงอะไรครับ ถ้าหมายถึงว่าทำไมผมถึงจูบลูกจัน ไม่มีคำแก้ตัวอะไรครับ คนจูบกัน คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ส่วนถ้าถามว่ามันหลุดออกมาได้ยังไงอันนี้ผมไม่รู้จริง ๆ เพราะในห้องแต่งตัวนักแสดงมีคนเข้าออกหลายคน ทุกคนทำงานด้วยกันมานาน ผมไม่อยากชี้ไปที่ใคร แต่อยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับคนที่ทำ ขอว่าอย่าทำอีก เรื่องลับ ๆ ของคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องสนุก ผมเป็นผู้ชาย ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ เสียหายแค่ไหนก็ทนได้ แต่ฝ่ายหญิงเขาเสียหายมาก ๆ ผมสงสารน้อง”
นักข่าว : “แบบนี้จะทำยังไงกันคะ ทางผู้ใหญ่สั่งลบคลิปออกจากโซเชียลหมดแล้ว แต่เชื่อว่าน่าจะมีคนเซฟไว้บ้าง”
ปัณณธี : “ผมคงต้องขอร้องคนที่ยังเก็บคลิปไว้ให้ช่วยลบเถอะครับ สงสารลูกจัน น้องไม่ได้ผิดอะไร เป็นผมเองที่จูบน้อง”
นักข่าว : “คบกันอยู่หรือเปล่าคะ น้องลูกจันเพิ่งเข้าวงการ มีข่าวโดนพระเอกจีบหลายคนก็จริง แต่น้องก็ยังไม่มีแฟน”
ปัณณธี : “ผมก็เพิ่งทราบจากผู้ใหญ่ว่าพ่อแม่ขอหมั้นลูกจันให้ผมตั้งแต่ผมเด็ก ๆ แล้วครับ พอได้มาร่วมงานกันก็เลยได้คุยกันจริง ๆ จัง ๆ พ่อแม่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน เราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ มาห่างกันตอนลูกจันไปเรียนเมืองนอก พอกลับมาเจอกันอีกก็เลยรู้สึกแปลก ๆ ครับ น้องไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ผมชอบแกล้งอีกแล้ว”
รอยยิ้มบนมุมปากและดวงตาแวววาวล้อแสงบ่งบอกความสุขทำเอานักข่าวยิ้มตาม เชื่อกันจนหมดใจว่าคาสโนว่าปัณณธี ตกหลุมรักเพื่อนเล่นวัยเด็กเข้าแล้วอย่างที่เล่าจริง ๆ
นักข่าว : “โรแมนติกจัง แปลว่าคุยกันอยู่หรือคะ หรือคบกันแล้ว”
ปัณณธี : “เรากำลังคบกันครับ กำลังศึกษากันอยู่ เพราะพ่อแม่ก็เร่งอยากให้ผมแต่งงานแล้ว”
นักข่าว : “หรือว่ากำลังจะมีข่าวดีคะ”
นักข่าวสาว ๆ หันมองหน้ากันเบิกตาโต บ้างยังคงยิ้มไม่หุบเพราะรู้สึกเขินแทนนางเอกสาว
ปัณณธี : “ครับ ผมยอมรับว่ากำลังคิด ๆ กันอยู่ เพราะเราเพิ่งเริ่มศึกษากัน แต่ยอมรับว่าหลังจากมีคลิปหลุดก็โดนผู้ใหญ่ตำหนิว่าไม่ให้เกียรติน้อง ผมเลยขอจัดงานหมั้นหมายลูกจันให้เป็นเรื่องเป็นราวครับ”
เสียงโห่แซวเซ็งแซ่ และเสียงกล่าวแสดงความยินดีดังกระหึ่ม
นักข่าว : “ยินดีด้วยนะคะ คาสโนว่าจะถอดเขี้ยวเล็บแล้วหรือคะ”
ปัณณธี : “ผมใช้ชีวิตอิสระมามากพอแล้วครับ”
นางเอกสาวเบะปากแล้วกดปิดโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ฉายภาพถ่ายทอดสดการแถลงข่าว ถ้ามีหน้าที่เป็นผู้ให้คะแนนดาราในการชิงถ้วยรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม เธอจะเทให้เขาหมดหน้าตักเลย
“ลูกจัน ปิดทำไมลูก”
ทอฝันร้องประท้วงเมื่อลูกสาวปิดทีวีทั้งที่ว่าที่ลูกเขยเธอยังแถลงข่าวไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ พ่อและพี่ชายเองก็หันมองหน้าคนเอาแต่ใจเช่นกัน
“เอียนค่ะ ลูกจันจะอ้วก คนอะไรแถเก่งชะมัด แต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะ ตีบทแตกจนลูกจันเกือบเชื่อแล้วนะคะว่าหมอนั่นตกหลุมรักลูกจันจริง ๆ”
ดาราสาวทำทีพะอืดพะอม ทั้งยังยกมือลูบแขนบ่งบอกว่าขนลุก สุดท้ายก็ต้องเอามือลูบแขนข้างนั้นป้อย ๆ เมื่อโดนแม่หยิกเสียเต็มรัก
“โอ๊ย แม่ขา ลูกจันเจ็บนะคะ”
“ก็หยิกให้เจ็บไง เอาใหญ่แล้วนะเรา ทำไมเรียกพี่เขาแบบนั้น ไม่มีมารยาทเลย หรือไปอยู่เมืองนอกเมืองนานานจนลืมวัฒนธรรมไทยหมดแล้วฮะลูก แม่ไม่ชอบให้ลูกทำตัวไร้มารยาทแบบนี้นะ”
“ลูกจันไม่ได้ลืมวัฒนธรรมไทยแล้วก็ไม่ได้ไร้มารยาทค่ะแม่ แต่กับหมอนี่”
“ยังอีก”
คนเป็นแม่ยื่นมือมาหา ดาราสาวจึงขยับตัวหนีไปกอดพี่ชาย
“พี่ยุตม์ ช่วยลูกจันด้วย”
ชยุตม์ หมอหนุ่มรูปหล่อวัยสามสิบเอ็ดปีส่ายหน้าระอาเด็กดื้อ
“ใครจะช่วยแก พี่เห็นด้วยกับแม่นะ เรียกปัณณ์ให้มันดี ๆ หน่อย อย่างน้อยเขาก็แก่กว่าแกตั้งเจ็ดแปดปี”
คนสวยทำหน้ามุ่ย หันมองใครก็ไม่มีใครเข้าข้าง
“ค่ะ คุณปัณณ์ โอเคไหมคะ”
“ทำไมไม่เรียกพี่ปัณณ์ ทีนายปุณณ์แกยังเรียกพี่ได้เลย”
พี่ชายทักท้วง เขาเองก็ไม่อยากให้น้องปีนเกลียวว่าที่คู่หมั้นกำมะลอเช่นกัน
“ไม่เหมือนกันค่ะ ลูกจันสะดวกแบบนี้ สำหรับว่าที่ลูกเขยคนดีของพ่อกับแม่แค่นี้ก็ขนลุกแล้วค่ะ ถ้าลูกจันเป็นทีมกรรมการตุ๊กตาทอง จะมอบให้เขาเลยค่ะ รางวัลตุ๊กตาทองสาขาแถยอดเยี่ยมแห่งปี แสดงเก่ง สมบทบาท เข้าถึงอารมณ์สุด ๆ”
คนตัวบางยกนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างประกอบการให้คะแนน ทำคนเป็นพี่อดขำไม่ได้ แม้ทุกคนจะรู้ว่าเรื่องราวหวานชื่นเป็นเรื่องโกหก แต่ฟังแล้วก็อดรู้สึกชอบใจไม่ได้ อยากจะลุ้นให้เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน
“พอ ไม่ต้องล้อเลียนพี่เขา วันนี้ไม่มีถ่ายละครก็เตรียมตัว แม่จะพาไปกินข้าวบ้านป้าอัณณ์ ไลน์มาชวนตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวปัณณ์ก็คงจะกลับบ้านแล้วแหละ ทันมื้อเย็นพอดี”
“แต่ลูกจันต้องไปนอนที่คอนโดนะคะ พรุ่งนี้มีถ่ายละคร”
“พี่ไปรับแกมาได้ พี่ก็พาแกไปส่งได้ลูกจัน อย่าเยอะ แค่ไปกินข้าวกับผู้ใหญ่แล้วคุยธุระ คอนโดแกไม่หนีไปไหนหรอก”
คนเป็นพี่ชายดับฝัน อุตส่าห์จะใช้ข้ออ้างนี้หนีการไปกินข้าวกับหมอนั่นเสียหน่อย ไม่อยากเห็นหน้า รู้สึกพะอืดพะอมกับบทละครน้ำเน่าของเขาอย่างไรก็ไม่รู้
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสวย ๆ ไปลูก”
ชิดจันทร์ก้มมองเสื้อผ้าของตัวเอง มันก็สวยพอจะไปกินข้าวบ้านผู้ใหญ่ที่รู้จักสนิทสนมกันดีอยู่หรอก แต่เหมือนแม่จะไม่พอใจ
“นี่ก็สวยแล้วค่ะ”
“ไปหาผู้ใหญ่ แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยสิลูก ถึงแม้จะเป็นคนกันเอง แต่เราก็ต้องรักษามารยาท”
“ค่ะ แม่”
คนสวยทำหน้าเบื่อหน่าย ตอบรับแม่ด้วยเสียงยานคาง แล้วลุกเดินขึ้นห้องนอนส่วนตัวไปอย่างเสียไม่ได้
“คิดจะทำอะไรครับฝัน ผมรู้นะ”
คิมหันต์ที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยแซวภรรยา ลูกชายที่รู้ทันแม่เช่นกันจึงอมยิ้ม
“รู้แล้วจะถามทำไมคะคุณคิม”
“ก็ถามให้แน่ใจ ว่ามีใครอยากจะเชียร์ให้ลูกเราแต่งงานกับลูกบ้านนั้นจริง ๆ หรือเปล่า”
“รู้แล้วก็เหยียบไว้นะคะ ยัยลูกจันไม่ยอมแน่ แต่ฝันว่าเด็กสองคนเหมาะกันมาก ฝันเชื่อว่าความใกล้ชิดจะทำให้พวกเขารักกันจริง ๆ ได้ ฝันไม่ได้อยากให้ลูกถอนหมั้น เป็นม่ายขันหมากหรอกนะคะ”
“ผมว่าฝันทำใจไว้หน่อยก็ดีนะ ปัณณ์อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับลูกเรา รายนั้นรักอิสระจะตายไป ถ้ายังไม่พร้อมหยุด ลูกเราอาจเสียใจ”
“เชื่อในเซนส์ของฝันสิคะ เด็กสองคนนี้เป็นเนื้อคู่กันแน่ ๆ”
“ถึงนายปัณณ์จะอายุเหมาะที่จะมีครอบครัวแล้ว แต่ยัยตัวยุ่งของเราเพิ่งยี่สิบสองเองนะครับแม่ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
หมอชยุตม์เอ่ยค้าน แม้จะไม่ได้รังเกียจที่จะดองกับคนบ้านนั้นเพราะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็กลัวน้องจะต้องเสียใจเพราะผู้ชายอย่างปัณณธีเช่นกัน
“ไม่หรอก เชื่อแม่สิ”
พ่อและลูกชายสบตากันแล้วลอบถอนใจ ไม่เคยที่เขาทั้งคู่จะขัดใจผู้หญิงคนนี้ได้เลยสักครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน