Ep.1 คุณเป็นใคร

1103 คำ
Ep.1 เช้าวันต่อมา คฤหาสน์วิลเฮล 10:00น. “อื้อ” วีนัสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่ เมื่อแสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านระเบียงผืนบางเข้ามาตกกระทบลงบนผิวเนียน เธอนิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นท่ามกลางความหนักอึ้งที่บริเวณศรีษะ “ตื่นแล้วเหรอคะ” แพทย์สาวที่นั่งสัปหงกจนเกือบหน้าทิ่มดีดตัวลุกขึ้นยืนเช็ดขี้ตาออกจากเบ้า แล้วรีบวิ่งตรงเข้าไปทักทายเด็กสาวที่เพิ่งได้สติ “คะ..คุณเป็นใคร” ร่างบางถอยกรูดจนแผ่นหลังชนเข้ากับหัวเตียงอัตโนมัติเมื่อได้พบกับคนแปลกหน้า ก่อนจะเค้นเสียงแหบพร่าปนสั่นเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว “สักครู่นะคะ” มิเชลไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่ายแต่อย่างใด เธอเพียงแค่คลี่ยิ้มบางๆ ให้แล้วเดินเลี่ยงออกไปต่อสายหาใครบางคนที่ริมระเบียง “นี่เราอยู่ที่ไหน..” มือบางยกขึ้นกุมขมับด้วยอาการวิงเวียนศรีษะ ขณะที่กำลังปะติดปะต่อภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ่้น แต่เธอกลับจำได้แค่เพียงว่ากำลังเดินเข้าไปในสถานเริงรมย์พร้อมกับแฟนหนุ่ม จากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับวูบไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องของคนแปลกหน้าเสียแล้ว ดวงตากลมสั่นระริกกวาดมองไปรอบๆ ห้องนอนสีขาวที่ถูกออกแบบและตกแต่งให้ดูเรียบง่าย ขาเรียววาดลงวางกับพื้นก่อนจะค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนช้าๆ ตุ้บ! “โอ๊ย..” ขณะที่กำลังจะก้าวขาเดินวีนัสรู้สึกว่าข้าวของภายในห้องมันขยับหมุนเปลี่ยนทิศทางไปมาจนรู้สึกว่าตาเริ่มลาย ทำให้เธอเซล้มลงบนที่นอนในที่สุด ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแรง “คุณคะ! คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ” แพทย์สาวที่ได้ยินเสียงร้องของคนป่วย รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถามไถ่ด้วยความตกใจกลัว เพราะถ้าหากหล่อนได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บขึ้นมา ฟิลลิปส์เอาเธอตายแน่ “ฉะ..ฉันไม่เป็นไร..คะ..คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าตอนนี้ฉันอยู่ไหน” ร่างบางหอบหายใจถี่ๆ เพียงแค่ออกแรงขยับริมฝีปาก ความอ่อนเพลียก็ถาโถมเข้าใส่จนรู้สึกอิดออด “เดี๋ยวเจ้าของบ้านก็กลับมาค่ะ” “ละ..แล้วคุณเห็นแฟนฉันไหมคะ..” แกร๊ก! “แค่นี้ยังกลายเป็นคนโง่ไม่พออีกหรือไง” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในตอนที่บานประตูถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของฟิลลิปส์ ความคุ้นเคยบางอย่างทำให้เธอต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองยังต้นทางโดยมีมิเชลคอยช่วยพยุง “คุณ..” วีนัสพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อได้เห็นใบหน้าคมคายหล่อเหลาของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างชัดเจน รู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก “งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” แพทย์สาวกล่าวลาเพียงแค่นั้น ก่อนจะรีบวิ่งก้มศรีษะผ่านหน้าเขาออกไป “ดะ..เดี๋ยวสิคะพี่..แค่กๆ” เธอพยายามจะร้องท้วงแต่ก็ไม่ทัน ทั้งยังระคายเคืองในลำคออีกต่างหาก ร่างบางถอยหลังกรูดอัตโนมัติเมื่อเห็นเขาค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้ “กลัวฉัน?” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง “ถ้าเป็นคุณตื่นขึ้นมาอยู่ในห้องคนอื่นแบบฉันก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันหรอกใช่ไหมคะ” ถึงจะหวาดกลัวแต่ก็พยายามกัดฟันข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ เพราะเท่าที่สังเกตท่าทางจากบุคคลิกภายนอก เขาก็ดูไม่ใช่คนมีภัยสำหรับเธอ “คงรู้สึกดีกว่าตอนที่ต้องตื่นมาบนกองขยะ” คำพูดแกมประชดของมาเฟียหนุ่ม ทำให้ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายซ้ำเข้ามาอีกครั้ง “จะ..จริงสิ..ฉะ..ฉันถูกทิ้งเอาไว้ที่กองขยะหนิ” ดวงตากลมสั่นระริก เมื่อจำเรื่องราวหลังจากที่ตัวเองนอนตื่นขึ้นมาบนกองขยะได้จนหมด หลากหลายความรู้สึกตีกันไปมาจนเริ่มสับสน “ละ..แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” “....” ฟิลลิปส์ยืนมองสีหน้าหวาดผวาของคนตัวเล็กด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าหัวใจแกร่งกลับอ่อนไหวจนเกิดเป็นคำว่า ‘สงสาร’ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิด “อยากรู้?” “....” วีนัสพยักหน้าหงึกหงักแทนการเปล่งเสียงตอบ เพียงแค่พูดก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกเจ็บคอจะแย่ ซอยเปลี่ยวในเมืองอัมสเตอร์ดัม 00:00น. “อาดัม! นั่น!” เอวาร้องเรียกเพื่อนรักเสียงสูงด้วยความตกใจ พลางชี้นิ้วเรียวไปยังทางเดินในซอยแคบที่ปรากฏเงาของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เดาได้ไม่ยากว่านั่นคือฟิลลิปส์ผู้เป็นเจ้านาย ทว่าสิ่งที่ทำให้ความง่วงของเธอถูกแทนที่ด้วยความตื่นตัว คงจะเป็นร่างเล็กของใครบางคนที่นอนไร้สติอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครวะนั่น” อาดัมพึมพำกับตัวเองเบาๆ หัวคิ้วเป็นต้องมุ่นเข้าหากันอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ยอมก้าวลงจากรถแล้วเข้าไปช่วยผู้เป็นนายเปิดประตูทางฝั่งด้านหลัง พร้อมช่วยจัดแจงท่าทางให้เธอนอนราบไปกับเบาะ มีครู่หนึ่งที่เขาต้องเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นว่าร่างกายของเธอเปลือยเปล่า “มึงบอกเอวาแวะร้านเสื้อผ้าด้วย” ฟิลลิปส์ออกคำสั่ง ก่อนจะหย่อนตัวเข้าไปนั่งในรถข้างเธอ ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างคับแคบ ทำให้เขาจำต้องยกขาเรียวขึ้นมาวางพาดบนหน้าตัก การกระทำของเขาสร้างความแปลกใจให้มือซ้ายและมือขวาเป็นอย่างมาก “นายมานั่งข้างหน้าไหมครับ เดี๋ยวให้เอวาไปนั่งกับเธอเอง” เพราะเป็นห่วงว่าเจ้านายหนุ่มอาจจะมีอาการเมื่อยล้าหากให้เธอนั่งไปเช่นนี้ กลัวจะถูกเขาตำหนิว่าละเลยการทำหน้าที่ “นั่นสิคะนาย กว่าจะถึงบ้านนายคงเมื่อยก่อนพอดี” เอวาที่นั่งเฝ้ามองอยู่นานพูดเสริม “ไม่ต้อง ออกรถซะ” คำขาดของฟิลลิปส์ทำให้อาดัมต้องเดินคอตกกลับไปนั่งที่เบาะฝั่งข้างคนขับ ก่อนที่เอวาจะยอมออกรถ “แวะร้านเสื้อแล้ว ก็ไปโรงพยาบาลด้วย” เขากล่าวทิ้งท้ายเพียงแค่นั้น แล้วหันมองคนตัวเล็กที่ยังคงนอนไร้สติด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่ซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ ก่อนจะสลัดเอาความคิดนั้นออกแล้วเบนสายตามองไปยังถนนเบื้องหน้าแทน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม