๔ รอยจารึก2

1419 คำ
ตีรณาเดินผ่านหน้าใครต่อใครตรงไปยังห้องเก็บสัมภาระ หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องไหล่ ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าขาวซีด ดวงตาแดงก่ำ “ตี่ นั่นจะไปไหน” กันยาที่เพิ่งหยุดพักหันมาเห็นเพื่อนรุ่นน้องจึงร้องเรียกพร้อมสืบเท้าตรงไปหา “เดี๋ยวสิ” คว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ แล้วก็ต้องชะงักงันเมื่ออีกฝ่ายหันมามองด้วยใบหน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำราวกับคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก “ตี่! เกิดอะไรขึ้น” กันยายกมือขึ้นแตะแก้มของสาวรุ่นน้อง แต่อีกฝ่ายพยายามฝืนยิ้มพลางส่ายหน้า “ตี่ขอกลับก่อนนะคะ ฝากลาพี่ดุษด้วย” พูดจบก็ดึงมือกลับพร้อมกับเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กันยาหันรีหันขวางมองเพื่อนอย่างเป็นห่วง แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อร่างสูงเด่นของทีปกรเดินออกมาจากทางที่ไปห้องทำงานของเขา กันยาขมวดคิ้ว พยายามจับสังเกตจากใบหน้าของเขา เพราะดุษิตาบอกว่าชายหนุ่มเรียกตีรณาเข้าพบเมื่อสักเกือบชั่วโมง แต่สายตากลับซอกแซกไปเห็นร่องรอยบางอย่างบนปลายคางยาวลงไปยังลำคอและหายลับไปในร่มผ้าของอีกฝ่าย พลันหัวใจของสาวเสิร์ฟก็กระตุกวูบ คิดถึงใบหน้าซีดเผือดของตีรณา สะบัดหน้ามองไปยังเพื่อนรุ่นน้องแล้วรีบเดินแกมวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาววิ่งออกมาจนถึงหน้าลิฟต์ ทันได้เห็นอีกฝ่ายจึงเรียกไว้ “ตี่ เดี๋ยวก่อนตี่” ทว่าประตูลิฟต์ปิดลงก่อนที่กันยาจะตามไปทัน หญิงสาวใจหาย คิดไปต่างๆ นานาว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับสาวรุ่นน้องแสนน่ารักคนนี้กันแน่ ด้านตีรณานั้นต้องเก็บกดความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้ กระทั่งมาถึงห้องพักหญิงสาวถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นห้องพร้อมเสียงร้องโฮด้วยความอัดอั้นและเจ็บแค้นในใจ “ฮือ” สองแขนโอบกอดตัวเองแน่นในความมืด พอร้องจนพอใจจึงเปลื้องผ้าเดินเข้าห้องน้ำ พลันน้ำตาก็ไหลออกมาอีกเมื่อเห็นร่างกายของตนเองในกระจก ร่องรอยที่เกิดจากคนใจทรามนั้นแจ่มชัด หญิงสาวเปิดน้ำราดรดลงแล้วพยายามขัดถูจนเนื้อตัวแดงเถือก เพื่อหวังจะให้คราบความโสมมหลุดออกไป แต่ไม่ว่าจะขัดสักแค่ไหนก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะลบความจริงไปได้ว่าหล่อนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว กับครั้งแรกว่าเจ็บแล้ว ครั้งนี้ร้ายแรงกว่า ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นคือ อยากตาย...จะได้ไม่ต้องพบหน้าใครอีก นั่นคือความรู้สึกชั่ววูบ “พ่อขา หนูคิดถึงพ่อ พ่อมารับหนูได้ไหม” เสียงหวานสั่นพร่าพลางรูดร่างลงกับพื้นห้องน้ำพร้อมอาการสั่นสะท้าน เป็นอาการของคนหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากแม้แต่จะมีลมหายใจอีกต่อไป สามวันต่อมา สายตาคมกริบกวาดตามองหาใครบางคน เขาไม่เห็นตีรณามาทำงานจึงถามผู้จัดการร้าน ได้ความว่าหญิงสาวไม่มาทำงานสามวันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน เพราะไม่ได้ลางานและไม่มีการแจ้งเข้ามาว่าทำไมจึงหยุดงานไปดื้อๆ หากเป็นเวลาปกติเขาจะไม่สนใจ ผ่านแล้วก็ผ่านไป เอาเงินฟาดหัวก็จบ แต่ครั้งนี้ทุกอย่างมันแตกต่าง ต่อให้เป็นคนเลวแค่ไหนก็ยังรู้ว่าเขาทำแรงเกินไป เสียงถอนหายใจยาวเรียกสายตาของผู้จัดการหนุ่มให้ลอบมองอย่างเคลือบแคลง สามวันก่อนเขาพาตีรณาเข้าไปพบทีปกรในห้องทำงาน หายไปเกือบชั่วโมงชายหนุ่มก็กลับออกมาแต่ไม่มีหญิงสาว ไม่มีใครเห็นอีกนอกจากกันยา จากสายตาผู้ชายด้วยกันเขาคิดว่ามองไม่ผิด ว่าเกิดเรื่องบางอย่างภายในห้องทำงานของชายหนุ่ม ไหนจะรอยแผลคล้ายกับถูกข่วนบนคอของอีกฝ่ายนั้นอีกเล่า “เอาที่อยู่ของเด็กนั่นมาให้ผม” เขาสบตาผู้จัดการนิ่ง ก่อนกำชับอีกว่า “หวังว่าคุณจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้” ผู้จัดการหนุ่มยืดตัวตรง พลางโน้มศีรษะรับคำหนักแน่น ก่อนเดินหายไปจากตรงนั้น ทีปกรผ่อนลมหายใจแผ่วพร่า ดวงตารีเรียวกวาดมองไปรอบๆ สถานที่ วันนี้ผู้คนบางเบากว่าทุกวัน ก่อนจะหยุดชะงักที่พนักงานเสิร์ฟสาวคู่หนึ่งที่เมียงมองมายังเขา “พวกคุณมีอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามเพราะสังเกตเห็นคนทั้งสองมีอาการลับๆ ล่อๆ คล้ายว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับเขามานานแล้ว ดุษิตากระแทกไหล่เพื่อน ทำให้กันยาต้องหันไปถลึงตาใส่ก่อนจะหันกลับมายิ้มแหยให้ชายหนุ่มแล้วส่ายหน้ารัว “ปละ เปล่าค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ดุษิตาทำหน้าเหลอหลารีบก้าวตามเพื่อนไปติดๆ “แกจะบ้าเหรอ มีโอกาสดีขนาดนี้ทำไมไม่ถามวะ เดินหนีมาทำไม” ดุษิตาต่อว่าเพื่อนด้วยอารมณ์หงุดหงิด กันยามีสีหน้าแหยงๆ เมื่อคิดถึงสายตาขรึมจัดของทีปกร “ก็ฉันไม่กล้า ไม่เห็นสายตาพ่อเจ้าประคุณเหรอ เหมือนคนหงุดหงิดตลอดเวลาขนาดนั้น ยิ่งจะให้ถามว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับตี่ตอนอยู่ในห้องคุณไทม์อีก ฉันว่าฉันคงโดนไล่ออกฐานที่เสือกเรื่องของเจ้านาย” “แล้วถ้าเพื่อนแกโดนเจ้านายทำไม่ดีไม่ร้ายแกยอมได้เหรอ” กันยาทำคอย่น กระอึกกระอัก มันก็ยอมไม่ได้ แต่จะให้ทำไงในเมื่อตอนนี้ยังติดต่อตีรณาไม่ได้เลย “แล้วจะให้ทำไง ตี่ก็ติดต่อไม่ได้ หรือแกจะไปถามเองล่ะ” เมื่อถูกย้อนถามมาแบบนั้นดุษิตาก็ได้แต่ถอนหายใจพรืด เกิดความเป็นห่วงเพื่อนรุ่นน้องจับใจ “ฉันเองก็ไม่แน่ใจนักหรอก กลัวว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด เกิดตี่ไม่ได้ถูกคุณไทม์ทำอะไร เราไม่ถูกเพ่งเล็งแย่เหรอ” กันยาเอ่ยถามอย่างชั่งใจ ให้เพื่อนนิ่วหน้ามอง “แต่แกบอกว่าเห็นตี่ร้องไห้ออกมาจากห้องทำงานคุณไทม์ แล้วไม่นานคุณไทม์ก็ตามออกมาพร้อมรอยแผลนั่น” ดุษิตาย้ำคำบอกเล่าของเพื่อน กันยามีสีหน้ายุ่งยากใจไม่น้อย “ก็จริง แต่ถ้าคุณไทม์ไม่ยอมรับเล่า ดูเอาเถอะ ไม่เห็นจะทุกข์ร้อนเลย นี่ขนาดลูกน้องหายไปทั้งคนนะ” ไม่ว่าเปล่าแต่กันยายังหันไปมองค้อนอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ ดุษิตาตวัดตามองตามพลางบอก “แก เขาเป็นเจ้านาย พนักงานหายไปแค่คนเดียวเขาไม่สนใจหรอก อย่างมากก็แค่เชิญออกแล้วรับคนใหม่แค่นั้น อย่าลืมว่าพนักงานอย่างเราๆ ไม่ได้สำคัญกับพวกเขาสักเท่าไรหรอก เพราะมีแต่คนอยากทำที่นี่ แล้วใครมันจะอยากเสียงานนี้ไป” “ไอ้ตี่ไง มันหายไปสามวันแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ลาป่วย นี่ยังจะมาหายไปเฉยๆ อีก ฉันกลัวมันถูกไล่ออกถ้ายังไม่ยอมกลับมาทำงานภายในวันพรุ่งนี้” กันยาเปรย สีหน้าสีตาไม่ค่อยดีนัก เวลาเดียวกัน ทีปกรพอรู้ว่าสองสาวคู่นี้มีความสนิทสนมกับตีรณา แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งจนรู้เรื่องส่วนตัวมากมาย เขาจึงไม่คิดจะถามไถ่คนทั้งสอง ชายหนุ่มเม้มปาก ใบหน้าพานเคร่งขรึมจนลูกน้องไม่กล้าเข้าใกล้ เขาไม่เคยมานั่งกลุ้มใจกับเรื่องของใครนานเท่านี้มาก่อน แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเขาจะเห็นแววตาร้าวรานผ่านคลื่นความคิด แววตาเกลียดชังคู่นั้นบอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังใจแหลกสลาย จนเขาเริ่มอยู่ไม่สุข ผ่านไปสิบห้านาที ผู้จัดการหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับข้อมูลส่วนตัวของตีรณา ดวงตาคมกริบหรี่แคบก่อนจะเอ่ยขอบใจแล้วผุดลุกจากเก้าอี้ ฝากอีกฝ่ายดูแลงานต่อจากเขาก่อนก้าวออกไปโดยไม่รั้งรอ มีเพียงสายตาคมของผู้จัดการหนุ่มที่มองตามอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่คิดปริปากบอกใครแม้แต่คนใกล้ชิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม