EPISODE 01
เริ่มด้วยทักทาย ลงท้ายด้วยจูบ [2]
“เกมโอเว่อร์” เธอประกาศเสียงดัง สายตาของเธอสะกดให้ผมจ้องมองเธอสลับกับแก้วเหล้าด้านบน กระทั่งเห็นว่าเหล้าในแก้วไหลลงบนเส้นผมเธอ
“หยุด!”
ทันทีที่ผมเห็นว่าเธอกำลังเทเหล้าราดหัวตัวเอง สัญชาติญาณของผมก็สั่งให้ผมรีบเข้าไปห้าม แต่นั่นกลับทำให้เธอกระตุกยิ้มมุมปาก แถมยังฉวยโอกาสเอนตัวมาซบผมทันที
“ทำเพื่อฉันหน่อยนะมังกร” เธอทำเสียงกระเส่าอ้อนวอน ทุบอกผมเบาๆ พร้อมกับถูแก้มลงบนเสื้อ
ความรู้สึกจักจี้ทำผมต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะผละตัวออกมายืนให้ห่างจากเธอ พยายามจะตั้งสติเอาไว้ แต่ผมก้าวพ้นตัวเธอเสียที่ไหนเพราะเธอเล่นก้าวตามมาติดๆ
“แค่เกมเอง นายช่วยให้ฉันชนะหน่อยไม่ได้หรือไง ฉันไม่อยากถูกยัยพวกนั้นหัวเราะเยาะ” สีหน้าเศร้าๆ ของเธอเสแสร้งสิ้นดี
ผมมองตามปลายนิ้วของเธอไปยังกลุ่มเพื่อนที่เธอชี้ให้ดู แต่เห็นแล้วยังไงล่ะ จะให้ผมจับเธอโยนกลับไปที่โต๊ะหรือไง
“นายจะไม่ช่วยฉันจริงๆ เหรอมังกร”
“แพ้ก็แค่ยอมรับว่าแพ้” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ เมินหน้าหนีเธอที่พยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพจากมุมไหนจะเห็นว่าเราใกล้ชิดกันแค่ไหน นี่ถ้าผมผลักเธอออกไป พรุ่งนี้คงมีคลิปว่าผมทำร้ายผู้หญิงแชร์กันว่อนอีกแน่ๆ
“งั้นเมื่อกี้นายห้ามฉันทำไม”
“ถอยออกไปก่อนที่ฉันจะ...”
“แค่ดื่มเหล้าแก้วเดียวเอง นายอย่าทำเป็นกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันไปหน่อยเลยน่า ฉันต่างหากที่ต้องกลัวผู้ชายอย่างนาย ประวัติก็เคยบอกอยู่แล้วว่านายเคยซ้อมแฟนเก่า”
“ถอย-ออก-ไป”
ความอดทนของผมหมดลงตอนที่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเธอเมื่อครู่ เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นและมันกำลังทำให้ผมเริ่มหงุดหงิด
“นะ”
“ฉันบอกให้...”
“โอเค ฉันถอยก็ได้” เธอทำทีเป็นยอมแพ้อีกเหมือนเคย พูดจบก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าใบเดิมขึ้นสูงแล้วเทราดเหล้าในแก้วราดหัวตัวเองอีกรอบท่ามกลางสายตาของผมและคนอื่นๆ
ปั่ก!
“เสียดายเหล้าเนอะ”
ทำไมผมถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอดูไม่เหมือนคนถอดใจยอมแพ้เลยสักนิด
พูดจบเธอก็ใช้นิ้วชี้ปาดเหล้าที่เปื้อนแก้มเข้าปาก วินาทีที่เธอแลบลิ้นออกมาเลียปลายนิ้วของตัวเองทำให้ผมกำหมัด กัดฟันแน่น ไหนจะยังสายตาเย้ายวนคู่นั้นที่ดูยังไงก็ไม่ใช่แววตาของคนผิดหวังจากการถูกปฏิเสธเลยสักนิด
“รสชาติดีด้วยสิ ไม่เชื่อนายลอง...ชิม”
เหมือนผมต้องมนตร์สะกดอะไรสักอย่างที่ทำให้ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ เพราะรู้ตัวอีกที เพิร์ลก็ก้าวกลับเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้งพร้อมกับยกนิ้วชี้ของเธอที่มีกลิ่นและรสชาติของเหล้าบวกกับสีแดงของลิปสติกจากริมฝีปากของเธอปาดลงบนริมฝีปากของผมเสียแล้ว
“ถ้านายติดใจอยากชิมต่อ...” เธอสบตาผม พูดเบาๆ คล้ายกลับตั้งใจสะกดจิตให้ผมเชื่อฟัง พร้อมกับลากปลายนิ้วไปตามริมฝีปากของผม
“เป็นแฟนฉันนะ”
“อุ้บ!”
สองตาของผมเบิกโพลงเมื่อถูกเธอปล้นจูบไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งไปกว่าการถูกปล้นจูบ คือการถูกเย้ยด้วยสายตา เมื่อทุกวินาทีที่ริมฝีปากของเรายังคงแนบสนิทกันอยู่ เธอไม่แม้แต่จะหลับตาลง
พอใจเธอก็เป็นฝ่ายผละตัวออก รอยยิ้มของเธอกำลังประกาศชัยชนะอย่างชัดเจนและมันก็ทำให้ผมถึงกับต้องสั่งให้ตัวเองหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง
ถ้าก่อนหน้านี้ไม่เกิดเรื่องกับผม ถ้าผมยังเป็นมังกรแบบที่เคยเป็น รับรองเลยว่าเธอถูกผมหิ้วออกไปตั้งแต่ถอนริมฝีปากออกแล้ว
“เราจูบกันแล้ว นายเลิกมองฉันเป็นคนแปลกหน้าได้รึยัง”
นี่คือวิธีเข้าหาคนอื่นของเธอเหรอ ใครสั่งใครสอนมาวะ
“หรือนายจะเรียกร้องค่าเสียหาย อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา ฉันพร้อมเปย์”
ในขณะที่ผมยังไม่ได้พูดสักคำ เธอก็ยังคงเอาแต่พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวไม่หยุด หนำซ้ำยังกำลังล้วงเงินออกมาจากหน้าอกของตัวเอง ยื่นมาให้ผมอีกต่างหาก พอผมไม่รับเธอก็วางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ โดยเอาแก้วเหล้าที่เธอเพิ่งจะวางเมื่อครู่ทับไว้อีกที
ผมมองการกระทำของเธอด้วยความเดือดดาลในอก ดูก็รู้ว่าเธอกำลังยั่วโมโหผม ตอนนี้หากผมทำอะไรลงไปก็คงไม่พ้นถูกจับโยงกับประเด็นคลิปคราวก่อน และนี่น่าจะเป็นแผนการของเธอตั้งแต่แรก
หรือว่าเธอจะเป็นเพื่อนของพลอย แต่ถ้าเป็นเพื่อนพลอย ทำไมผมไม่เคยได้ยินพลอยพูดถึงเธอเลย
“ไม่พอเหรอ โทษทีนะ พอดีฉันพกเงินสดมาแค่นี้ เอาเป็นว่าฉันถอดนี่มัดจำไว้ให้นายมั่นใจแล้วกัน อยากให้นายลองเก็บกลับไปคิดดูเรื่องที่จะยอมคบกับฉัน รับรองว่าเยอะกว่านี้ฉันก็ยอมจ่าย”
พูดจบเธอก็ถอดนาฬิกาข้อมือของเธอวางใกล้กัน แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ปล่อยมือออกจากนาฬิการาคาแพงของเธอ ผมก็คว้าข้อมือข้างนั้นของเธอไว้แล้วดึงเธอเข้าหาตัวทันที
“เธอจ่ายหนักแบบนี้ ฉันคงต้องคิดดูจริงๆ แล้วสิ” ผมกระตุกยิ้มบ้าง บางทีผู้หญิงร้ายๆ อย่างเธอก็ต้องเจอกับผู้ชายเลวๆ อย่างผมนี่แหละถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
แวบหนึ่งตอนผมบอกว่าผมเริ่มสนใจข้อเสนอของเธอ กลับดูเหมือนว่าเธอจะตกใจนิดหน่อย
“ถ้าฉันตกลง หมายความว่าเราเป็นแฟนกันเลยใช่ไหม” ผมแกล้งโน้มใบหน้าลงไปกระซิบถามใกล้ๆ ตั้งใจจะใช้ลมหายใจอุ่นๆ กำราบเธอสักหน่อย
“ชะ ใช่” จากคนพูดจาฉะฉาน พอผมตอบตกลง เธอก็ดันเสียความมั่นใจไปเฉยเลย
ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เริ่มสั่น ข้อมือของเธอเย็นเฉียบ มีอาการกลืนน้ำลายบ่อยๆ เพราะกำลังประหม่าและน่าจะเริ่มกลัวผม ทั้งที่ควรจะกลัวตั้งแต่แรก
แต่เชื่อไหมว่าบนใบหน้าสวยคมของเธอ ยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มตบตาคนอื่น หนำซ้ำยังอวดดี กล้ายกมือขึ้นมาวางเบาๆ บนหน้าอกของผมทั้งที่มันสั่นจนควบคุมไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
“ก็ดี งั้นขอจูบอีกที เมกชัวร์”
“อื้อ”
ผมไม่อยากฟังเธอพล่ามอะไรยืดยาว จำได้กว่าก่อนที่เรื่องจะมาจบแบบนี้ ผมหยิบยื่นโอกาสให้เดินออกไปหลายครั้ง แต่เหมือนเธอจะอยากลองดี งั้นก็ให้เธอได้ลองดูสักหน่อยก็แล้วกัน
หัวใจของเธอเต้นดังมากเมื่อผมเป็นฝ่ายรุกไล่ บางทีก่อนหน้านี้เธออาจเข้าใจผิดเรื่องจูบ เพราะตอนที่เธอเริ่ม มันก็แค่ริมฝีปากแตะกันเท่านั้น ซึ่งผมไม่เรียกอะไรแบบนั้นว่าจูบหรอก จูบของจริงมันต้องแบบที่ผมกำลังทำอยู่ต่างหาก แบบที่เขาเรียกกันว่า...แลกลิ้น
“อื้อออ”
เสียงครางในลำคอของเธอไม่ได้ทำให้ผมใจอ่อนหรือยอมปล่อย แต่กลับยิ่งดูดแรงขึ้นจนรู้สึกได้ว่าเธอกำลังค่อยๆ อ่อนแรงลงในอ้อมแขน ยิ่งเห็นว่าเธอเปลี้ยลงเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งตักตวงความหวานจากโพรงปากของเธอมากขึ้นเท่านั้น รสชาติแอลกอฮอล์ในโพรงปากของเธอมอมเมาจนยากจะหยุด
“มะ มังกร” เสียงกระเส่าแบบนี้ต่างหากที่น่าฟัง ไม่ปลอมแบบที่เธอพยายามทำเมื่อครู่ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแดงจัดขึ้นทันตาเห็น หอบหายใจถี่จนน่าสงสาร แต่ก็แค่แวบเดียวที่ผมรู้สึกแบบนั้น ตอนนี้ในใจผมกำลังสงสัยว่าก่อนจะเดินมาหาผมเธอดื่มไปแค่ไหนถึงได้เมาจนกล้าทำอะไรขาดสติขนาดนี้
“ยัยเพิร์ล”
เพื่อนของเธอพากันวิ่งออกมา สีหน้าของทุกคนดูตื่นตระหนกเพราะคงมองอกแล้วว่าตอนนี้คนคุมเกมคือผม ไม่ใช่เพื่อนของพวกเธออย่างในตอนแรก
“โทษทีนะมังกร ยัยเพิร์ลมันเมาน่ะ นายอย่าไปถือสามันเลยนะ”
หนึ่งในสามรีบแก้ตัวแทน แต่วินาทีนี้ต่อให้พวกเธอจะอ้างเหตุผลอะไร ก็หยุดความคิดของผมไม่ได้แล้ว
“ดื่มไปเท่าไหร่” ผมถามเสียงเรียบและยังคงโอบเพิร์ลเอาไว้ในอ้อมแขน
ผู้หญิงสามคนนั้นมองหน้ากันเลิ่กๆ เหมือนจะไม่แน่ใจหรือไม่ก็กำลังเกี่ยงกันอยู่ว่าใครจะเป็นคนตอบ
“สะ สี่ขวด”
ยอมใจในความใจสู้และทักษะการทรงตัว เพราะถ้าเป็นผู้หญิงปกติคงร่วงไปตั้งแต่ยืนเฉยๆ แล้ว แต่ยัยนี่ยังเดินได้ทั้งที่ใส่ส้นสูงอีกต่างหาก
ผมพ่นลมหายใจออกทางปากอย่างเบื่อหน่าย ก้มหน้าลงไปมองใบหน้าคนเมาอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้ดูมีสติขึ้นมาเลยสักนิด
“ปะๆ กลับบ้านกันเถอะยัยเพิร์ล แกเมามากแล้วนะเว้ย”
“ฉันไม่ได้เมา แค่รู้สึกมึนๆ เฉยๆ”
ปกติก็ไม่มีคนเมาที่ไหนยอมรับว่าตัวเองเมาอยู่แล้ว
“เดี๋ยวฉันไปส่งเพิร์ลเอง” ผมอาสา เพื่อนเธอแต่ละคนถึงกับตกใจ พากันทำตาโตใส่ผมกันหมด
ผมอยู่ของผมดีๆ เพื่อนของพวกเธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาผม ถ้าผมปล่อยไปง่ายๆ ก็อย่ามาเรียกผมว่ามังกร
“ทำไม ไม่ไว้ใจ?”
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วอย่างไหน ฉันกับเพิร์ลตกลงคบกันแล้ว ใช่ไหมเพิร์ล”
“ใช่”
“ยัยเพิร์ลโว้ยยย” เพื่อนของเพิร์ลพยายามส่งเสียงเรียก แต่เจ้าตัวเหมือนจะร่วงแล้ว อาการนี้อีกไม่กี่นาทีภาพคงตัด ถ้าไม่ตัดเอาตีนมาลูบหน้าผมเลย
“พวกแกกลับไปก่อนเลย”
“อีเพิร์ล!”
บอกตรงๆ ว่าผมเองยังตกใจเลย
“ตามนี้นะ แกกลับไปสวดมนตร์นอนได้แล้วนะป้า พวกแกก็ด้วย บอกเต้ขับรถดีๆ นะ บาย” คนเมาไล่เพื่อนกลับบ้านพร้อมกับโบกมือลาไปทั่ว ไม่รู้เหมือนกันว่าโบกมือลาใคร เพราะหันหน้าไปไหนไม่รู้ ไม่ตรงเพื่อนสักคน
“แต่ว่า...”
“ไปน่า ฉันไหว”
เดี๋ยวก็รู้ว่าไหวจริงมั้ย
“ยัยเพิร์ล”
“โอ๊ย ไหวไงป้า เดี๋ยวให้มังกรไปส่ง เราเป็นแฟนกันแล้ว เนอะมังกรเนอะ” เธอหันมาเนอะกับผม ยิ้มหวานเชียว
เอาเถอะ ผมจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้า
“ยัยเพิร์ล”
“บอกว่าจะกลับกับมังกรไง” เพิร์ลโวยวายใส่เมื่อเพื่อนของเธอยังพยายามจะพาเธอกลับไปด้วยกัน พูดจบก็ยกสองแขนขึ้นคล้องคอผมแล้วกระโดดเกาะผมทั้งตัว สองขาพันรอบเอวแน่นแบบที่ต่อให้ผมไม่รับไว้เธอก็คงไม่ตกลงไปแน่ๆ
“สรุปว่านายกับฉันเป็นแฟนกันแล้วนะมังกอนนน จุ๊บ”
ขโมยจูบแก้มผมไปทีหนึ่งแล้วเอนหัวซบบ่าผมเพราะประคองหัวตัวเองต่อไปไม่ไหว
“กลับเลยนะ” ผมบอกลาเพื่อนของเธอแล้วหมุนตัวออกมาอีกทาง
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“นาฬิกา” สติไม่มีแล้วแต่ยังงก ผมไม่ได้บังคับให้เธอถอดทิ้งสักหน่อย
ถอนหายใจแล้วหันกลับไปเก็บนาฬิกาของเพิร์ลกลับมาใส่กระเป๋าเอาไว้ ในสมองกำลังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเรียกค่าไถ่นาฬิกาเรือนนี้เท่าไหร่ดี
“คบกับฉันไม่ต้องถอดนาฬิกา ถอดแค่เสื้อผ้าก็พอ” ผมกระซิบทิ้งท้ายแล้วเดินต่อ ไม่สนว่าใครจะมองยังไง ไม่สนว่าแต่ละคนจะถ่ายรูปหรือว่าคลิปวิดีโอเอาไว้ความยาวเท่าไหร่ นาทีนี้ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากผู้หญิงที่ผมกำลังจะพากลับคอนโดด้วยกัน
ตลอดทางที่ผมอุ้มเธออกมาจากร้านจนถึงรถ เธอไม่พูดหรือโวยวายอะไรเลยสักคำ ซึ่งผมเพิ่งจะมารู้ตอนที่พาเธอเดินมาถึงรถแล้วนั่นแหละว่าเธอหลับ
ฟุ่บ!
สุดท้ายผมก็ต้องโยนเธอเข้าไปในรถเพราะลองปลุกแล้วหลายครั้งแต่ไม่ตื่น
“นายจาพาฉ้านปายหนายย”
“ขึ้นสวรรค์”
“อารายนนะ”
“ฉันบอกว่าฉันจะพาเธอไปขึ้นสวรรค์” ผมย้ำออกไปเหมือนเดิม แต่แทนที่เธอจะตกใจหรือเสแสร้งกลัวผมสักนิด เธอกลับหัวเราะคิกคักเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
“คนอย่างนายรู้จักทางไปสวรรค์ด้วยเหรอ ฉันคิดว่ารู้แต่ทางไปนรกซะอีก”
ขนาดเมาจนไม่มีสติแล้วก็ยังปากดี
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปด้วยกันก็แล้วกัน อย่าร้องกลับล่ะ เพราะถ้าไปไม่ถึง ฉันไม่ให้กลับ” ผมเตือนก่อนจะถอยกลับออกมายืนมองผู้หญิงแปลกหน้าด้วยความรู้สับสนไปหมด
จู่ๆ เธอมากับผมได้ยังไงทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แถมเพื่อนเธอก็ยังทิ้งเธอไว้กับผมง่ายๆ กวาดสายตามองดูรอบๆ สักหน่อยเผื่อว่าพวกเธอจะมีแผนการอะไร บางทีเพื่อนของเธออาจจะแอบถ่ายคลิปวิดีโออยู่แถวนี้เพื่อเอาไปแบล็กเมล์ผม ตอนนี้เริ่มงงเหมือนกันว่าตกลงแล้วใครต้องกลัวใครกันแน่
ถอนหายใจซ้ำอีกรอบแล้วเอื้อมมือไปดึงประตูรถกลับมาปิด ทว่าคนเมาเล่นผมแล้วไง
ลูกตาผมแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อเธอขยับตัว ทำไมท่านอนกับความสวยมันถึงได้ตรงกันข้ามกันขนาดนี้ก็ไม่รู้
“แม่งเอ๊ย เป็นลูกเป็นหลานจะตีให้ตูดลายเลยจริงๆ” ผมพึมพำก่อนจะรีบถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ที่สวมอยู่โยนไปปิดก้นเธอไว้แทบไม่ทัน
บ้าฉิบ ผ้าซีทรูลูกไม้สีแดงนั่นติดตาผมจริงๆ ย้ำว่าซีทรู ปั๊ดโธ่โว้ย!