“อ้าว! กลับมาทำไมพี่” ถวินถามสามีที่เดินเข้ามาภายในตัวบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่า สามีมักจะกลับมารับประทานอาหารด้วยกันในตอนเที่ยงและตอนนี้ควรจะอยู่ทำหน้าที่ตามที่นายสั่ง
“ก็หนูคนเมื่อเช้าน่ะสิ ข้าว่าท่าทางไม่ค่อยดีเลย หน้าซีดเหมือนคนไม่สบาย เลยมาขอยาดมที่เอ็งหน่อย อ้อ! ทำกับข้าวไว้ด้วยเยอะ ๆ นะ เผื่อหนูคนนั้น จะเที่ยงเข้าไปแล้วไม่รู้นายจะกลับมาตอนไหน ข้าเห็นแล้วสงสาร ป่านนี้คงหิวตาลายแล้ว คนไม่เคยทำงานหนักแบบนั้น”
มั่นเอ่ยบอกภรรยา ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับคำแล้วหายไปในตัวบ้าน คาดว่าคงไปหาของที่เขาขอ
นายทำเหมือนไม่สนใจคนที่ทิ้งเอาไว้ ส่วนเขาก็ใจดำไม่ลง แววตาซื่อใสของแม่หนูคนนั้นพานให้คนสูงวัยใจอ่อนยวบ
“ได้พี่ นี่ยา อ้อ เอาน้ำไปเพิ่มด้วยนะ เดี๋ยวพี่เอากระติกเมื่อเช้ากลับมาด้วยล่ะ” ถวินยื่นยาให้ พร้อมกับจัดการหากระติกใหม่ที่มีน้ำเย็นใสอยู่ในกระติกยื่นให้สามี
“เออ งั้นข้าไปนะ" มั่นรับคำและรับของมาไว้ในมือ หากแต่สายตามองหาบุตรชายคนเดียวของตน "แล้วนี่ไอ้เม่นมันไปไหนเสียล่ะ”
“นั่นสิพี่ ไม่รู้ว่าไอ้เม่นมันไปซนที่ไหนวันนี้ ปกติยังไม่ทันสิบโมงมันก็เร่งยิก ๆ วิ่งร่ามาขอกินข้าวราวกับหมาหิวแล้ว” เพราะงานที่ทำกลางอากาศร้อน นายเมฆาจึงให้คนงานทำงานถึงสิบโมงเท่านั้น ทุกคนต่างดีใจเพราะช่วงนี้อากาศร้อนจนแทบจะไหม้ผิว
มั่นฟังแล้วส่ายหน้า ไม่ได้อ่อนใจกับบุตรชาย เพียงแต่คิดว่าเมื่อคนด่าลูกชายว่าหมาคือแม่ของมันเขาก็รู้สึกขบขันในใจ สุดท้ายก็ตัดบทลาเพื่อไปหาสาวน้อยที่น่าสงสารคนนั้น
น้ำค้างเริ่มล้างขัดคอกม้าคอกสุดท้ายอย่างขะมักเขม้น หลังจากนี้มีเพียงแค่ต้องอาบน้ำให้มันเท่านั้น เธอเลือกทำอย่างสุดท้ายเพราะการทำความสะอาดบ้านของมันอาจจะกระเด็นใส่ตัวม้าจนสกปรกอีกครั้งได้
น้ำค้างใช้สายยางล้างราดคอกสุดท้ายที่ขัดจนสะอาดเอี่ยมอ่อง มีบ้างที่ความเร่งรีบทำให้น้ำกระทบเสื้อเชิ้ตสีขาวของนาย หากแต่เธอไม่มีเวลาใส่ใจเพราะตอนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน เธออยากพักเต็มที...
น้ำค้างหยุดความคิดลง เมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนลอบมองอยู่ และเมื่อหันไปด้านหลังก็ปะทะเข้ากับคนคนนั้น
“คุณ!” สายยางร่วงจากมือเพราะความตกใจ ชายหนุ่มคนนั้นตรงเข้ามาแล้วคว้าสายยางที่หล่นเอาไว้แทน
“ว้าย!” เธอร้องขึ้นเมื่อมันหันมาทางเธอ น้ำจากสายกระทบเสื้อเชิ้ตสีขาวจนเปียกปอนไปหมด
“ขอโทษครับ” เขาว่าแล้วไปปิดน้ำเสียเอง น้ำค้างปกปิดเรือนกายของตัวเองจากสายตาจาบจ้วงด้วยมือไม้สั่นพร่า ความอันตรายฉายชัดอยู่นัยน์ตาคู่นั้น ทำอย่างไรดี... เธอคิดถึงนายเหลือเกิน
“เข้ามาทำไมคะ” น้ำค้างถามเสียงสั่น ทั้งที่พยายามบังคับมันไม่ให้สั่น
“ก็เข้ามาช่วยคุณไง ผมดูออกว่าคุณเหนื่อยแล้ว” แววตากรุ้มกริ่มมองมาที่เธอ โดยเฉพาะตรงมือที่น้ำค้างปิดบังไว้
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่เป็นไร ออกไปเถอะค่ะ ฉันทำคนเดียวได้จริง ๆ” น้ำค้างเสียงแข็งใส่ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะถอยตามคำบอก กลับปราดเข้ามาหาเสียอย่างนั้น
“เถอะน่า... จะเล่นตัวไปทำไมครับ” คนว่าทำท่าจะจับฉวยมือเธอไว้ หากแต่น้ำค้างเบี่ยงกายหลบทัน
“เอ๊ะ คุณ... อย่าเข้ามานะ!” น้ำค้างบอกแล้วถอยกรูดห่างออกจากร่างนั้น “ปล่อย! จะทำอะไรของคุณ” เธอเสียงเครือในยามที่มือถูกคว้าจับไว้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คนตรงหน้าทำทุกอย่างที่เธอห้าม
“เสื้อคุณเปียกแล้ว” คนว่ามองมาที่ตัวเธอ “ถอดออกเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“จะบ้าเหรอ อย่านะ!” น้ำค้างหลบมือนั้นพัลวัน เบี่ยงกายออก มือตีลงบนร่างกายของชายหนุ่ม น้ำเสียงสั่น ทั้งพยายามปัดป้องมือที่รุ่มร่ามกับร่างกายของตัวเองทุกทาง รังเกียจอีกฝ่ายเหลือคณา
“ทำอะไรวะ!”
เสียงถามตามมาด้วยถ้อยคำสบถของคนที่จับเธอไว้ น้ำค้างสะบัดกายหนีเมื่อชายหนุ่มหันไปมองคนมาใหม่
หญิงสาวเลือกที่จะเข้าไปหลบด้านใน ปิดประตูคอกม้าของเจ้าทรายขาว ขังตัวเธอกับมัน เธอมั่นใจว่ามันจะไม่ทำร้ายเธออย่างคนด้านนอกแน่ มือบางยกขึ้นปิดบังเรือนกายของตัวเองเอาไว้ พยายามทำให้เสื้อผ้าเปียกปอนน้อยที่สุดด้วยการรีดน้ำออกจากเสื้อ
คิดถึง... เธอคิดถึงนายเหลือเกินแล้วตอนนี้
คนใจร้ายที่เลือกทิ้งเธอไว้อย่างไม่ไยดีให้เจอกับใครก็ไม่รู้เพียงลำพัง น้ำค้างรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยแสนเหนื่อย หัวใจเต้นแรงเพราะความกลัวเกาะกุมใจ หากเหนื่อยเพียงใดสายตาก็ยังไม่ยอมละไปจากคนทั้งสอง ดวงตาคู่โตมองเหตุการณ์ตรงหน้าระแวดระวังภัย
“เสือกอะไรด้วยไอ้เม่น”
“มึงนั่นแหละเสือกมาทำอะไรที่นี่" เม่นถาม แล้วยิ้มออกมาเมื่อนึกอะไรออก "นายสั่งให้กูมาดูคนของนาย อีกเดี๋ยวพ่อกูก็มา ถ้ามึงไม่อยากให้พ่อมาเจอว่ามึงกำลังคิดทำเรื่องชั่วช้าก็ไสหัวไปจากที่นี่ดีกว่า”
ไม่มีคำพูดใดจากฝ่ายตรงข้าม ดวงตาตวัดมองไปทางร่างของน้ำค้างจนหญิงสาวเผลอสะดุ้ง ร่างบางกระถดกายใกล้เจ้าทรายขาวยิ่งขึ้น แล้วเมื่อลอบมองไปอีกครั้งก็เห็นว่าสายตาน่ากลัวนั้นละจากเธอไปมองยังคนมาใหม่
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” คนว่าชี้หน้าใส่ แล้วล่าถอยไป
เม่นถอนหายใจพรูออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะหันมองไปทางคนที่หลบอยู่ และทันทีที่ได้เห็น ‘คนสวย’ ที่เขาว่าเมื่อเช้าก็พลันสะดุ้งตกใจ
“ออกมาเถอะครับ มันไปแล้ว” เสียงนั้นทอดออกไปอย่างอ่อนโยน อยากให้คุณคนสวยได้รับรู้ว่าไอ้เม่นไม่ใช่คนชั่วช้าอย่างไอ้ก้านสักนิด
“ไม่ไว้ใจเม่นเหรอครับ” หากแต่คุณคนสวยยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาราวกวางน้อยมองเม่นไม่วางตา ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ฉัน... ฉันโดนน้ำค่ะ แล้วเสื้อก็เปียก” ได้ยินดังนั้นเม่นก็ยิ้มกว้างกว่าเก่า พอจะเข้าใจเหตุผลของคุณคนสวยแล้ว
“อ้อ!” เม่นครางรับคำเธอพยักหน้าว่าเขารับรู้ “งั้นถ้าไม่รังเกียจเอาเสื้อเม่นไปก่อนไหมครับ”
เม่นรอเวลาให้คุณคนสวยตัดสินใจ ก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออก “ไม่ต้องกลัวนะครับ เม่นไม่ใช่คนไม่ดี แต่ถ้าคุณกลัวเม่น เม่นจะวางไว้ตรงนี้ เดี๋ยวเม่นไปรอด้านนอก”
ตรงนี้ที่ว่าคือขอบของประตูคอกม้า เขาวางมันลงโดยไม่มองไปยังคนที่หลบอยู่แล้วจากไป
น้ำค้างรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจกับการกระทำซึ่งไร้ท่าทีคุกคามของอีกฝ่าย ครั้นเห็นคนที่บอกเธอว่าชื่อเม่นจากไปน้ำค้างก็ไม่รอช้าที่จะกระชากเสื้อที่พาดอยู่ตรงขอบประตูรั้วของคอกม้ามาสวมใส่
หญิงสาวรีบนำมันมาสวมทาบทับเสื้อที่เปียกชื้นของตน อาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่มากขึ้น ไหนจะอาการเจ็บแสบในลำคอเพิ่มมา ซ้ำยังปวดเมื่อยไปทั่วร่างมาเยือนแบบฉับพลัน แต่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เธออยากกลับบ้าน บ้านของนาย...
น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างอดสูในใจ น้ำค้างสูดลมหายใจเข้าลึก ความอ่อนแอไม่ช่วยอะไร ซ้ำยังทำให้เธอไม่พบกับหนทางของการแก้ปัญหา อีกอย่างสัญชาตญาณมันบอกกับเธอว่าผู้ชายคนเมื่อกี้ไม่ได้คิดร้ายกับเธอเช่นที่สัญชาตญาณบอกกับเธอว่า ชายคนแรกที่เข้ามาเป็นคนอันตราย ดังนั้นเมื่อสวมใส่เสื้อเสร็จ เธอจึงออกมาเจอคนด้านนอกในทันที
น้ำค้างออกมาทันได้เห็นคนที่เรียกแทนตัวเองว่าเม่นยืนหาวหวอดอยู่บริเวณประตูคอก ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหันมาหาคงเพราะว่าได้ยินเสียงเธอเดินเข้ามากระมัง
“ใส่ได้ไหมครับ” เม่นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร มองหน้าของคุณคนสวยที่ซีดเซียวแล้วรู้สึกสงสารอย่างไรไม่รู้ ผู้หญิงตรงหน้าเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขาเสียอีก ไม่คิดเลยว่านายเมฆของไอ้เม่นจะกินเด็ก!
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณเม่น” คำพูดนั้นทำเม่นหลุดจากภวังค์ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“โอ๊ย! คุนเคินอะไรกันครับเรียกไอ้เม่นเถอะ คุณเป็นผู้หญิงของนายเรียกคุณเดี๋ยวนายมาได้ยินจะตบกบาลไอ้เม่นเอา”
คำว่า ‘ผู้หญิงของนาย’ ทำใบหน้าซีดเซียวเห่อร้อน น้ำค้างปาดเหงื่อบนใบหน้า เวลานี้ทั้งร้อนทั้งหนาวสลับกันเพราะเสื้อตัวในเปียกทว่าอากาศในยามนี้ร้อนเหลือเกิน
“นายใช้ให้คุณทำอะไรหรือครับ โอ๊ะ!” ถ้อยคำอุทานคล้ายตกใจท้ายประโยคนั้นพร้อมจ้องมองเสื้อที่ซึ่งเธอเพิ่งสวมใส่ทำให้น้ำค้างมองตาม และเมื่อเห็นเท่านั้นแหละ
“กรี๊ด!” หญิงสาวหลับหูหลับตากรีดร้อง “ช่วยด้วยค่ะ ฮือ... น้ำกลัว เอามันออกไปที ฮือ...” หญิงสาวสับขาย่ำอยู่กับที่เมื่อมองเห็นหนอนสีดำชนิดมีขนอยู่บนเสื้อที่เพิ่งสวมใส่
เม่นไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากรีบทำการถอดเสื้อตัวนอกที่หญิงสาวเพิ่งสวมใส่ไปหวังจะสะบัดมันออกให้ ทว่าก้าวพลาดจนร่างถลาลื่น มือวางลงบนบ่าบอบบาง
“ทำอะไรกัน!” เสียงกร้าวที่น้ำค้างและเม่นคุ้นเคยดีดังขึ้นจากด้านหลัง
“คือผมกำลังถอดเสื้อให้...”
พลั่ก! ยังไม่ทันจบประโยคร่างของเมฆาก็ถลาหาร่างของเม่น แรงหมัดที่ปะทะตรงใบหน้าทำให้เม่นถึงกับหน้ามืด ล้มลงพื้นในทันที
“อย่าค่ะนาย อย่านะคะ!” น้ำค้างตรงเข้าห้ามปราม หญิงสาวชะงักกึกเมื่อนายหันหลังมามองเธอ
“ไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยวฉันจะจัดการเธอต่อ!” ว่าแล้วหันไปหาร่างของเม่นใหม่และ
พลั่ก ๆ
“นาย หยุดก่อน หยุดนะคะ!” น้ำค้างตรงเข้าไปหาเขา โอบกอดร่างหนาลงตรงแผ่นหลัง “ฟังก่อนค่ะนาย อย่า... โอ๊ย!” น้ำค้างร้องออกมาเมื่อร่างหนาลุกขึ้นมาและเหวี่ยงเธอไปอีกทาง
พลั่ก!
และเสียงที่ดังขึ้นหลังจากเสียงของเธอนั้นเหมือนปลุกเมฆาออกจากทุกสิ่งอย่างได้ ดวงตาคู่คมที่มีแววขึ้งโกรธละจากเม่นไปมองเจ้าของเสียงที่ห้ามปรามเข้าก่อนหน้า
“น้ำค้าง!” ชายหนุ่มปราดเข้าหาร่างของคนที่มีเลือดไหลลงมาตรงข้างขมับเพราะแรงเหวี่ยงของเขาทำเธอชนเข้ากับประตูคอกม้า
“น้ำค้างตื่นสิ! น้ำค้างได้ยินไหม ฉันบอกให้ตื่น!”
เม่นมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ทั้งร่างที่ศีรษะฟาดจนเลือดไหลออกมา และอาการเป็นห่วงเป็นใยของนายเมฆาที่ไม่เคยเห็นนายทำกับใครมาก่อนแม้กระทั่งว่าที่นายหญิงอย่างคุณพวงชมพูก็ตาม...
“เฮ้ย!” คนมาใหม่อย่างมั่นมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง เม่นถลาร้องหาพ่อท่าทางหวาดกลัว มองนายที่มองหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างห่วงใย
ดวงตาของเมฆาไม่ได้สนใจใครอื่น นอกจากหญิงสาวที่สลบไสลไป ชายหนุ่มโอบร่างบางแนบอก ก่อนจะอุ้มออกไปจากที่แห่งนั้น
ปากที่เคยพร่ำต่อว่าพร่ำเรียกคนในอ้อมกอดไม่หยุด คนที่ทำให้ภูมิต้านทานของหัวใจของเขาอ่อนลงเพียงเพราะความห่วงใยที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว...