“ฮัลโหล โห หายไปหลายวันเลยนะอร” รติมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วผ่านมาตามสัญญาณ
“อืม พอดีฉันย้ายบ้านน่ะ”
“ฮ้า ย้ายบ้านเหรอ คราวนี้ย้ายไปไหน”
“ย้ายออกมาอยู่คอนโดฯ คราวนี้อยู่คนเดียวนะ ใกล้ๆ กับที่ทำงาน”
“อ้าว เกิดอะไรขึ้นอะ คุณป้าใจดีไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวหลุบตามองปลายเท้าตนเองที่เขี่ยไปมาอึดใจก่อนตอบเพื่อน
“คุณป้ายังใจดีกับฉันเสมอ แต่ฉันอยากออกมาเองแหละ อยากยืนด้วยลำแข้งตัวเอง อยากสร้างทุกอย่างด้วยตัวเองมากกว่าไปอาศัยคนอื่นตลอดชีวิตน่ะแก”
“อืม ฉันเห็นด้วยนะ ว่าแต่แกอยู่ตรงไหน ฉันจะได้ไปหา” รติมาบอก ทำให้อรจิรายิ้มอย่างยินดีพร้อมกับบอกที่อยู่
“เจอกันวันไหนก็ได้ ตอนนี้ว่าง เพราะเริ่มงานต้นเดือนหน้าโน่น” อรจิรากล่าว
“งั้นดีเลย สักมะรืนไหม ฉันไปค้างกับแก เดี๋ยวนั่งรถไฟฟ้าไปหา”
“ได้เลย ฉันจะรอแล้วกัน”
“โอเค.” รติมาวางสายไปแล้ว อรจิราจึงนั่งหงอยอยู่อีกสักพัก จากนั้นจึงลุกขึ้นไปทำอาหารเย็นง่ายๆ ให้ตัวเอง ไม่นานก็เดินกลับมายังโซฟา วางถ้วยบะหมี่ลงบนโต๊ะตรงหน้า เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น หญิงสาวหันไปมองด้วยหัวใจที่เต้นแรง วูบแรกคนที่หล่อนคิดถึงคือคงไคย แต่แล้วก็คิดว่าเขาจะมาอีกทำไม คงไม่ใช่เขาหรอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกหน หญิงสาวจึงขยับตัวลุกเดินไปที่ประตูพลางส่องตาแมว เมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าห้อง หัวใจของอรจิราก็กระหน่ำรุนแรง
คุณสอง...
เป็นเขาจริงๆ หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งเรือนร่าง ภาพวันนั้นไหลย้อนกลับมาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ
“อร ฉันรู้นะว่าเธอยืนอยู่หน้าประตู”
อรจิราสะดุ้ง รู้สึกเย็นเยียบทั้งมือและเท้า กำมือแน่นอยู่หน้าประตู แล้วตัดสินใจหมุนตัวหันหลังให้ ไม่เปิดประตูให้คนข้างนอก
ปัง ปัง ปัง! เสียงเคาะประตูดังรัวทำให้หญิงสาวชะงักเท้ากึก เริ่มรู้สึกเกรงใจเพื่อนข้างห้อง
“เธอจะเปิดหรือไม่เปิด ถ้าไม่เปิดฉันจะยืนเคาะห้องเธอแบบนี้ไปจนเช้า”
หญิงสาวสะบัดหน้าหันไปมองตัวปัญหา ที่เขาทำกับหล่อนเอาไว้ยังไม่พออีกหรือไง ทำไมถึงยังตามรังควานกันไม่เลิกราแบบนี้
ดวงตาคู่งามวาววับ ก่อนจะเดินไปกระชากประตูเปิดกว้าง
คงไคยกวาดตามองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นมองคนที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเพียงในเวลาไม่กี่วัน อรจิราดูสวยขึ้น ดูดีเกินไปด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไร
“คุณมาทำไมอีก”
ชายหนุ่มมองคนตรงหน้านิ่งอยู่อึดใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในโดยไม่พูดอะไรสักคำ หญิงสาวมองตามด้วยความไม่พอใจนัก ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปข้างใน
ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟา แล้ววางกระดาษหนึ่งแผ่นลงบนโต๊ะ หญิงสาวขมวดคิ้วหลุบมองกระดาษแผ่นนั้นนิ่ง ใจกระตุกมือเย็นเฉียบ เลขศูนย์เยอะจนตาลาย แต่หัวใจของหล่อนกำลังปวดแปลบเหมือนกับมีใครควักหัวใจออกไปจากอก เขาตีราคาความสาวของหล่อนด้วยจำนวนเงินเท่านี้
“ฉันให้เธอ”
หญิงสาวสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา มองเขาราวจะให้ทะลุเข้าไปข้างใน อยากรู้ว่าใจของเขาทำด้วยอะไร เขาจะเลวร้ายได้มากกว่านี้อีกสักแค่ไหน
“เพื่ออะไร”
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ ดวงตาสีเข้มไม่คลาดไปจากใบหน้าเรียวเล็ก ตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ทำให้เขาไม่ติดต่อหรือมาหา ก็เพราะเขาพยายามบอกกับตัวเองว่ามันไม่จำเป็น สำหรับผู้หญิงทั่วไปอย่างอรจิรา ก็แค่ผู้หญิงแก้ขัด แค่ครั้งเดียวก็เพียงพอ
ทว่าเหตุผลกับความต้องการกลับสวนทางกัน หล่อนทำให้เขาเกิดความรู้สึกรุนแรง นอนไม่หลับ สมาธิทำงานที่เคยยอดเยี่ยมก็ลดลงอย่างชัดเจน นั่งไม่ติดจนทำให้วันนี้เขามาอยู่ที่นี่ พยายามบอกตนเองว่าเขาแค่รู้สึกผิด อย่างน้อยหล่อนก็เป็นน้องสาวของพี่สะใภ้ แม้เขาจะไม่ชอบพรทิพาสักเท่าไรก็ตาม
“ถือเป็นความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา”
หญิงสาวกัดฟันแน่น สั่งให้ตนเองเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด
“คุณใจดีจังนะคะ” ริมฝีปากคู่งามแย้มเล็กน้อย ทว่าแววตาแห้งผากไร้แววยินดีเหมือนที่ปากกำลังกล่าวออกมา ดวงตาจ้องนิ่งไปยังเช็คใบนั้นอย่างไร้ความหมาย “คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวกวาดสายตาไปหยุดที่ใบหน้าคมคาย ใบหน้าที่อยู่ในใจของหล่อนมาตลอดสิบปี เคยคิดเสมอว่าเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่คงเป็นคนที่มีเหตุผลมากขึ้นกว่าเวลานั้น แต่หล่อนพิสูจน์แล้วว่าคิดผิดมาตลอด เขาไม่เคยเปลี่ยน...
“จะไล่กันแล้วเหรอ” เขามองหญิงสาวด้วยสายตาโลมเลียและน่ารังเกียจ ทำให้อรจิรารู้สึกเสียใจที่พยายามมองเขาในแง่ดีมาโดยตลอด
“คุณควรไปได้แล้วค่ะ ถ้าเป็นไปได้ เราอย่าเจอกันอีกเลย” หญิงสาวยืนนิ่งมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า แต่เวลาเดียวกันก็มีหยาดน้ำคลอ สิ่งที่เห็นทำให้คงไคยรู้สึกใจหายแปลกๆ
แต่เมื่อเขายังนั่งนิ่ง หญิงสาวจึงสาวเท้าตรงไปยังประตูพร้อมกับเปิดมันออก
ท่าทางขับไล่ของอรจิรากับอาการตัวสั่นนิดๆ ทำให้คนที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับคู่นอนคนไหนเป็นพิเศษรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตนเองทำเป็นครั้งแรก เขาหลุบตามองเช็คที่วางไว้บนโต๊ะ และใคร่ครวญว่าเขาทำอะไรลงไป สิ่งที่ทำนั้นเป็นการดูถูกหญิงสาวทางตรง ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นบ่งบอกว่าหล่อนต้องอดทนอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมาต่อหน้าเขา
ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วก้าวตรงไปที่ประตูห้อง แต่แทนที่เขาจะกลับออกจากห้อง ชายหนุ่มกลับดันประตูให้ปิดลงพร้อมกับรั้งร่างบางของหญิงสาวเข้าหาตนเอง
“อย่ามาถูกตัวฉัน!” หญิงสาวปัดมือของเขาออกทันทีที่แตะลงมาบนไหล่ พร้อมกับถอยหลังหนีอย่างรังเกียจ แต่คงไคยเร็วกว่า เขารวบร่างหญิงสาวเข้าไปกอดเอาไว้แนบอก ทำให้หญิงสาวที่พยายามอดทนไม่ยอมร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บใจ ถึงกับร้องไห้โฮออกมาอย่างหมดความอดกลั้น
“ฮือ...” หญิงสาวทุบลงบนอกของเขาเต็มแรงหลายต่อหลายครั้ง แต่คงไคยทำเพียงกอดหล่อนเอาไว้แน่นๆ เท่านั้น ไม่ได้ตอบโต้ให้เจ็บช้ำน้ำใจเหมือนเช่นที่ผ่านมา “ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ”
คราวนี้หล่อนไม่พูดว่า ‘เขาเกลียดหล่อน’ แต่เปลี่ยนเป็น ‘หล่อนเกลียดเขา’ แทน สิ่งนี้ทำให้คนฟังรู้สึกจี๊ดๆ อยู่ข้างใน ใจหายวาบราวถูกกระชากออกไปขยี้ด้วยฝ่าเท้า คงไคยไม่เคยรู้ว่าหล่อนรู้สึกอย่างไรกับคำว่าเกลียดที่เขาสาดใส่หน้าหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตอนนี้เขาคิดว่ารู้แล้ว...
อรจิราสะอื้นไห้กับอกกว้างของชายหนุ่ม มือที่ทุบตีเขานั้นเริ่มราแรงลง จนในที่สุดก็กำนิ่งอยู่กับอกของเขาเฉยๆ เกือบสิบนาทีที่ทั้งคู่ยืนอยู่แบบนั้น กระทั่งเสียงร้องไห้เงียบลง หญิงสาวจึงดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของคงไคย หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเข้ามาปลุกปลอบ ทั้งที่ตั้งใจทำร้ายจิตใจกันมาโดยตลอด