๖
ตามรังควาน
หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองเอาไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาจากทางหางตา ปลายนิ้วจิกลงบนปั้นไหล่ของเขาจนอีกฝ่ายนิ่วหน้านิ่งชะงัก กวาดตามองคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจนัก เพราะไม่คิดว่าหล่อนจะยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้มาจนถึงวันนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คนอายุยี่สิบแปดแต่ไม่เคยผ่านใครมาก่อน
พลันหัวใจของเขาอ่อนยวบลง เขาไม่ได้บูชาสิ่งเหล่านี้ นักหรอก แต่เมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนแรกของหญิงสาวก็ให้เกิดความภูมิใจอย่างประหลาด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับใครได้ โดยเฉพาะกับอรจิรา
ชายหนุ่มกอบใบหน้างามเอาไว้ในมือ แล้วก้มลงจูบริมฝีปากแผ่วเบา ละไล่ไปทั้งดวงหน้า ความอ่อนโยนที่แต้มแตะลงมาทำให้หญิงสาวลืมตามองเขาอย่างไม่แน่ใจ ว่าคนที่กำลังมอบความอ่อนโยนนี้ใช่เขาจริงหรือ
แต่เมื่อลืมตาเต็มที่ คนที่ยังอยู่ตรงนี้ก็ยังเป็นเขา คงไคย ผู้ชายใจดำปากร้ายที่เคยทำให้หล่อนหมดความมั่นใจ ไม่กล้ารักใครหรือคบใคร เพราะเขาคนเดียว...
“คุณเกลียดฉัน”
เสียงสะอื้นบอกออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหล แต่คราวนี้คงไคยไม่ต่อล้อต่อเถียง เขาใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้หล่อน แล้วค่อยๆ ดันความเป็นชายเข้าไปในความเล็กแคบของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ทำให้หญิงสาวเกร็งตัวขึ้นอีกครั้งเพราะความเจ็บปวด
“อย่าเกร็งสิ”
“ก็มันเจ็บ” หญิงสาวเถียง ทำให้ชายหนุ่มทั้งโมโหและขบขันไปพร้อมกัน และสิ่งนั้นทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผะผ่าว ทั้งอาย เจ็บปวดและเสียดเสียวไปพร้อมกัน
“ไม่เกร็งก็ไม่เจ็บ อดทนนิด แค่แป๊บเดียว” เขาเอ่ยเสียงพร่า รู้สึกเสียวแปลบที่ส่วนสำคัญซึ่งจมหายเข้าไปในความคับแน่นได้สักครึ่งหนึ่งแล้ว
“พอแค่นี้ได้ไหม อรคิดว่า มันเข้าไม่ได้”
คำพูดแผ่วเบาของหญิงสาวทำให้คงไคยเผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างหมดความอดกลั้น
“ยัยซื่อบื้อ!” พูดจบเขาก็ก้มลงดูดยอดถันของคนที่ทำท่าจะโต้เถียง แต่ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางแทนพร้อมฝ่ามือเรียวเล็กที่ลูบไล้แผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกสยิวกาย เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ลูบไล้ฝ่ามือใหญ่ไปทั่วเนื้อตัวนุ่มนิ่ม และเริ่มขยับสะโพกไปด้วยอย่างแผ่วเบาและยากลำบาก
การปลุกเร้าของเขาทำให้หญิงสาวลืมความเจ็บปวดและเพริดจนลืมสิ่งที่ค้างคา กระทั่งเมื่อเขากดดันแก่นกายลงไปอีกครั้ง หญิงสาวก็อุทานออกมาด้วยความเจ็บอีกหนแต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งคงไคยได้อีก เขาสามารถดันตัวเองเข้าไปในร่างของหญิงสาวจนได้
ทั้งสองสบตากันนิ่ง เป็นอรจิราที่หลบสายตาของเขาก่อน ชายหนุ่มจึงจูบหน้าผากมน จากนั้นก็ดันตัวขึ้นด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างของตนเอง แล้วเริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย ผลักดันสะโพกเข้าออกตามครรลองเสน่หา เสียงครวญครางดังกระเส่าคลอกันไปอย่างแผ่วเบาสลับดังเป็นครั้งคราว ตามจังหวะเร่งเร้ากระทั้นกระแทกของคงไคยที่หนักหน่วงขึ้นทุกนาที แล้วสุดท้ายแสงสีรุ้งก็พุ่งกระจายไปทั่ววิมานหลังน้อย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
ชายหนุ่มหลุบตามองคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่ได้จะมาทำแบบนี้กับหล่อน แค่อยากมาดูให้รู้ว่าหล่อนลำบากแค่ไหน ยังคิดว่าบางทีเขาอาจสมทบทุนให้หล่อนเอาไปไว้ใช้จ่ายส่วนตัวสักก้อน แล้วหลังจากนั้นก็จากกันด้วยดี ไม่ต้องเจอกันอีกหากไม่จำเป็น แต่ทำไปทำมา กลายเป็นวัวพันหลัก หล่อนก็ช่างยั่วเขาเหลือเกิน ถ้าจะพูดกันดีๆ รู้จักเจียมตัวสักนิด ไม่บังอาจตบหน้าเขาก่อน ก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอก
แน่ใจแค่ไหนว่าจะไม่เกิดขึ้น...
เกิดคำถามขึ้นในใจของคงไคย เขากวาดตามองคนที่หลับลงไปทันทีที่เขาวางหล่อนลงบนหมอน ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาทำรักกับหล่อน แต่สองครั้งติดๆ เชียวนะ
ชายหนุ่มนึกแปลกใจตนเอง สงสัยเป็นเพราะเขาห่างเรื่องอย่างว่ามาเกือบสองเดือน พอมีจังหวะก็เลยเต็มที่สักหน่อย
แต่หยดเลือดบนผ้าปูที่นอนทำให้เขาต้องชะงัก
ดวงตาสีเข้มหลุบมองใบหน้าด้านข้างของอรจิรา เนินอกของหล่อนมีร่องรอยที่เขาเผลอทำทิ้งเอาไว้ตอนที่อารมณ์พุ่งสูง สิ่งที่ทำลงไปกำลังสร้างความลำบากให้กับเขาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครบังคับหรือจัดฉาก แต่เป็นเขาที่ไม่รั้งใจตัวเอง เขาโง่ที่พาตัวเองเข้ามาติดกับดักถึงที่
แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสานต่อ ไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบใครทั้งนั้น โดยเฉพาะหล่อนที่เป็นคู่กรณีมาโดยตลอด
ชายหนุ่มยื่นมือไปหมายแตะหล่อนอีกครั้ง แต่จิตสำนึกบอกให้เขาหยุดแค่นั้น ครู่ใหญ่ๆ จึงก้าวลงจากเตียงของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา แต่งตัวเสร็จเขาก็ยืนมองหล่อนอีกไม่กี่อึดใจจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้องของอรจิรา ระหว่างที่เปิดห้องออกมา เขาได้พบหน้ากับผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
ขณะที่คงไคยมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกล้าติดไม่พอใจนิดๆ แต่ภีมพลกลับมองตอบด้วยความครุ่นคิด เพราะคนที่เพิ่งออกมาจากห้องของอรจิราทำให้รู้สึกสะดุดใจ ทั้งสีหน้าและท่าทางทำให้เขาเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช่แค่พี่ชายแน่ๆ
สองวันต่อมา...
อรจิรานั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่บนโซฟาหน้าทีวี จะว่าไปตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคงไคย หญิงสาวก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง ไม่ได้อาลัยอาวรณ์เขา แต่เพราะโกรธที่ตัวเองใจง่ายยอมให้เขาเข้าถึงตัวโดยไม่ขัดขืนเท่าที่ควร
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวเอาแต่คิดมาก จนไม่กล้ากลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกเลย แต่ใช้โซฟาต่างที่นอน เขาทำให้หล่อนเกลียดตัวเอง เกิดความรู้สึกไร้ค่า เขาทำเหมือนหล่อนเป็นเพียงเศษขยะที่จะทิ้งเมื่อไรก็ได้ แล้วคำพูดของเขาก็ดังขึ้นมาอีกหน
‘ฉันเกลียด ขยะแขยงเธอ พวกเธอสองพี่น้องก็แค่กาฝาก ฉันจะไม่มีวันรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น จำเอาไว้ว่าเธอมันก็แค่เศษดินที่ติดรองเท้าของฉันเข้ามาในบ้านเท่านั้น ฉันจะโยนมันทิ้งไปเมื่อไรก็ได้!’
หัวใจดวงน้อยกระตุก ปวดหนึบในส่วนลึก ร่างกายชาวาบ นี่ไงสิ่งที่เขาเคยลั่นวาจาออกมา แล้วเขาก็ทำกับหล่อน
หล่อนเป็นเพียงแค่เศษดินที่ติดรองเท้าของเขาเท่านั้น
น้ำตาไหลพรากลงอีกหน อรจิราใช้เวลาหมดไปอีกวันกับการนั่งสมเพชและจมบ่อน้ำตาของตนเอง กระทั่งวันต่อมาหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาปฏิวัติตนเองด้วยการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
เริ่มต้นด้วยการเข้าร้านเสริมสวย เลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ สำหรับงานใหม่ และชีวิตใหม่ จึงสัญญากับตนเองว่าหล่อนจะไม่ยอมไปเหยียบศิริธาราอีกหากเขายังอยู่ที่นั่น
หญิงสาวมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกแปลกตา จากผู้หญิงผมดำตาดำ ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นผมสีน้ำตาลเทา ดัดลอนอ่อน ผมทรงใหม่ทำให้หล่อนดูเป็นสาวสวยเฉี่ยวเปรี้ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวยิ้มให้กับตนเอง แล้วบอกว่าที่ทำมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะอกหักหรอกนะ แต่ทำเพื่อให้รู้สึกว่าตนเองนั้นยังมีคุณค่า มีความสุขได้แม้จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย
“ใช่ แค่เสียสาวครั้งเดียว...เอ่อ สองครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นคนเลวไร้ค่าเสียหน่อย เรายังมีคุณค่า อย่างน้อยก็ต่อตัวเราและคนที่รักเรานะอรจิรา”
หญิงสาวบอกตนเองที่หน้ากระจก ก่อนจะหันไปมองโทรศัพท์มือถือ แล้วหยิบขึ้นมากดโทร.ออก