๕ หนีไม่เคยพ้น

1490 คำ
๕ หนีไม่เคยพ้น หญิงสาวอาบน้ำเสร็จหลังจากทำความสะอาดจัดของเข้าที่เรียบร้อย จึงมายืนอยู่กลางห้องพัก แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ประตูเลื่อนติดกับระเบียงถูกเปิดเอาไว้เพื่อระบายอากาศ แต่เมื่อได้อยู่ตามลำพังจริงๆ ก็อดจะเหงาเสียไม่ได้ ร่างบางเดินกลับมานั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเปิดทีวีไปพลาง ตาดูโทรศัพท์ หูฟังเสียงทีวี อาจดูไม่เข้าท่านัก แต่เวลาเหงามากๆ วิธีนี้ก็พอช่วยได้... แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังจะส่งข้อความติดต่อไปยังเพื่อนสนิทก็หันไปหยิบกระเป๋าถือออกมาเปิดดู แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบเพราะกระเป๋าเงินใบเล็กอันตรธานหายไปแล้ว “หายไปไหน” ร่างบางผุดลุก ก่อนก้มลงดูบนพื้น บนโต๊ะ เคาน์เตอร์ในครัว ห้องน้ำและห้องนอน แต่ไม่ว่าจะหาที่ไหนก็ไม่พบเจอ กระทั่งเสียงประตูห้องถูกเคาะขึ้นสามครั้ง อรจิราเงยหน้ามองพลางขมวดคิ้วนิ่วหน้า หล่อนเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ยังไม่รู้จักคนอื่นๆ แล้วใครกันที่มาเคาะห้อง ร่างบางเดินไปหยุดที่หน้าห้องแล้วส่องตาแมว เห็นเป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่ง กระทั่งคนด้านนอกเคาะประตูอีกครั้งพร้อมกับส่งเสียงเรียกเบาๆ “ขอโทษครับ ผมเก็บกระเป๋าของคุณได้ครับ” ไม่พูดเปล่า คนข้างนอกยังยกกระเป๋าเงินใบเล็กของหล่อนขึ้นมาโชว์ หญิงสาวใจโลดขึ้นด้วยความดีใจ เพราะกระเป๋าใบนั้นเป็นของหล่อนเองจึงเปิดประตูออกไปทันที คนตัวสูงยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง ขณะที่หญิงสาวก้าวออกมา “ผมเก็บกระเป๋าคุณได้ตอนเดินขึ้นมาที่หน้าลิฟต์ เปิดดูบัตรประชาชนก็เลยจำได้ว่าคุณอยู่ชั้นนี้” ชายหนุ่มส่งกระเป๋าเงินคืน “ทำไมคุณรู้ว่าฉันอยู่ชั้นนี้ห้องนี้” หญิงสาวรับมาพร้อมเอ่ยถามอย่างนึกระแวงแคลงใจ อีกฝ่ายเข้าใจดีจึงยิ้มตอบ “คุณคงลืม เราสวนกันวันที่คุณขนของเข้ามายังไงล่ะครับ” เมื่อหญิงสาวทบทวนความคิดจึงจำได้ในที่สุด “อ๋อ คุณนั่นเอง ขอโทษนะคะที่จำไม่ได้ตอนแรก พอดีตอนนั้นฉันมัวแต่วุ่นกับการย้ายของเข้าค่ะ ก็เลยไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไร ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างดีใจและขอบคุณเขาไป “ยินดีครับ เอ่อ ผมชื่อภีมพล ชื่อเล่นภีม อยู่ห้องถัดจากห้องของคุณไปสองห้องนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้เลย” หญิงสาวยิ้มตอบเขาอย่างมีไมตรี อย่างน้อยมีเพื่อนก็ดีกว่ามีศัตรู “ฉันชื่ออรจิรา เรียกว่าอรก็ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “ครับ” ภีมพลยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของตนเอง ส่วนหญิงสาวก็ปิดประตูลงพร้อมกับกอดกระเป๋าตัวเองเอาไว้แน่น แล้วรีบตรวจสอบข้าวของ พบว่าทุกอย่างยังอยู่ครบ จึงหันไปมองประตูอีกครั้งด้วยสำนึกถึงบุญคุณของอีกฝ่ายด้วยใจจริง แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังสืบเท้าตรงไปยังโซฟา เสียงประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้นอีก จึงนิ่วหน้าพลางคิดว่าภีมพลลืมอะไรหรือเปล่า จึงเดินไปเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ทว่าคนที่ปรากฏตรงหน้ากลับไม่ใช่ภีมพลแต่กลายเป็นคนที่ทำให้รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวลดลงโดยพลัน “คุณสอง” หัวใจของอรจิราดิ่งวูบแทบเท้า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พบเขาที่นี่ ใครบอกเขากัน ต้องไม่ใช่พี่พรแน่! “คุณมาที่นี่ได้ไง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น พลางมองไปยังห้องของภีมพลก่อนหันมามองหญิงสาวพลางแสยะยิ้ม “ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงอยากจะย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง” ทั้งสีหน้าแววตาและปฏิกิริยาที่เขาแสดงออก ทำให้หญิงสาวรู้ว่ากำลังถูกดูหมิ่น จึงกระชากประตูหมายปิดลง แต่คงไคยเร็วกว่า เขาคว้าบานประตูเอาไว้แล้วแทรกตัวเองเข้าไปด้านในพร้อมกับปิดและกดล็อกลงอย่างรวดเร็วจนเจ้าของห้องใจหายวาบ “คุณจะบ้าหรือไง! ออกไปจากห้องของฉันนะ” หญิงสาวร้องบอกพร้อมกับถอยหลังกรูดเมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองก้าวเข้าไปหาอย่างมั่นอกมั่นใจและข่มขวัญหล่อนกลายๆ “อะไรกัน ฉันอุตส่าห์แวะมาเยี่ยม แทนที่จะต้อนรับดีๆ กลับขับไสไล่ส่งเสียอย่างนั้น” เขาเอ่ยยียวน ก่อนจะทำหน้าทำตานึกขึ้นได้ “อ๋อ หรือว่าเพิ่งอิ่มใหม่ๆ ก็เลยไม่มีอารมณ์รับแขก” อรจิราตาลุกโพลง หมดความอดทนอีกต่อไป ก้าวเข้าหาคนตัวใหญ่แล้วยกมือขึ้นเหวี่ยงไปที่ใบหน้าของเขาเต็มแรง แต่กลับถูกเขาจับเอาไว้ได้ทันจึงหันหลังหนี แต่ร่างของหล่อนก็ถูกเขารวบเข้าไปกอดเอาไว้ทั้งตัว “ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวสะบัดตัวเองออกจากอ้อมแขนกว้าง รู้สึกวูบวาบเมื่อแผ่นหลังของตนเองแนบไปกับอกตึงแน่นของเขาที่ให้ความรู้สึกแข็งกระด้างไปหมด “ปล่อยสิ!” ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของชายหนุ่มที่เมื่อร่างเล็กตกมาอยู่ในอ้อมแขนของตน ความอ่อนนุ่มก็บดเบียดเข้ามาให้เขาได้สัมผัสเต็มไม้เต็มมือ อีกทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายและเส้นผมก็ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก “ขืนปล่อยเธอก็ทำร้ายฉันน่ะสิ” เขาเอ่ยกระซิบข้างใบหูเล็ก พร้อมกับขยับริมฝีปากแล้วขบเม้มเบาๆ กับใบหูสีชมพูเรื่อจนคนถูกกระทำแบบนั้นขนกายลุกชัน รู้สึกอ่อนเปลี้ยลงอย่างไม่เข้าใจตนเอง “หยุดทำบ้าๆ สักที คุณเป็นบ้าหรือไง กลับไปเลยนะ ฉันไม่ต้อนรับคุณ” หญิงสาวสะบัดร่างอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากวงแขนแกร่งของคงไคย เพราะขนาดตัวของหล่อนกับเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “ใช่สิ เธอไม่ต้อนรับฉัน เพราะเธอเพิ่งจะต้อนรับคนอื่นไปหยกๆ นี่ถ้าฉันมาไม่ทันก็คงไม่รู้ว่าเธอน่ะ ร้อนแค่ไหน...” คราวนี้เขาไม่ทันระวัง หญิงสาวหมุนตัวกลับมาพร้อมสะบัดฝ่ามือกระทบแก้มสากของเขาเต็มแรง เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังสนั่นไปทั้งห้อง ทำให้คนทั้งสองต่างตกอยู่ในอาการตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติอรจิราจึงผลักเขาแล้ววิ่งหนีห่าง หน้าตาตื่นตกใจ ส่วนคงไคยหน้าตึง แก้มข้างหนึ่งแดงเป็นปื้น “เธอกล้ามากนะอร แต่กล้าผิดคนแล้ว” พูดจบเขาก็ก้าวเข้าไปหาคนที่กล้าทำร้ายเขา หญิงสาวหมุนตัววิ่งตรงไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าประตูปิดแต่ชายหนุ่มที่ก้าวมาติดๆ ใช้ทั้งฝ่ามือและลำตัวของตนเองดันประตูห้องของหล่อนเอาไว้ “ออกไป๊!” หญิงสาวหวีดเสียงลั่น หน้าซีดเผือด ตอนนี้สิ่งที่กลัวที่สุดไม่ใช่ถูกเขาตบตี แต่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนกลัว ชายหนุ่มหน้าบึ้งจัด เขาไม่ยิ้ม แววตาไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป จนหญิงสาวน้ำตาคลอออกมา เพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ควรลงไปเสียแล้ว “คุณจะทำอะไร” หญิงสาวถอยหลังหนี แต่ก็ต้องใจหายเมื่อไปชนกับขอบเตียงนอน อรจิราหันไปมองข้างหลังด้วยความตกใจ แต่เมื่อหันกลับมาร่างของคงไคยก็ประชิดติด ผลักหล่อนล้มหงายหลังลงไปกับเตียงกว้างพร้อมร่างหนาหนักที่ทาบทับลงมาอย่างรวดเร็ว “อย่าค่ะ ฉันขอโทษ” ความหวาดกลัวทำให้หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยคำขอโทษออกมา พลันน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เนื้อตัวสั่นเทา แต่ความโกรธที่ครอบงำเขาทำให้ชายหนุ่มไม่รับรู้ แม้จะมีประโยคหนึ่งผ่านเข้ามาราวกับสายลมอ่อนๆ ที่ไม่อาจทำอะไรเขาได้ ‘ฉันเกลียด ขยะแขยงเธอ พวกเธอสองพี่น้องก็แค่กาฝาก ฉันจะไม่มีวันรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น จำเอาไว้ว่าเธอมันก็แค่เศษดินที่ติดรองเท้าของฉันเข้ามาในบ้านเท่านั้น ฉันจะโยนมันทิ้งไปเมื่อไรก็ได้!’ เช่นเดียวกับอรจิรา ประโยคนี้ดังเข้ามาอีกครั้ง เขาสาดใส่หน้าของหล่อนก่อนเดินทางไปฮ่องกงเพียงหนึ่งวัน เป็นประโยคที่บอกซ้ำว่าเขาไม่อาจอยู่เพื่อหายใจร่วมกับหล่อนได้อีกต่อไป แล้วเวลานี้เกิดอะไรขึ้น เขามายุ่งกับผู้หญิงที่ตนเองรังเกียจยิ่งกว่าไส้เดือนแบบหล่อนทำไมกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม