๔ ออกจากชีวิต
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา อรจิราก็ได้งานใหม่เป็นที่เรียบร้อย และหญิงสาวจะต้องย้ายออกจากบ้านของคุณนิรมลภายในหนึ่งอาทิตย์ เพราะต้องเริ่มงานในวันที่หนึ่งเดือนหน้า ซึ่งทำให้คุณนิรมลใจหายเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะได้งานใหม่ไวขนาดนี้
“ดีใจด้วยนะ เธอเก่งมาก ฉันคิดว่าจะต้องใช้เวลามากกว่านี้เสียอีก ว่าแต่ทำกับบริษัทอะไรล่ะ”
หญิงสาวบอกชื่อบริษัทที่รับหล่อนเข้าทำงาน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้
“ฉันรู้จัก เป็นบริษัทที่ดี มั่นคง” ท่านกล่าวออกมาอย่างที่รู้ “แล้วจะขนของไปจากที่นี่เลยหรือยังไง”
ท่านถามเพราะเห็นหญิงสาวเริ่มเก็บของบ้างแล้ว ราวกับมั่นใจว่าตนเองจะได้งานในเร็ววัน
“ค่ะ ตอนนี้กำลังเก็บของอยู่ พรุ่งนี้จะออกไปหาที่พักใกล้ๆ ที่ทำงานค่ะ”
“อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้นี่ ทำไมรีบร้อนนัก” ท่านเอ่ยทักท้วง เพราะรวดเร็วจนใจหาย
หญิงสาวยิ้มตอบ เพราะหล่อนคิดตรงกันข้าม ไปเร็วเท่าไรได้ยิ่งดี คุณนิรมลมองอาการนิ่งเงียบของอีกฝ่ายแล้วต้องยอมรับ
“เอาเถอะ แล้วแต่เธอแล้วกัน” ท่านเอ่ยออกมาในที่สุดเมื่อหญิงสาวเงียบลงไป
น้าเทียนช่วยอรจิราเก็บของ เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น หญิงสาวก็ขนข้าวของย้ายออกไปยังคอนโดฯ ใหม่ แม้แต่พี่สาวของหล่อนยังมารู้หลังจากที่หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอกเรียบร้อย
“จะบ้าเหรออร! ทำไมเธอเพิ่งมาบอกกับพี่ตอนนี้” พรทิพาร้องเอ็ดน้องสาวอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ออกไปอยู่กับคุณนิรมลได้แล้ว แต่น้องสาวไม่รักดีของหล่อนยังหาทางออกจากบ้านท่านไปลำบากตรากตรำเพียงลำพังจนได้
คนตัวเล็กทอดถอนหายใจเมื่อถูกพี่สาวบ่นขณะทำความสะอาดห้องใหม่
“บอกตอนไหนก็เหมือนกัน ยังไงอรก็ตัดสินใจแล้ว อีกอย่างอรก็ได้งานใหม่เรียบร้อย เริ่มต้นงานเดือนหน้า”
“แกคิดบ้าๆ นะอร อยู่สบายๆ กับคุณป้าไม่ชอบหรือไง ทำไมชอบหาเรื่องทำให้ตัวเองต้องลำบากด้วยฮ้า”
อรจิราถอนหายใจพรืด วางมือจากการทำความสะอาด แล้วนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวี
“ทำไมพี่พรคิดว่าการที่ออกมาอยู่คนเดียวแล้วก็ทำงานไปด้วยคือความลำบาก อรมีงานมีเงิน มีที่อยู่ สบายใจดีจะตายไป มีชีวิตเป็นอิสระ จะทำอะไรก็ได้”
คนเป็นพี่หันไปมองลูกๆ แล้วส่ายหน้าเบาๆ วันนี้เป็นวันหยุดทุกคนอยู่กันครบ แม้แต่คงไคย
“แกหนีคุณสองใช่ไหม”
น้องสาวเงียบไป พรทิพาจึงมั่นใจว่าหล่อนคิดถูก
“เรื่องมันก็สิบปีมาแล้ว ทำไมถึงต้องคิดมากด้วย”
คนเป็นน้องชักสีหน้าทันทีที่พี่สาวกล่าวเช่นนั้นออกมา
“พี่พรอย่ามาพูดแบบนี้นะ”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ พี่เป็นพี่แกนะ เลี้ยงแกมา สรรหาสิ่งที่ดีให้แกเสมอ ทำไมถึงได้ชอบทำตัวแหกคอกนักนะ” คนเป็นพี่เหลืออดเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายหัวรั้น
“อรไม่อยากถูกเขามองด้วยสายตารังเกียจอีกแล้ว พี่พรไม่เป็นอรไม่รู้หรอกว่ารู้สึกยังไง ที่ต้องถูกมองเหมือนขยะ”
คนเป็นพี่เงียบไปอึดใจ ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“พี่ว่าแกแคร์เขามากกว่า เพราะถ้าไม่แคร์ แกคงไม่คิดมากแบบนี้”
หญิงสาวนิ่วหน้า แต่ใจแอบหวั่นไหวไปเช่นกัน
“ทำไมอรต้องแคร์คนปากเสียใจดำแบบนั้นด้วย” หญิงสาวปากแข็ง แม้ใจอ่อนยวบลง
“ฉันเป็นพี่แกนะ เรื่องแค่นี้ฉันดูออก”
คราวนี้คนเป็นน้องเม้มปาก หน้าร้อนวูบ
“พี่พรคิดไปเอง อรเกลียดเขาจะตายไป” หญิงสาวโต้ตอบพี่สาวไม่ละเว้น และไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองว่าระหว่างที่เขาจากไป หล่อนเองก็แอบคิดถึงคนใจร้ายใจดำคนนั้นเหมือนกัน
“เอาเถอะ อยากจะปากแข็งก็เรื่องของแก ว่าแต่ที่พักที่เลือกปลอดภัยดีแล้วใช่ไหม” พรทิพาไม่อยากเถียงกับน้องสาวจึงเปลี่ยนเรื่องคุย นั่นทำให้อรจิราโล่งใจเช่นกัน
“ค่ะ ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยเยี่ยม ไม่ต้องห่วงนะคะ เดินไปแค่สี่ร้อยเมตรก็ถึงที่ทำงานแล้ว”
“ก็ไกลอยู่นะ” คนเป็นพี่แย้ง
“ถือเสียว่าได้ออกกำลังกายไปในตัว” คำตอบของน้องสาวทำให้คนเป็นพี่ค้อนใส่โทรศัพท์ กับหล่อน อรจิราไม่เคยลดราวาศอก เรียกได้ว่าเถียงคำไม่ตกฟากด้วยซ้ำไป แต่ทว่ามีกันแค่สองคนเท่านั้น มีพ่อก็เหมือนไม่มีเพราะท่านแต่งงานใหม่มีลูกใหม่ไปแล้ว จึงนานๆ ครั้งจะได้นัดเจอกัน ทุกวันนี้จึงเหมือนกับว่าเหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง และถึงแม้อรจิราจะดื้อรั้นหล่อนก็รักน้องสาวคนนี้มาก เพราะเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยตั้งแต่สิ้นมารดา เรียกได้ว่าเป็นทั้งพี่ เพื่อนและแม่ในเวลาเดียวกัน อรจิราเองแม้จะดื้อและเถียงเก่ง แต่ก็รักพรทิพาราวกับแม่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ จึงเข้าใจที่อีกฝ่ายบ่นก็เพราะเป็นห่วง แต่ก็อดที่จะแย้งออกไปเป็นครั้งคราวไม่ได้
“พี่พรไม่ต้องห่วงอรนะ สัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ว่างๆ พี่อรก็แวะมาหาอรก็ได้ พาเด็กๆ มาด้วยนะ อรคิดถึงหลาน”
“อืม พรุ่งนี้พี่จะแวะไปหาแล้วกัน”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่ อรต้องทำความสะอาดห้องอีกนิดหน่อย”
“อืม อย่าลืมกินข้าวนะ กินให้ตรงเวลาด้วย แกน่ะชอบกินข้าวไม่ตรงเวลา เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะอีก”
อรจิรายิ้มอ่อน น้ำตาคลอ
“จ้าแม่”
เสียงกระเซ้าของน้องสาวทำให้พรทิพายิ้มอย่างอ่อนใจ ก่อนวางสาย
“คุยกับใคร” คารมที่เพิ่งเดินมานั่งลงข้างๆ ภรรยาเอ่ยถาม
“ยัยอรย้ายออกจากบ้านคุณป้าแล้วนะ”
คำบอกเล่าของภรรยาทำให้เขาตกใจเล็กน้อย
“อ้าว เกิดอะไรขึ้น”
“ดื้อไง อยากออกไปอยู่ข้างนอก คุณป้าหมดปัญญาจะรั้งถึงโทร.มาบอกพร” หญิงสาวฟ้องสามี
“แล้วไปอยู่ที่ไหน ปลอดภัยไหม”
“ยัยอรว่าปลอดภัยค่ะ อยู่ใกล้ที่ทำงาน พรุ่งนี้พรต้องไปดูสักหน่อย ไว้ใจไม่ได้หรอกยัยคนนี้ ดื้อรั้นเป็นที่สุด ว่าจะพาเด็กๆ ไปด้วยนะคะ”
“อืม ไปเถอะ ว่าแต่ไปอยู่นี่เช่าใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ทำไมไม่ซื้อ ผมเซ็นเช็คให้นะ แล้วคุณก็เอาไปซื้อคอนโดฯ ดีๆ ให้น้อง จะได้ไม่ต้องเสียรายเดือน ไม่ต้องบอกว่าเป็นเงินผม” คารมน่ารักเสมอ เขามีท่าทีกระตือรือร้นกับเรื่องของหล่อน ไม่เคยนิ่งดูดาย สิ่งนี้ทำให้หญิงสาวรักเขาได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ทำไม” เขานิ่วหน้า
“ยัยนั่นน่ะดื้อจะตาย ไม่อยากให้พรซื้อให้หรอก แต่ก็ดีค่ะ อยากลำบากก็ให้ลำบากเสียให้เข็ด เอาไว้ไม่ไหวจริงๆ อรค่อยยื่นมือเข้าไปช่วย”
“เอางั้นเหรอ” คารมถามด้วยความลังเล
“ค่ะ”
เสียงพูดคุยของทั้งสองยังคงมีต่อไป โดยไม่รู้ว่ามีใครอีกคนได้ยิน
คงไคยยืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะเดินกลับออกไปอย่างเงียบเชียบเมื่อรู้ว่าอรจิราย้ายออกไปอยู่ที่ไหน