๔ ออกจากชีวิต

1456 คำ
๔ ออกจากชีวิต หลายวันก่อนคงไคยไม่ได้อยู่ค้างแรมที่บ้านของคุณนิรมลอย่างที่อรจิราหวั่น แต่วันหยุดนี้หญิงสาวต้องเจอเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อชายหนุ่มเดินทางมารับคุณนิรมลและหล่อนไปร่วมงานมงคลสมรสของคนรู้จักในช่วงเช้าตรู่ “เหมาะสมกันดีเหลือเกินนะคะคุณจันทร์” คุณนิรมลเอ่ยกับสหายที่คบหากันมานาน “ใครๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่าคู่นี้เขาเหมาะกันเหมือนคู่สร้างคู่สม ตาภพเขารักของเขามานาน รวมๆ แล้วก็ตกสิบปีนะคะ หนูตุ่นก็น่ารักสม่ำเสมอ” คุณนิรมลมองคู่บ่าวสาวที่กำลังรับน้ำสังข์ด้วยสายตาชื่นชม ก่อนจะหันไปมองหลานชายที่กำลังยืนอยู่กับคนรู้จักที่พบเจอกันโดยบังเอิญภายในงาน ส่วนอรจิรานั่งอยู่ข้างๆ ท่าน “ได้ข่าวว่าหลานชายเพิ่งกลับมาใช่ไหมคะ” คุณจันทร์เอ่ยถาม “ใช่ค่ะ เพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงเดือน” “ใกล้มีข่าวดีหรือยังคะ” คุณนิรมลยิ้มเยือน “คงอีกสักพัก ฉันยังไม่เห็นตาสองจะพาใครมาแนะนำให้รู้จักเลยนะคะ” ท่านตอบตามตรง ส่วนอรจิราเพียงนั่งฟังอยู่เงียบๆ พลันคิดถึงสาวสวยลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังที่บังเอิญพบเจอกันเมื่อหลายวันก่อน คนอย่างคงไคยสามารถมีผู้หญิงเคียงกายโดยไม่จำเป็นต้องมีคู่ให้วุ่นวายเหมือนคนอื่น และหล่อนก็ภาวนาขออย่าให้ผู้หญิงคนไหนโชคร้ายเลือกเขาเป็นคู่เลยก็แล้วกัน อรจิรานึกแช่งชักหักกระดูก ก่อนจะชะงักเมื่อคุณจันทร์เอ่ยถึงหล่อน “แล้วหนูอรล่ะ มีกับเขาหรือยังจ๊ะ” หญิงสาวยิ้มเจื่อนกับคำถามที่เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับสาวโสดอย่างหล่อน ทำไมถึงอยากรู้กันนักนะ ว่าจะมีหรือไม่มี “อรยังไม่คิดเรื่องนี้ค่ะ อยู่แบบนี้ก็สบายใจดี” หญิงสาวตอบตามตรง ไม่คิดเสแสร้งใดๆ แต่ทำให้อีกฝ่ายทำตาโตพลางบอก “ต๊าย สาวๆ สมัยนี้เขาคิดกันแบบนี้หมดแล้วหรือไงคะคุณนุ่ม” ท่านว่าพลางปรายตามองค้อนเบาๆ ราวจะเอ็นดูก็ไม่ปาน ทำให้คุณนิรมลหัวเราะออกขบขันกับคำสัพยอกนั้นของสหาย “คงไม่ใช่เฉพาะสาวๆ สมัยนี้หรอกค่ะ แต่เรื่องแบบนี้มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว ดูอย่างฉันสิคะ...” ท่านสบตาคนที่ลืมไปว่าเพื่อนของตนก็เลือกที่จะอยู่เป็นโสด ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากแล้วยิ้มเขินออกมา “อุ๊ย ขอโทษทีค่ะ ฉันก็ลืมคิดไป” เอ่ยขอลุแก่โทษเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มอ่อนให้กับหญิงสาว “อันที่จริง ถ้าเรามีความพร้อมทุกอย่าง แล้วเลือกที่จะอยู่คนเดียวก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนะจ๊ะ ดีเสียอีกจะได้ไม่มีใครมากวนใจเรา” อรจิรายิ้มอ่อนพลางเบือนหน้ามองไปยังคงไคยเมื่ออีกฝ่ายเอาตัวรอดด้วยการแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ เป็นเวลาเดียวกับชายหนุ่มหันกลับมาและได้สบตากับหญิงสาวโดยบังเอิญ หัวใจดวงน้อยพลันกระตุกวูบไหวเมื่อรอยยิ้มของเขาที่กวาดเลยมายังหล่อน เป็นรอยยิ้มที่ชายหนุ่มไม่เคยมอบมันให้กับหล่อนเลยสักครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อสบตาหล่อนรอยยิ้มเป็นธรรมชาติก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย่อหยิ่งยโสออกมาทันที หญิงสาวก้มหน้าลงมองมือตัวเอง วูบหนึ่งความรู้สึกอยากหลุดพ้นจากวงโคจรของคงไคยก็ผ่านวาบเข้ามาในความคิด บางทีหล่อนน่าจะขยับขยายที่อยู่เสียที คอยอาศัยคนอื่นอยู่ร่ำไปก็คงต้องอึดอัดใจไม่สิ้นสุด เมื่อกลับมาถึงบ้าน และคงไคยก็กลับออกไปแล้ว หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินไปพบกับคุณนิรมลที่ห้องพักผ่อนของท่าน “เข้ามาสิอร” คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะเบาๆ อย่างขออนุญาตของอรจิรา “มีอะไรหรือ” หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก แล้วยิ้มให้ท่าน “อรมีเรื่องจะปรึกษาคุณป้าค่ะ” “ว่ามาสิ” ท่านวางหนังสือลงบนโต๊ะพร้อมกับถอดแว่นสายตา แล้วมองคนที่มีสีหน้าครุ่นคิดออกมาอย่างชัดเจน “อรคิดว่าอรควรจะขยับขยายเสียทีค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้ท่านขมวดคิ้วเข้าหากัน “ขยายความให้หน่อยได้ไหม” ท่านมองหญิงสาวตรงๆ อรจิราบีบมือตนเองเบาๆ แล้วตอบท่านออกไป “อรอยากจะออกไปอยู่ข้างนอกค่ะ” สิ้นเสียงของหญิงสาว เสียงลมหายใจของคุณนิรมลก็ดังตามมา ท่านมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเข้าใจว่าเพราะเหตุใดหญิงสาวจึงตัดสินใจเช่นนี้ “เพราะตาสองใช่ไหม” อรจิรายิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้าอย่างยอมรับ “คุณสองคือเหตุผลแรก” คุณนิรมลนิ่วหน้า “แล้วเหตุผลที่สองล่ะ” “อรอยากตั้งหลักด้วยตัวเองค่ะ” “จะออกไปทำอะไร” “อรคิดว่าจะไปสมัครงานที่ถนัดค่ะ” “เลขาฯ น่ะเหรอ อายุมากแล้ว ห่างจากงานนี้มาหลายปีแล้วนะ” ท่านกล่าวตามตรง แม้หญิงสาวทำงานดีก็จริง แต่การหยุดทำงานกับบริษัทมาห้าปีก็ยังนับว่าประสบการณ์น้อยหากเทียบกับอายุ จึงไม่คิดจะอวย อรจิราก้มหน้าลง หล่อนรู้ดีว่าตนเองมีจุดด้อยตรงนี้ “อรจะลองดูค่ะ” “ทำกับฉันมันไม่ดีหรือยังไง” ท่านถามออกมาในที่สุด “ไม่ใช่นะคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ ด้วยความตกใจ “คุณป้ามีเมตตากับอรมากที่สุด แต่อรคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะพึ่งพาตัวเองเสียทีค่ะ” “คิดมากไม่เข้าเรื่อง” ท่านบ่นอุบ ทำให้หญิงสาวก้มหน้านิ่ง ไม่แก้ตัวแต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ เป็นอาการดื้อเงียบชัดๆ แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของอรจิราจึงคิดว่าควรให้โอกาสอีกฝ่ายลองดูก็ไม่เสียหาย “ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองถามๆ ดูว่าบริษัทไหนมีตำแหน่งว่างลงบ้าง” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท่านอย่างอึดอัด ทำให้อีกฝ่ายรู้ทันทีว่าอรจิราไม่อยากให้ท่านช่วย “ทำไมอีก” “อรอยากลองหางานทำด้วยตัวเองดูค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้ท่านส่ายหัว “ดื้อ” คำตำหนิของท่านทำให้หญิงสาวก้มหน้าอีกคำรบ “เธอกับตาสองมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่าง รู้ไหมว่าอะไร” หญิงสาวสบตาท่านนิ่ง อยากรู้เหมือนกัน คุณนิรมลยิ้มออกมาน้อยๆ พลางเฉลย “เป็นพวกดื้อรั้นหัวชนฝายังไงล่ะ” หญิงสาวยิ้มเจื่อน แต่ขืนอยู่ต่อไปหล่อนคงไม่มีวันสุขสงบ เขาจะต้องตามรังควานหล่อนไม่เลิกอย่างแน่นอน สู้ไปให้พ้นหน้ากันเสียดีกว่า อะไรๆ คงดีขึ้น “ตามใจเธอแล้วกัน แต่มีข้อแม้” รอยยิ้มดีใจของอรจิราจางลงเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเช่นนั้น “เธอจะต้องหางานทำให้ได้เสียก่อน ฉันจึงจะอนุญาตให้เธอย้ายออกไปจากที่นี่” อรจิรายิ้มอย่างตื้นตันใจ พลางขยับลงนั่งบนพื้น แล้วกราบแทบตักของท่านด้วยความซาบซึ้งในความเมตตาของท่าน “อรขอบคุณคุณป้ามากนะคะ” คุณนิรมลยิ้มเนือยๆ เสียดายหญิงสาวเหลือเกินหากต้องไปจากที่นี่ เพราะท่านคงเหงาไม่น้อย “บอกตามตรง ฉันไม่อยากให้อรไปหรอกนะ” หญิงสาวน้ำตาคลอ หล่อนเองก็ไม่อยากไป แต่เมื่อคิดถึงใครอีกคนหล่อนก็ได้แต่บอกให้ตนเองตัดใจให้เด็ดขาด “แต่ถ้าที่นี่ทำให้เธออึดอัด ฉันก็ไม่รั้งเธอไว้หรอก” “คุณป้าเข้าใจผิดนะคะ” หญิงสาวรีบแย้ง แต่คุณนิรมลยิ้มพลางส่ายหน้า “ฉันเข้าใจถูกแล้วอร การที่เธออยู่ที่นี่ต่อไป ต้องพบกับหลานชายตัวแสบของฉันบ่อยเข้า เธอก็คงไม่มีความสุข เพราะมีแต่สิ่งที่ทำให้อึดอัดใจอยู่เรื่อยไป เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่าเอาไว้ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ยังไงฉันก็อวยพรขอให้เธอได้งานที่ดีเหมาะสมกับเธอก็แล้วกันนะ” หญิงสาวสบตาท่านอย่างใจหายเช่นกัน เมื่อคิดถึงวันที่จะต้องไปจากบ้านหลังนี้ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด “ขอบคุณมากค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม