ฉันเบิกตากว้างก่อนจะรีบหันมาผลักเค้าออกจากนั้นก็ใช้ทั้งกำปั้นแล้วก็ขาตีเข้าไปที่คนตัวสูง แล้วนอกจากป๊าม๊าก็ไม่มีกล้าทำแบบนี้กับฉันเลยนะ แล้วปาป๊ากับม๊าหอมตอนที่ฉันเด็กมากๆ พอรู้เรื่องก็ไม่ได้หอมแล้ว แล้วดูเขาทำสิ
ปัก ปัก ปัก
“โอ๊ะ หึหึ ก็น้องแป้งน่ารักอะครับ พี่จะอดใจไหวได้ยังไง แต่ไม่ได้มีคนอื่นอยู่กับเรานะครับ”
“มีหรือไม่มีคุณก็ทำไม่ได้ค่ะ”
“ทำได้สิครับ เฮ้ย”
ผมเดินถอยหลังแล้วก็พยายามปัดป้องมือและเข่าของร่างบางก่อนจะเสียหลักล้มลงมาบนที่นอนนุ่มๆ หอมๆ ของร่างบางจากนั้นร่างบางก็จับผมพลิกตัวแล้วก็นั่งอยู่หลังแล้วก็รัวกำปั้นใส่หลังผมจนเหมือนจะระบมอยู่นะ
“ถ้าคุณทำอีกคอยดูสิฉันจะทำยังไงกับคุณ ฉันหมั่นไส้คุณจริงๆ เดี๋ยวฉันเอานิ้วจิ้มตาให้ตาบอดซะหนิ”
“หึหึ แป้งก็ต้องเป็นภรรยาของคนตาบอดนะครับ”
“ฉันก็ถอนหมั้นจากคุณสิคะ งื้อ”
พอฉันพูดโดยที่ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ หรอก เพราะสุดท้ายแล้วเขาจะเป็นยังไงฉันก็ทำหน้าที่แล้วก็ดูแลเขา พอพูดจบคนตัวสูงก็หันหน้ามามองก่อนจะใช้มือดึงแขนฉันลงมาหาเขาจากนั้นก็ใช้แขนพาดมาที่คอของฉันจนหน้าฉันจะชนกับหน้าเขาอยู่แล้ว ค่อมันใกล้จนได้กลิ่นตัวผสมกับกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้อะ คือกลิ่นของผู้ชายเลย หอมๆ เย็นๆ แต่มันใกล้เกินไป แล้วตอนนี้ฉันทั้งตื่นเต้นทั้งพยายามช่วยตัวเอง ฉันเลยพยายามดิ้นเพื่อให้เขาปล่อย แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
“งื้อ คุณปล่อย”
“ไม่ครับ จนกว่าแป้งจะรับปากพี่ก่อนว่าจะไม่พูดคำนั้นออกมาอีก พี่ไม่ชอบนะครับ แล้วพี่ก็จะไม่ถอนหมั้นกับแป้งเด็ดขาด”
ผมพูดพร้อมกับมองร่างบางที่ตอนนี้หน้าห่างกันเพียงคืบ แล้วพอมองหน้าร่างบางใกล้ยิ่งหวั่นไหว เพราะร่างบางเป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ ปากนิดจมูกหน่อย ตากลมโต ขนตางอน แก้มแดงระเรื่อมีเลือดฝาดที่แก้มทั้งสองข้าง แล้วเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหามาก จะสวยก็ได้ จะแข็งแกร่งก็ได้ ดูดื้อรั้นนิดๆ แล้วในขณะที่กำลังคิดผมเลยขยับริมฝีปากเข้าไปหาจากนั้นก็ประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากนุ่มๆ ของร่างบางก่อนจะใช้ลิ้นปาดป่ายลงไปที่ริมฝีปากสีชมพูก่อนจะดันลิ้นเข้าไปในโพรงปากและกวาดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานๆ ของร่างบางจนทั่ว
“อือ อื้อ”
ฉันเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้งและพยายามเปร่งเสียงห้ามเขาออกมาจากลำคอแล้วก็ใช้มือดันไหล่ของเขาให้ขยับออกแล้วก็พยายามเม้มปากของตัวเองเข้าหากันแต่มันก็สู้ไม่ได้เลยได้แต่ดิ้นไปมา ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดการกระทำนี้ลง ฉันเลยเลื่อนมือมาดันหน้าเขาออก
จุ๊บ จุ๊บ
ผมปล่อยให้ร่างบางดันหน้าของผม เพราะน้องแรงน้องนิดเดียว ผมใช้ลิ้นกวาดไปจนทั่วโพรงปากหวานๆ ของร่างบางก่อนจะใช้ลิ้นตวัดไปมาอยู่กับลิ้นของร่างบางอยู่สักพักพอได้ยินเสียงของม๊าเลยผละริมฝีปากพร้อมกับใช้นิ้วโป้งลูบไล้ไปมาที่ริมฝีปากของร่างบางที่ตอนนี้สีเข้มขึ้นเบาๆ
“อานัยลื้อ อุ้ย เออ อาม่าไม่ได้เห็นอะไรนะ ไอหย่า อั๊วลืมเก็บผ้าได้ยังไง อั๊วต้องไปเก็บผ้าก่อน”
“งื้ออ”
ปั่ก!!
“โอ๊ะ”
พออาม่าท่านปิดประตูโดยที่อาม่าท่านเหมือนทำเป็นไม่เห็นฉันเลยใช้มือทุบลงไปที่หลังของเขาเต็มแรงก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วก็หยิบกระเป๋าหูรูดของตัวเองจากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูลงจากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างวางลงมาที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองพร้อมกับพึมพำออกมาและใช้มือถูกริมฝีปากของตัวเอง แล้วนี่มันจูบแรกของฉันด้วย ฉันตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเดินลงมาที่ชั้นล่าง
“ไอ้บ้า”
ผมมองตาร่างบางไปจนร่างบางปิดประตูห้องผมเลยยิ้มออกมาพน้อมกับใช้มือลูบที่ริมฝีปากของตัวเองและมองภาพถ่ายของร่างบางที่นั่งเท้าคางแล้วก็ยิ้มอยู่ในกรอบหัวเตียง ผมเลยพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นก็หลับตาลง
“หึหึ หวานใช่เล่น หนูดื้อกับพี่คนเดียวนะครับเด็กน้อย”
“เจ๊แป้งมาแล้วค่ะ”
“เป็นยังไงอาแป้ง อานัยนอนได้ไหม”
“น่าจะได้นะคะม๊า ม๊าให้แป้งช่วยทำอะไรบ้างคะ”
ฉันรีบทิ้งความรู้สึกนั้นทิ้งไปก่อนจะรีบถามงานที่ช่วยมาม๊าทำแล้วก็ยิ้มให้เจ้าตัวเล็กมังกรที่นั่งกินนมอยู่บนตักของอาวาดเรียกฉันแล้วก็ยิ้ม ฉันเลยยิ้มให้เจ้าตัวเล็กพร้อมกับจ๊ะเอ๋น้องไปหนึ่งที
“น้องมังกร จ๊ะเอ๋”
“กรี๊ด คิกๆ”
“หึหึ ตัวแสบเอ๊ย เจ๊จ๊ะเอ๋ทุกวันก็ถูกใจทุกวัน วันไหนที่เจ๊ไม่จ๊ะเอ๋ก็น่างอ”
“หึหึ อาแป้งงั้นเดี๋ยวลื้อมาช่วยม๊าปรุงน้ำซุปนะ อาเนตรกับน้องๆ กำลังช่วยกันล้างผัก”
“ค่ะมาม๊า งั้นแป้งเอากระดูกเล้ง กระดูกขาตั้ง แล้วก็พวกเนื้อสัตว์ไปล้างก่อนนะคะ”
“อืมๆ ล้างแล้วก็ใส่กะละมังสแตนเลสแยกเอาไว้นะ”
“ค่ะมาม๊า”
ฉันเริ่มเอาเนื้อสัตว์ที่ต้องใช้มาล้างก่อนจะใช้ฝานจากนั้นก็ยกหม้อรองน้ำใส่หม้อน้ำซุปทั้งสองหม้อ เพราะทำก๋วยเตี๋ยวไก่กับก๋วยเตี๋ยวหมู จากนั้นฉันก็เริ่มปรุงน้ำซุปแล้วก็ใส่กระดูกหมูใส่น่องไก่โครงไก่ขาไก่ปีกไก่ลงไปในหม้อ แล้วก็เริ่มมาทำลูกชิ้นหมูแล้วก็ลูกชิ้นปลาแล้วก็ทำฮือก้วย หรือว่าปลาเส้นนั่นเอง
“ใส่ปลา แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาลี ผงปรุงรส น้ำตาลทราย พริกไทย แล้วก็ผงฟู หนูกดปั่นเลยนะคะม๊า”
“อืมๆ ตีความเร็วสูง 15 นาที แล้วลื้อเติมน้ำเย็นแล้วก็ตีต่ออีก 5 ทีนะ”
“ค่ะม๊า”
“เดี๋ยวเอามีดหั่นแล้วก็ใส่ปั่นในเครื่องปั่นให้เนื้อมันเนียนเลยนะ แล้วค่อยปรุงเครื่อง”
“ค่ะมาม๊า”
“อาแป้ง”
“คะอาม่า”
ฉันหันไปหาอาม่าแล้วคือเห็นหน้าอาม่าภาพก่อนหน้านั้นมันก็ลอยเข้ามา แล้วไม่ใช่แค่ฉันหรอก อาม่าก็เหมือนกัน ฉันเลยหลบสายตากับอาม่าจนได้ยินเสียงของอาม่าหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็จานสับปะรดมาให้
“หึหึ เอานี่ อาม่าปอกแล้วก็เอามาให้ลื้อ พวกลื้อสองคนด้วยนะ ค่อยทำกัน ไม่ต้องรีบหรอก”
“ค่ะม๊า”
“เจ๊ร้อนเหรอคะ”
“หื้อ เจ๊ไม่ได้ร้อนนะคะ เป่าเป้ยถามเจ๊ทำไมเหรอคะ”
“ก็เจ๊แป้งแก้มแดงๆ ทั้งสองข้างเลยค่ะ หน้าก็แดงด้วยค่ะ”
“อ่อ ใช่จ่ะ อยู่ๆ เจ๊ก็ร้อน”
“งั้นเจ๊แป้งมาตรงหน้าพัดลมเร็วค่ะ เจ๊แป้งจะได้ไม่ร้อน”
“หึหึ ขอบใจนะคะ เดี๋ยวเจ๊แป้งก็หายร้อนแล้วจ่ะ”
ฉันหันมาตอบเด็กตัวน้อยจากนั้นก็เริ่มปั่นหมูแล้วก็ปรุงเครื่องเพื่อทำลูกชิ้น แล้วทำเยอะหน่อย เพราะมาม๊าบอกว่าจะขายลูกชิ้นทอดช่วงเย็นด้วย แล้วก็ซื้อลูกชิ้นอย่างอื่นมาเสริม พอทำเสร็จแล้วก็รอเวลาเพื่อที่จะเอาออกมาต้ม ซึ่งก็หลายชั่วโมงเหมือนกันนะ แล้วในตอนที่รอตอนนี้ของทุกอย่างก็เริ่มจะเสร็จแล้วเพราะทุกคนช่วยกัน ฉันก็เอาปลาหมึกกรอบมาหั่นแล้วก็ใส่โหลสีใสๆ เอาไว้ใช้พรุ่งนี้นั่นแหละ ตอนนี้ป๊าก็ตื่นแล้ว พอตื่นก็เริ่มตอกโต๊ะให้มาม๊าทันที แล้วมาม๊าให้ป๊าทำเหมือนเค้าท์เตอร์ ด้านบนวางของได้ ด้านล่างเก็บของได้ อาสี่กับอาแปะก็ไปช่วยกันโต๊ะก็เหมือนจะเสร็จเร็วมากๆ พอเนื้อปลาที่แช่เอาไว้เย็นได้ที่ฉันแล้วก็ใช้มือข้างซ้ายสัมผัสกับน้ำมันพืชเพื่อไม่ให้เนื้อปลาที่บดติดตามมือ ฉันฝึกบีบให้มันกลมแล้วก็ได้ขนาดที่เท่ากัน พอได้แล้วฉันก็เริ่มเปิดแก๊สพอไอน้ำเริ่มขึ้นมาจากหม้อ น้ำเริ่มร้อนฉันก็เบาแก๊สลงสุดแล้วก็นิ้วโป้งและนิ้วชี้ค่อยบังคับ บีบ ๆ เพื่อให้เนื้อลูกชิ้นปลิ้นออกมาระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือ พอได้ขนาดที่พอดีฉันก็ใช้ช้อนจุ่มน้ำแล้วก็ปาดลูกชิ้นลงไปในหม้อพร้อมกับเรียกมาม๊ามาดู
“แบบนี้ใช่ไหมคะมาม๊า”
“ไหนม๊าดู ไอหย่า ลื้อทำสวยจังเลยอาแป้ง กลมเสมอกันเลย งั้นลื้อทำลูกชิ้นนะ พอทำเต็มหม้อแล้วก็รอสัก 15 นาที ลื้อก็ตักขึ้นมา”
“ค่ะม๊า”
ผมหลับสนิทมากอยู่หลายชั่วโมงพอรู้สึกตัวแล้วดูเวลาก็เลยตัดสินใจตื่น เพราะตอนนี้ก็เริ่มจะหิว ผมเลยลุกขึ้นแล้วก็เก็บที่นอนจากนั้นก็หยิบอุปกรณ์อาบน้ำแล้วก็เสื้อผ้าเดินเข้ามาในห้องน้ำจากนั้นผมก็อาบน้ำสระผม ผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ยิ้มมุมปากจากนั้นก็วางแปรงสีฟันไว้ในแก้วคู่กับแปรงของร่างบางจากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมเช็ดตัวแล้วก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแขนสั้นลายต้นไม้และปลดกระดุมลงมาสองเม็ดคู่กับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนแล้วก็เดินมาข้างล่าง แล้วตอนนี้ในบ้านเหมือนจะเงียบ พอเดินออกมาก็เห็นเด็กตัวเล็กๆ วันไล่เลี่ยกันพากันนอนหลับอยู่ในห้องนอนเล่นพร้อมกับอากง แล้วพอเดินต่อมาอีกนิดก็เห็นว่าทุกคนเขาอยู่ข้างนอกกันหมด กลุ่มผู้ชายก็กำลังช่วยพ่อตาผมตอกโต๊ะ แล้วร่างบางไปในไหน
“ในครัว”
ฉันกำลังทำลูกชิ้นหมูหลังจากทำลูกชิ้นปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วในจังหวะที่กำลังทำลูกชิ้นอยู่ก็สะดุ้งขึ้นมาหลังจากถูกกอดจากด้านหลัง พอหันไปมองฉันเลยง้างมือที่ซ้อนขึ้นแทบจะทันที
ฟอดดด
“ชื่นใจจัง”
ผมเดินเข้ามาในครัวแล้วก็เห็นร่างบางกำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างผมเลยสวมกอดร่างบางจากด้านหลังและและโน้มหน้าลงไปหอมแก้มของร่างบางหนึ่งทีเบาๆ
“คุณรีบถอยออกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะเอาช้อนจิ้มตาคุณ”
“หึหึ กลัวแล้วครับ แล้วน้องแป้งทำอะไรเหรอครับ”
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะบอกให้เขาปล่อยแขนออกจากเอว เพราะตอนนี้ฉันก็ตั้งใจทำของกินอยู่แล้วเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นมันก็จะน่าเกลียด
“คุณขยับออกไปเลยนะคะ ถ้าคนอื่นมาเห็นฉันจะถอนหมั้นกับคุณจริงๆ นะคะ ใครที่เขาเห็นในตอนนี้แม้จะเป็นคนในครอบครัวก็ยังไม่สมควรอยู่ดีค่ะ”
ผมมองร่างบางก่อนจะเข้าใจทันทีว่าร่างบางกำลังคิดอะไรผมเลยใช้มือลูบศีรษะของร่างบางเบาๆ ก่อนจะยืนหันหน้าหาร่างบางโดยที่ด้านหลังก็พิงอยู่กับเคาท์เตอร์พร้อมกับกอดอกแล้วก็หยิบส้มที่วางอยู่ในตะกร้าขึ้นมาปอกและเริ่มบอกสิ่งที่คิดไว้กับร่างบาง
“เดี๋ยวพี่จะให้ผู้ใหญ่ฝ่ายพี่มาคุยกับอากงอาม่าแล้วก็ปาป๊ามาม๊าของแป้งนะครับ แล้วก็จัดงานหมั้นกันไว้ก่อน พอแป้งเรียนจบเราค่อยจัดงานแต่งงานกัน”
ฉันทำลูกชิ้นไปด้วยพอได้ยินคนตัวสูงพูดขึ้นมาฉันเลยถามเขาออกไป เพราะฉันก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรเรื่องงานหมั้น แต่เรื่องเขาจะเอาผู้ใหญ่มาคุยเรื่องนี้ฉันก็ไม่คัดค้าน เพราะเขาไปมาหาสู่บ้านฉันบ่อยชาวบ้านก็เริ่มจับตามอง แล้วตอนนี้มีแค่ฉันพูดฝ่ายเดียวถ้าผู้ใหญ่ฝ่ายเขามาพูดคุยก็จะเป็นการยืนยัน
“จัดงานหมั้นเลยเหรอคะ”
“ครับ ทุกคนจะได้รู้ว่าเราหมั้นกันแล้ว เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกันมันจะได้ไม่ดูน่าเกลียดไงครับ แป้งจะได้ไม่เสียหาย”
“ให้ผู้ใหญ่ท่านคุยกันแล้วก็ตกลงกันเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ เพราะฉันก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร”
ผมมองร่างบางอยู่สักพักก่อนจะตอบน้องกลับไป เพราะสำหรับถ้าจัดการหมั้นตามทำเนียมเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เพราะเราก็ไปกันในฐานะคู่หมั้นคู่หมาย ถึงแม้ผู้ใหญ่จะมาคุยกันตกลงกันแต่ยังไม่ได้จัดพิธีหมั้นกันยังไงมันก็ยังต้องเว้นระยะห่างเหมือนเดิม
“พี่ว่าหมั้นกันไว้เลยดีกว่าครับ จะช้าหรือเร็วยังไงเราก็ต้องหมั้นกันอยู่ดี”
“ถ้าป๊าม๊าเห็นด้วยฉันก็ไม่อะไรแย้งหรอกค่ะ เพราะเรื่องนี้ฉันคงจะให้มาม๊ากับปาป๊าช่วยตัดสินใจ”
ฉันตอบคนตัวสูงกลับไปแบบที่ตัวเองคิด เพราะที่เขาพูดมันก็ใช่ จะช้าจะเร็วก็ต้องหมั้นกันอยู่ดี แต่ฉันก็ต้องถามความคิดเห็นของปาป๊ามาม๊าก่อน จากนั้นฉันก็สะดุ้งขึ้นมาเบาๆ หลังมีอะไรไม่รู้มาโดนที่ปาก
“คุณ”
“หึหึ ส้มไงครับ มันหวานดี พี่เลยอยากให้แป้งกินด้วยกัน แต่ถ้าแป้งไม่กินเดี๋ยวพี่กินเองก็ได้ครับ”
พอผมพูดจบร่างบางที่พยายามเบี่ยงหน้าหนีก็หยุดแล้วจากนั้นก็กินส้มที่ผมป้อน ผมเลยหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นผมก็คุยกับร่างบางต่ออีกหน่อยและออกมาช่วยพี่ๆ เขายกของด้านนอก