แคว้นมู่...สิบหกปีก่อน
เสียงฝีเท้าม้า เสียงดาบฟาดฟัน คละเคล้าเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้ถูกคร่าชีวิตกับได้รับบาดเจ็บ บ้างร้องเรียกหากัน บ้างร้องขอชีวิต ผู้คนวิ่งหนีตายอลหม่าน ทว่าไปทางไหนก็พบคมดาบของศัตรูทุกหนแห่ง ชาวบ้านธรรมดาต้องจำนนอย่างจำยอมเพื่อรักษาชีวิต บ้างพลัดหลงกับครอบครัว ร้องเรียกหาขณะถูกจับคุมตัวเอาไว้
จวนเสนาบดีกลาโหมเซี่ยหงลี่...
เสนาบดีเซี่ยเข้าวังไปคุ้มกันท่านอ๋อง หากก็สั่งคนของตนคุ้มกันฮูหยินกับบุตรสาวซึ่งหลบซ่อนตัวภายในบ้าน แน่นอนว่าเมื่อทหารต้านทัพศัตรูไว้ได้ เมืองหลวงคือสมรภูมิรบ ทุกพื้นที่ล้วนไม่ปลอดภัย บ่าวไพร่หลบหนีเอาตัวรอดเมื่อรู้ว่าไม่อาจสู้ทหารฝีมือฉกาจของฝ่ายตรงข้ามได้
ร่างน้อยในอ้อมกอดมารดาสะดุ้งทุกครั้งยามได้ยินเสียงดาบกระทบกันพร้อมเสียงร้องของความเจ็บปวด หากยิ่งน่าหวาดกลัวมากขึ้นด้วยเสียงใกล้เข้ามาทุกขณะ กระทั่งมีเสียงพังประตู มือเรียวรีบปิดปากเล็กไม่ให้ส่งเสียงใดๆ พลางย่อกายลงมาส่ายหน้าห้ามไม่ให้หนูน้อยส่งเสียง
‘มีใครอยู่ในนี้ เผยตัวออกมาเสีย หากต้องการรักษาชีวิตเอาไว้’
โครม!! เพล้ง!!
เสียงข้าวของภายในห้องถูกทำลาย ร่างน้อยสั่นเทาน้ำตาไหลพราก ดวงตาคู่กลมโตจ้องใบหน้างดงามของมารดา อยากถามว่าพวกตนจะปลอดภัยหรือไม่ แต่รู้ว่าต้องกลั้นเอาไว้แม้แต่เสียงสะอื้น
‘ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าให้พวกข้าต้องลงมือ’
ผู้บุกรุกตะโกนราวรู้ว่ามีคนหลบซ่อนด้านใน อาจเพราะห้องนี้เป็นห้องใหญ่สุดในจวน คาดเดาได้ไม่ยากว่าเป็นห้องของเจ้าของจวน
แววตาของมารดาที่จ้องมายังตนเต็มไปด้วยความกังวลว้าวุ่น แม้จะกลัวหากหนูน้อยยังใจชื้นเพราะมีท่านอยู่ด้วย แต่ทั้งสองก็ต้องสะดุ้งพร้อมกันเพราะฉากกั้นล้มลง บ่งบอกว่าไม่กี่อึดใจส่วนที่หลบซ่อนอาจไม่ปลอดภัยแล้ว
มือเรียวบางของมารดาประคองแก้มกลมเล็กทั้งข้าง โน้มใบหน้างามลงมาชิด ส่ายหน้าไปมาแล้วจูบหน้าผากตน หนูน้อยรับรู้ได้ถึงน้ำหยดลงมาบนแก้ม ก่อนมารดาจะผละห่าง ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว หมุนกายแทรกออกไปจากมุมคับแคบหลังเตียง
หนูน้อยวัยห้าขวบได้เพียงมองตามมารดาแล้วอ้าปากค้าง กำลังจะร้องเรียกเสียงเข้มของผู้บุกรุกก็ดังขึ้น
‘หึ คิดถูกแล้วที่ยอมจำนนง่ายดาย เจ้าคือผู้ใด’
‘ข้าเป็นเพียงสาวใช้ในจวน’
‘คิดว่าข้าจะเชื่อหรือ สาวใช้หรือจะกล้ามาหลบในห้องใหญ่เช่นนี้’
‘ข้าทำความสะอาดทุกวัน รู้ว่ามีที่หลบซ่อนได้ หน้าสิ่วหน้าขวนเช่นนี้ ใครก็ต้องเอาตัวรอดทั้งนั้น’
หนูน้อยตัวสั่นเทา อยากวิ่งตามมารดาออกไปแต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นด้วยซ้ำ
‘ในนี้มีเพียงเจ้าแน่หรือ’
‘ใช่’
ควับ!
จบคำก็มีเสียงฟันผ้าม่านขาดในทันใด พร้อมเท้าหนักก้าวต่อมาราวต้องการดูว่ามีซอกหลืบหรือประตูกลหรือไม่
ฉึก!!
ดาบทะลุเข้ามาด้านบนช่องที่หนูน้อยซุกตัวอยู่ มีเพียงประตูลับเล็กแคบขวางกั้น มือบางสองข้างปิดปากตัวเองแน่น ในใจร้องเรียกหามารดาน้ำตาไหลนองหน้า
ฉึก!!
ดาบแทงต่ำลงเฉียดเส้นผมเหนือศีรษะไปเพียงเสี้ยวเดียว
‘ท่านแม่ ฮือ...’
หนูน้อยคร่ำครวญในใจ อยากร้องเรียกให้มารดากลับมาโอบกอด ไม่เข้าใจว่าไยท่านจึงปล่อยนางไว้เพียงลำพังกระทั่งจะถูกสังหารทิ้งในช่องเล็กแคบนี้ยังไม่เข้ามาช่วย
เด็กน้อยหลับตาปี๋ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ไม่รู้ว่ามารดาของตนพยายามตีสีหน้าให้นิ่งเพียงใด ทั้งที่ขาสั่นเทาอยากกลับไปปกป้องลูกน้อยของตน ภาวนาในใจให้ศัตรูหาเจ้าตัวไม่พบ
‘ท่านรองแม่ทัพ ท่านแม่ทัพใหญ่จับตัวท่านอ๋องแคว้นมู่ได้สำเร็จแล้วขอรับ’
มีทหารเข้ามารายงานทำให้รองแม่ทัพกวาดมองผนังบางนั้นเพียงเล็กน้อย ช่องค่อนข้างแคบทีเดียว หากมีคนอยู่จริงย่อมไม่รอดทว่าไม่มีเสียงร้องใดจึงเลิกใส่ใจ
‘นำตัวนางไปด้วย’
สั่งทหารแล้วผู้เป็นรองแม่ทัพก็ก้าวออกไปก่อน หญิงสาวถูกคุมตัวให้ก้าวตาม เจ้าตัวมีสีหน้ากังวลทว่าไม่ยอมหันกลับไปมองเบื้องหลัง
เสียงประตูปิดลง ร่างน้อยที่นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวที่สุดในชีวิตรวบรวมความกล้า วิ่งออกจากซอกเล็กตามไปจนถึงประตู แล้วต้องชะงักกับความโกลาหลตรงหน้า มารดาของนางหายไปกับคนที่ถูกกวาดต้อน หากยังมีคนที่คิดต่อสู้ เสียงฟาดฟันฆ่าแกงกันรอบทิศ
‘ท่านแม่!’
หนูน้อยตะโกนสุดเสียงเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่อาจดังฝ่าเสียงดังวุ่นวายได้
‘ท่าน...’
ในตอนนั้นมีร่างหนึ่งถลามาทับตน หนูน้อยล้มหน้าคะมำ ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง เลือดไหลอาบพื้นทันทีทันใด
‘อ๊าก!!’
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมร่างที่ทับร่างเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนแน่นิ่ง
‘ทะ...ท่าน...แม่...’
ความเจ็บรวดร้าวที่ศีรษะรวมถึงร่างหนักอึ้งราวหินผาที่ทับกายตนทำให้หนูน้อยยากจะขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วมือ
‘พาข้าไปด้วย...’
ได้เพียงคิดร้องหามารดาในความคิด สายตามองตามปิ่นปักผมบนศีรษะมารดาท่ามกลางผู้คนอย่างเลือนราง ดวงตาเรียวสวยปิดลงช้าๆ
‘เด็กหรือ? ตายแล้วกระมัง’
เสียงเข้มนั้นราวลอยอยู่ไกลแสนไกลในความรู้สึกของหนูน้อย
ศัตรูบุกเข้าถึงกำแพงวังแคว้นมู่ผ่านไปไม่กี่ชั่วยามเสียงโห่ร้องมีชัยก็ดังขึ้น มาพร้อมเสียงประกาศก้อง
“เจ้าแคว้นของพวกเจ้าถูกจับแล้ว จงวางอาวุธเสีย”
ร่างของท่านอ๋องเจ้าแคว้นถูกจับมายืนเหนือกำแพงวัง มีดาบวางประชิดคอไว้รู้ว่าพร้อมสังหารในทันใดหากทหารของแคว้นมู่ต่อต้าน
เจ้าแคว้นมู่ประเมินการรบในครั้งนี้ต่ำเกินไป ไม่คิดว่ากองทัพแคว้นฉู่จะบุกทะลวงรุกรานเข้ามาถึงกำแพงเมืองหลวงได้ในเวลาเพียงสามวัน หลังจากยื้อรบรามานาน
เหล่าทหารต่างต้องยอมลดดาบในมือตน แม้จะคับแค้นใจที่ไม่อาจปกป้องดินแดนของตนจากเงื้อมมือศัตรูได้ แต่หากขัดขืนเท่ากับชีวิตของเจ้าแคว้นก็ต้องจบลิ้นลง ไม่มีผู้ใดฝืน สุดท้ายเหล่าทหารไม่ว่ายศน้อยใหญ่ต่างต้องยอมพ่ายแพ้
แคว้นมู่ถูกยึดครองโดยแค้นฉู่ได้สำเร็จ