1.อดีตที่ถูกทิ้ง

1143 คำ
แคว้นมู่...สิบหกปีก่อน เสียงฝีเท้าม้า เสียงดาบฟาดฟัน คละเคล้าเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้ถูกคร่าชีวิตกับได้รับบาดเจ็บ บ้างร้องเรียกหากัน บ้างร้องขอชีวิต ผู้คนวิ่งหนีตายอลหม่าน ทว่าไปทางไหนก็พบคมดาบของศัตรูทุกหนแห่ง ชาวบ้านธรรมดาต้องจำนนอย่างจำยอมเพื่อรักษาชีวิต บ้างพลัดหลงกับครอบครัว ร้องเรียกหาขณะถูกจับคุมตัวเอาไว้ จวนเสนาบดีกลาโหมเซี่ยหงลี่... เสนาบดีเซี่ยเข้าวังไปคุ้มกันท่านอ๋อง หากก็สั่งคนของตนคุ้มกันฮูหยินกับบุตรสาวซึ่งหลบซ่อนตัวภายในบ้าน แน่นอนว่าเมื่อทหารต้านทัพศัตรูไว้ได้ เมืองหลวงคือสมรภูมิรบ ทุกพื้นที่ล้วนไม่ปลอดภัย บ่าวไพร่หลบหนีเอาตัวรอดเมื่อรู้ว่าไม่อาจสู้ทหารฝีมือฉกาจของฝ่ายตรงข้ามได้ ร่างน้อยในอ้อมกอดมารดาสะดุ้งทุกครั้งยามได้ยินเสียงดาบกระทบกันพร้อมเสียงร้องของความเจ็บปวด หากยิ่งน่าหวาดกลัวมากขึ้นด้วยเสียงใกล้เข้ามาทุกขณะ กระทั่งมีเสียงพังประตู มือเรียวรีบปิดปากเล็กไม่ให้ส่งเสียงใดๆ พลางย่อกายลงมาส่ายหน้าห้ามไม่ให้หนูน้อยส่งเสียง ‘มีใครอยู่ในนี้ เผยตัวออกมาเสีย หากต้องการรักษาชีวิตเอาไว้’ โครม!! เพล้ง!! เสียงข้าวของภายในห้องถูกทำลาย ร่างน้อยสั่นเทาน้ำตาไหลพราก ดวงตาคู่กลมโตจ้องใบหน้างดงามของมารดา อยากถามว่าพวกตนจะปลอดภัยหรือไม่ แต่รู้ว่าต้องกลั้นเอาไว้แม้แต่เสียงสะอื้น ‘ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าให้พวกข้าต้องลงมือ’ ผู้บุกรุกตะโกนราวรู้ว่ามีคนหลบซ่อนด้านใน อาจเพราะห้องนี้เป็นห้องใหญ่สุดในจวน คาดเดาได้ไม่ยากว่าเป็นห้องของเจ้าของจวน แววตาของมารดาที่จ้องมายังตนเต็มไปด้วยความกังวลว้าวุ่น แม้จะกลัวหากหนูน้อยยังใจชื้นเพราะมีท่านอยู่ด้วย แต่ทั้งสองก็ต้องสะดุ้งพร้อมกันเพราะฉากกั้นล้มลง บ่งบอกว่าไม่กี่อึดใจส่วนที่หลบซ่อนอาจไม่ปลอดภัยแล้ว มือเรียวบางของมารดาประคองแก้มกลมเล็กทั้งข้าง โน้มใบหน้างามลงมาชิด ส่ายหน้าไปมาแล้วจูบหน้าผากตน หนูน้อยรับรู้ได้ถึงน้ำหยดลงมาบนแก้ม ก่อนมารดาจะผละห่าง ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว หมุนกายแทรกออกไปจากมุมคับแคบหลังเตียง หนูน้อยวัยห้าขวบได้เพียงมองตามมารดาแล้วอ้าปากค้าง กำลังจะร้องเรียกเสียงเข้มของผู้บุกรุกก็ดังขึ้น ‘หึ คิดถูกแล้วที่ยอมจำนนง่ายดาย เจ้าคือผู้ใด’ ‘ข้าเป็นเพียงสาวใช้ในจวน’ ‘คิดว่าข้าจะเชื่อหรือ สาวใช้หรือจะกล้ามาหลบในห้องใหญ่เช่นนี้’ ‘ข้าทำความสะอาดทุกวัน รู้ว่ามีที่หลบซ่อนได้ หน้าสิ่วหน้าขวนเช่นนี้ ใครก็ต้องเอาตัวรอดทั้งนั้น’ หนูน้อยตัวสั่นเทา อยากวิ่งตามมารดาออกไปแต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ‘ในนี้มีเพียงเจ้าแน่หรือ’ ‘ใช่’ ควับ! จบคำก็มีเสียงฟันผ้าม่านขาดในทันใด พร้อมเท้าหนักก้าวต่อมาราวต้องการดูว่ามีซอกหลืบหรือประตูกลหรือไม่ ฉึก!! ดาบทะลุเข้ามาด้านบนช่องที่หนูน้อยซุกตัวอยู่ มีเพียงประตูลับเล็กแคบขวางกั้น มือบางสองข้างปิดปากตัวเองแน่น ในใจร้องเรียกหามารดาน้ำตาไหลนองหน้า ฉึก!! ดาบแทงต่ำลงเฉียดเส้นผมเหนือศีรษะไปเพียงเสี้ยวเดียว ‘ท่านแม่ ฮือ...’ หนูน้อยคร่ำครวญในใจ อยากร้องเรียกให้มารดากลับมาโอบกอด ไม่เข้าใจว่าไยท่านจึงปล่อยนางไว้เพียงลำพังกระทั่งจะถูกสังหารทิ้งในช่องเล็กแคบนี้ยังไม่เข้ามาช่วย เด็กน้อยหลับตาปี๋ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ไม่รู้ว่ามารดาของตนพยายามตีสีหน้าให้นิ่งเพียงใด ทั้งที่ขาสั่นเทาอยากกลับไปปกป้องลูกน้อยของตน ภาวนาในใจให้ศัตรูหาเจ้าตัวไม่พบ ‘ท่านรองแม่ทัพ ท่านแม่ทัพใหญ่จับตัวท่านอ๋องแคว้นมู่ได้สำเร็จแล้วขอรับ’ มีทหารเข้ามารายงานทำให้รองแม่ทัพกวาดมองผนังบางนั้นเพียงเล็กน้อย ช่องค่อนข้างแคบทีเดียว หากมีคนอยู่จริงย่อมไม่รอดทว่าไม่มีเสียงร้องใดจึงเลิกใส่ใจ ‘นำตัวนางไปด้วย’ สั่งทหารแล้วผู้เป็นรองแม่ทัพก็ก้าวออกไปก่อน หญิงสาวถูกคุมตัวให้ก้าวตาม เจ้าตัวมีสีหน้ากังวลทว่าไม่ยอมหันกลับไปมองเบื้องหลัง เสียงประตูปิดลง ร่างน้อยที่นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวที่สุดในชีวิตรวบรวมความกล้า วิ่งออกจากซอกเล็กตามไปจนถึงประตู แล้วต้องชะงักกับความโกลาหลตรงหน้า มารดาของนางหายไปกับคนที่ถูกกวาดต้อน หากยังมีคนที่คิดต่อสู้ เสียงฟาดฟันฆ่าแกงกันรอบทิศ ‘ท่านแม่!’ หนูน้อยตะโกนสุดเสียงเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่อาจดังฝ่าเสียงดังวุ่นวายได้ ‘ท่าน...’ ในตอนนั้นมีร่างหนึ่งถลามาทับตน หนูน้อยล้มหน้าคะมำ ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง เลือดไหลอาบพื้นทันทีทันใด ‘อ๊าก!!’ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมร่างที่ทับร่างเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนแน่นิ่ง ‘ทะ...ท่าน...แม่...’ ความเจ็บรวดร้าวที่ศีรษะรวมถึงร่างหนักอึ้งราวหินผาที่ทับกายตนทำให้หนูน้อยยากจะขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วมือ ‘พาข้าไปด้วย...’ ได้เพียงคิดร้องหามารดาในความคิด สายตามองตามปิ่นปักผมบนศีรษะมารดาท่ามกลางผู้คนอย่างเลือนราง ดวงตาเรียวสวยปิดลงช้าๆ ‘เด็กหรือ? ตายแล้วกระมัง’ เสียงเข้มนั้นราวลอยอยู่ไกลแสนไกลในความรู้สึกของหนูน้อย ศัตรูบุกเข้าถึงกำแพงวังแคว้นมู่ผ่านไปไม่กี่ชั่วยามเสียงโห่ร้องมีชัยก็ดังขึ้น มาพร้อมเสียงประกาศก้อง “เจ้าแคว้นของพวกเจ้าถูกจับแล้ว จงวางอาวุธเสีย” ร่างของท่านอ๋องเจ้าแคว้นถูกจับมายืนเหนือกำแพงวัง มีดาบวางประชิดคอไว้รู้ว่าพร้อมสังหารในทันใดหากทหารของแคว้นมู่ต่อต้าน เจ้าแคว้นมู่ประเมินการรบในครั้งนี้ต่ำเกินไป ไม่คิดว่ากองทัพแคว้นฉู่จะบุกทะลวงรุกรานเข้ามาถึงกำแพงเมืองหลวงได้ในเวลาเพียงสามวัน หลังจากยื้อรบรามานาน เหล่าทหารต่างต้องยอมลดดาบในมือตน แม้จะคับแค้นใจที่ไม่อาจปกป้องดินแดนของตนจากเงื้อมมือศัตรูได้ แต่หากขัดขืนเท่ากับชีวิตของเจ้าแคว้นก็ต้องจบลิ้นลง ไม่มีผู้ใดฝืน สุดท้ายเหล่าทหารไม่ว่ายศน้อยใหญ่ต่างต้องยอมพ่ายแพ้ แคว้นมู่ถูกยึดครองโดยแค้นฉู่ได้สำเร็จ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม